บทที่ 817 ปรึกษากัน / บทที่ 818 นี่วิธีเล่นแบบใหม่อะไรกัน

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 817 ปรึกษากัน

เป็นเพราะการให้ความร่วมมือของกงซวี่ การถ่ายทำจึงสำเร็จด้วยประสิทธิภาพเกินมาตรฐาน

ระหว่างนั้นไช่หย่งเซิ่งขอให้ถ่ายท่าโพสที่ใกล้ชิดกันหลายครั้ง ยังดีที่เป็นเพราะมีเยี่ยหวันหวั่นคอยจับตาดู บวกกับ เหลียงฉงกังวลถึงมาตรฐานของซิวเซ่อ จึงไม่ได้ถ่ายรูปที่ล้ำเส้นเกินไป การถ่ายทำจึงจบลงด้วยดี

เพิ่งถ่ายเสร็จกงซวี่ก็มุดขึ้นรถตู้ทันที

“ผลไม้อบแห้งของผมล่ะ!” พอขึ้นรถกงซวี่ก็พุ่งเข้าหาตงไจ๋เหมือนหมาป่าอดอยาก

ตงไจ๋เช็ดเหงื่อ รีบหยิบออกมา “พี่ซวี่ ซื้อมาแล้ว เป็นยี่ห้อที่พี่ชอบกินเลย”

กงซวี่รับถุงมามองทีหนึ่ง ก่อนมีสีหน้าไม่พอใจ “ไม่ซื้ออย่างอื่นมาอีกเหรอ ให้นายซื้อผลไม้อบแห้งสองกล่อง นายก็ดันซื้อแค่สองกล่องจริงๆ เค้กก้อนหนึ่งก็ไม่เพิ่มให้!”

กงซวี่น้ำหนักเกินเกณฑ์เพราะชอบแอบกินขนม ดังนั้นตลอดมาจึงถูกเยี่ยหวันหวั่นสั่งให้ลดความอ้วน ไม่อนุญาตให้กินขนม โดยเฉพาะของหวาน นานๆ ทีถึงจะยอมให้กินสักครั้ง

กงซวี่ค่อยๆ ลิ้มรสชาติอย่างระมัดระวังทีละน้อย กลัวว่าจะกินหมดเสียก่อน ขณะกินอยู่ก็กะพริบตาปริบๆ ออเซาะเยี่ยหวันหวั่นที่นั่งเบาะด้านข้างด้วยน้ำตาคลอหน่วย “พี่เยี่ย พี่เยี่ยครับ น้องขอพูดกับพี่สักเรื่องได้ไหม”

เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุกเบาๆ “พูดจาภาษาคน”

กงซวี่ว่า “พี่เยี่ย ขอปรึกษาหน่อย!”

เยี่ยหวันหวั่นตอบรับ “ว่า”

กงซวี่กล่าวด้วยตาเป็นประกาย “อืม คือ เมื่อไหร่พี่จะให้ผม…ได้เจอเสี่ยวมี่เจี้ยนจริงๆ สักที?”

ทั้งที่ตอนแรกติดตามเยี่ยไป๋เพราะเสี่ยวมี่เจี้ยน แต่พอได้รู้จักกัน เขากลับพบว่าความสนใจของตัวเองอยู่ที่ตัวของเยี่ยไป๋ จนแทบจะลืมเป้าหมายในตอนแรกของตัวเองไปหมด

แต่บางครั้งเมื่อมองใบหน้าของเยี่ยไป๋ ก็จะนึกถึงเสี่ยวมี่เจี้ยนของเขาทุกที

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมอง “ยังไม่ตัดใจอีก?”

กงซวี่ทำหน้าจริงจัง “พี่เยี่ย พูดอะไรแบบนั้นล่ะครับ ถึงปกติผมจะเจ้าชู้ไปบ้าง แต่ความรักที่ผมมีให้เสี่ยวมี่เจี้ยนไม่เหมือนกันนะ”

เยี่ยหวันหวั่นพูด “ไม่เหมือนตรงไหน? พวกนายเจอกันแค่ครั้งเดียวเอง”

กงซวี่หน้าแดง บอกด้วยความเขินอายว่า “พี่เยี่ย พี่ไม่เคยได้ยินคำพูดที่สาวๆ พูดกันเหรอครับ สิ่งที่เรียกว่าความรักไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น บางทีอาจจะแค่เธอมาปรากฏตัวต่อหน้าฉันตอนบ่ายวันหนึ่ง ใส่เชิ้ตสีขาวที่ฉันชอบก็ได้ สำหรับผมแล้ว ความรักคือการที่เสี่ยวมี่เจี้ยนส่งผลไม้อบแห้งกล่องหนึ่งให้ผมในเวลาที่ถูกต้อง…”

เยี่ยหวันหวั่นมองกงซวี่ที่จู่ๆ ก็มี ‘จิตใจสาวน้อย’ อย่างหมดคำพูด

ทั้งที่เป็นคนเจ้าชู้แท้ๆ ไม่นึกว่าจะแสดงท่าทีอย่างเด็กหนุ่มที่มีรักแรกออกมา

เยี่ยหวันหวั่นบอกว่า “เสี่ยวมี้เจี้ยนไม่มี อนุญาตให้นายกินช็อกโกแลตวันละแท่งเท่านั้น”

ยอมให้หน่อยแล้วกัน ถึงอย่างไรครั้งนี้กงซวี่ก็คงจะได้รับความอึดอัดอยู่บ้าง

กงซวี่ได้ยินก็พลันลิงโลด จากนั้นก็มองเยี่ยหวันหวั่นด้วยใบหน้าระแวดระวัง “พี่เยี่ย ทำไมอยู่ๆ ถึงทำดีกับผมล่ะ? ผมใจไม่ดีเลยเนี่ย…พี่…หรือพี่จะขายผมให้เศรษฐีนีมีเงิน ให้ผมหลบนอนกับเธอ!”

เยี่ยหวันหวั่นกลอกตา

ไปเคี้ยวผักกาดของนายต่อเถอะ…

หลังจากธุระจบลง เยี่ยหวันหวั่นกลับถึงจิ่นหยวน กินอาหารเย็นกับซือเยี่ยหาน

กลับมาหลายวันขนาดแล้ว เนี่ยอู๋หมิงหายสาบสูญ ไม่ได้ติดต่อกับเธออีก ไม่รู้ว่ายังต้องการให้เธอช่วยอยู่อีกไหม ดังนั้นเธอจึงยังไม่ได้พูดอะไรกับทางซือเยี่ยหานเลย

เจ้าหมอนั่นใช้ไม่ได้จริงๆ รอยืนยันก่อนค่อยตัดสินใจก็แล้วกัน ถึงอย่างไรจู่ๆ จะให้เธอบอกซือเยี่ยหานให้ไปเป็นพ่อคนก็เหลวไหลเกินไปหน่อย…

———————————————————————

บทที่ 818 นี่วิธีเล่นแบบใหม่อะไรกัน

เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งเข้าไปในสวนก็พบกับสืออี และเห็นรอยช้ำที่ตากับคางของเขา

“อ้าว? สืออี หน้านายเป็นอะไร” เยี่ยหวันหวั่นถามอย่างเป็นห่วง

“เอ่อ คุณหนูหวันหวั่น…” สืออีรีบปิดหน้าของตัวเองโดยสัญชาตญาณ นอกจากนี้ยังถอยหลังก้าวใหญ่ตามการตอบสนองต่อสิ่งเร้า “ไม่…ไม่มีอะไรครับ…”

เยี่ยหวันหวั่นแววตาคมปลาบ “จะไม่มีอะไรได้ยังไง ใครทำ? พวกหยวนเซิงมาหาเรื่องเหรอ?”

สืออีอึกอัก “ไม่ครับ ไม่มีจริงๆ ครับ ผมไปชนใส่กำแพงของผมเอง…”

เยี่ยหวันหวั่นงงงัน “หา?”

ชนกำแพงเป็นแบบนี้เหรอ?

เยี่ยหวันหวั่นกำลังคุยกับสืออี เฟิงเสวียนอี้ก็เดินมาจากด้านหลัง จมูกเขียวหน้าบวมเหมือนๆ กัน

เยี่ยหวันหวั่นมองสืออีแล้วจึงมองเจ้าติดอ่าง ทำหน้าไม่เชื่อ “เฟิงเสวียนอี้ เกิดอะไรขึ้น?”

เฟิงเสวียนอี้งงงันก่อน จากนั้นกะพริบตา “เอ่อ…ผม…ผม…ผมกับ…กับสืออี…ชน…ชนกำแพงด้วยกัน…”

สืออีพูดขึ้นทันที “ใช่ ผมเป็นพยานได้”

เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าหมดคำพูด “…พวกนาย นี่วิธีเล่นแบบใหม่เหรอ?”

เฟิงเสวียนอี้ “…”

สืออีเช็ดเหงื่อ

พวกเขาไม่ได้อยากเล่นสักหน่อย…

ตอนที่กินข้าวกับซือเยี่ยหาน เยี่ยหวันหวั่นคิดถึงเรื่องหลานชายของเนี่ยอู๋หมิงที่พ่อแม่หายตัวไปอยู่ตลอด

เธอคิดอย่างละเอียดแล้ว ด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้ของซือเยี่ยหาน เขาแทบจะมีลูกไม่ได้ เอาเถอะ ขนาดเรื่องอย่างว่าร่างกายเขายังรับไม่ได้ อย่าไปพูดถึงเรื่องมีลูกเลย

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าความเป็นไปได้ที่ซือเยี่ยหานผู้ไม่สนใจใครจะไปเป็นพ่อแม่คนชั่วคราวนั้นมีต่ำเกินไป ในสถานการณ์แบบนี้ถ้ายังให้เขาไปแสร้งเป็นพ่อคน จะไม่ใช่การซ้ำแผลของเขาหรอกเหรอ?

อืม ถึงเวลานั้นหานักแสดงชั่วคราวมาแก้ขัดไปแล้วกัน…

เห็นเยี่ยหวันหวั่นเคี้ยวตะเกียบ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ซือเยี่ยหานก็มองเธอด้วยแววตาที่เหมือนมองทะลุจิตใจ  “กำลังคิดอะไรอยู่?”

“หา?” เยี่ยหวันหวั่นร้อนตัว โพล่งไปว่า “ไม่! ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย คิดว่าร่างกายของคุณดีขึ้นแล้วหรือยัง เมื่อไรพวกเราจะมีอะไรกันได้?”

“แค่ก…” ซือเยี่ยหานสำลัก

เยี่ยหวันหวั่นรีบไปตบหลังให้เขา “เป็นอะไรไหมคะ”

อืม…ท่าทางเสียกริยาแบบนี้ของซือเยี่ยหานหาดูได้ยากจริงๆ…

เธอพบว่าตัวเองเริ่มชอบสัพยอกซือเยี่ยหานมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แถมยิ่งทำก็ยิ่งคล่องปาก นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!

ซือเยี่ยหานมีกลับมามีสีหน้าท่าทีเย็นชาเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว “ตั้งใจกินข้าว”

“อื้มๆ!” ทำยังไงได้ พอกินอิ่มนอนอุ่นความอยากก็มา…

“ช่วงนี้งานเป็นยังไงบ้าง?” ซือเยี่ยหานถาม

ซือเยี่ยหานไม่เคยถามเรื่องงานของเธอ ไม่ได้ถามกันบ่อยๆ

คงเป็นเพราะรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของบริษัทแล้ว…?

เยี่ยหวันหวั่นเล่าสถานการณ์ให้เขาฟังคร่าวๆ แล้วบอกว่า “ไช่หย่งเซิ่งเป็นหลานของฉู่หงกวง มีคนหนุนหลังดีขนาดนี้ ถ้าเขาคิดจะรับดูแลบริษัทต่อ ฉันก็ขวางไม่ได้ นี่เป็นสถานการณ์ที่ฉันคาดไว้แต่ต้นแล้ว อุตส่าห์ดูแลมาถึงตอนนี้ พอเห็นเขาทำลายความพยายามของตัวเองก็อดปวดใจไม่ได้…เพียงแต่ขั้นนี้ช้าเร็วยังไงก็ต้องเจอ…”

ตอนที่เข้ากวงเย่า เป้าหมายของเธอชัดเจนมาก กวงเย่าเทียบได้กับหมู่บ้านเริ่มต้น เป็นที่ที่เธอเอาไว้ฝึกฝน เก็บเกี่ยวประสบการณ์และเส้นสาย ไม่ว่าอย่างไรสักวันหนึ่งก็ต้องลาจาก

ซือเยี่ยหานมองเธออย่างเรียบเฉย “คนหนุนหลังของเขา…ดีมากเหรอ?”

เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตา หัวเราะแห้งๆ และพูดอย่างรวดเร็วฉับไว “ไม่ใช่สักหน่อย ดีขนาดไหนก็ดีไม่เท่าของฉันหรอก!”

………………………………..