ตอนที่ 597 เงินทองที่สว่างสุกสกาว
“ท่านอ๋องเกรงใจเกินไปแล้ว ซูหลีมิอาจรับคำชื่นชมของท่านอ๋องได้” ซูหลียิ้มแต่ไม่พูดไม่จา ใบหน้าสดใส
เปรียบกับความสุขุมของนางแล้ว คนในบริเวณนั้นลุกลี้ลุกลนอย่างเหลือเกิน
นั่งไม่ติด นั่งไม่ติดกันจริงๆ
เมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมามีพวกเขาบางคนเคยเสแสร้งทำท่าทางฉลาดต่อหน้าซูหลี ตอนนี้ดูๆ ไปแล้วเป็นเหมือนเรื่องตลกอย่างไรอย่างนั้น ตลกที่พวกเขาโง่งมและไร้เดียงสา ทั้งยังตลกที่พวกเขาช่างไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าซูหลีเคยได้ป้ายฉยงสือมาครอบครอง เม็ดพลันเหงื่อผุดออกเต็มแผ่นหลังคนจำนวนไม่น้อย
การกระทำต่างๆ ที่ล่วงเกินซูหลีไป จะไม่เป็นอะไรจริงหรือ?
“จริงสิ รายชื่อออกมาแล้วนะ คุณชายป๋าย” ซูหลีนึกอะไรขึ้นมาได้ในทันทีจึงเหลือบตามองป๋ายเฮ่อ
ป๋ายเฮ่อสบตากับอีกฝ่าย กลับพบแต่ความลึกล้ำในแววตาซูหลี และสะท้อนใบหน้าตนเองที่ดูชั่วร้ายขึ้นมา
เมื่อเห็นป๋ายเฮ่อมองนางด้วยใบหน้าชั่วร้าย ซูหลียกมุมปากขึ้นและยิ้มเบาบาง “ยอมรับความพ่ายแพ้สิ!”
สีหน้าป๋ายเฮ่อดูย่ำแย่อย่างบอกไม่ถูก
เขาเองก็นึกถึงเดิมพันที่เคยตกลงกับซูหลี พูดไปแล้วเรื่องที่เขาต้องทำนั้น ที่จริงก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เปรียบกันไปแล้วเงื่อนไขที่ซูหลีรับปากต่างหากถึงจะขายหน้ากว่ากันมาก
แต่คนแพ้ก็ยังเป็นเขา!
กรอด! ป๋ายเฮ่อกำมือแน่น เพราะเขาใช้แรงมากจนเกินไป จนได้ยินเสียงกรอบแกรบบริเวณข้อต่อต่างๆ
“ช่วงนี้ข้าพอมีเวลาว่างอยู่ คุณชายป๋ายท่านมาสามารถมาทำตามเดิมพันได้ทุกเมื่อ อ้อจริงด้วยสิ” ซูหลีพูดตรงนี้ก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก นางเลิกคิ้วพลางเอ่ย
“อย่าลืมใส่สื้อผ้าสีสดๆ หน่อยนะ ทำตัวให้มันครึกครื้นหน่อย ข้าเนี่ยชอบความสนุกสนาน ไม่ชอบความเงียบ ชอบสีสันฉูดฉาดไม่ชอบสีเรียบๆ” พูดพลางกวาดตามองป๋ายเฮ่อตั้งแต่หัวจรดเท้า ป๋ายเฮ่อใส่ชุดสีขาวนวลอยู่
สีหน้าป๋ายเฮ่อนั้นดำคล้ำเหมือนก้นหม้อเป็นถนัดใจ
“จำไว้หรือยัง?” ซูหลีกลับเหมือนสัมผัสความโกรธเกรี้ยวของเขาไม่ได้ แถมไม่พอยังสำทับขึ้นอีก
“ซูหลีเจ้าอย่าทำเกินไปนักเลย!” เฉิงเค่อที่อยู่ข้างๆ เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าคล้ำเครียด
ซูหลีกวาดสายตามองเขาอย่างเย็นชา หลังจากทะเลาะวิวาทกันที่หอหร่วนเซียงเมื่อคราวก่อน ก็เพิ่งจะเจอหน้ากันเป็นครั้งแรก เสียดายคนผู้นี้ไม่จำอะไรเสียเลย!
นางมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ข้าทำเกินไปหรือไม่คุณชายป๋ายไม่เห็นพูดอะไรเลย คนสอบตกอย่างเจ้าพูดอะไรมากมายนักหนา!”
ใบหน้าเฉิงเค่อเปลี่ยนสีไปอย่างมหาศาล หลังจากได้ยินคำพูดเช่นนี้ของนางก็หัวเสียขึ้นมาในทันที ถลาไปหาซูหลีและเอ่ย “ซูหลี เจ้า…”
“คุณชายเฉิงรักษากิริยาด้วย” แต่ว่าเขาไม่แม้แต่จะแตะตัวซูหลี ก็ถูกทรวงอกแน่นขวางเอาไว้
เฉิงเค่อเหลือบตามองก็ไปประสานสายตาเข้ากับแววตาไร้อารมณ์ใดๆ ของชุยตาน
“เฉิงเค่อ!” ป๋ายเฮ่อเองอุทานเรียกชื่อเขา ทั้งฉินม่อโจวและฉินมู่ปิงต่างก็อยู่ที่นี่ด้วยหากมีแค่ฉินมู่ปิงล่ะก็จะลงไม้ลงมือก็คงจะไม่เป็นอะไร แต่ฉินม่อโจวเองก็อยู่ด้วย ตอนนี้ไม่ควรจะมีเรื่องผิดใจอะไรกับซูหลี
เฉิงเค่อจ้องซูหลีเขม็ง ในแววตาเจือไปด้วยความเคียดแค้นอย่างบอกไม่ถูก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ก่อเรื่องขึ้นมา
ซูหลีเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะขบขัน นางลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน ยกมือขึ้นและปรบเบาๆ สองที
แปะ แปะ!
จากนั้นองครักษ์ที่นางพามาด้วยสิบกว่าคน ก็แบกกล่องไม้แดงที่นำมาด้วยก่อนหน้านี้เข้ามา และเปิดออก!
ทันทีที่กล่องนั้นเปิดออกทุกคนก็ต้องงุนงงไป!
เพียงในกล่องจำนวนสิบกว่ากล่องนั้นเป็นเงินตราที่เปล่งแสงแวววาว!
ตอนที่ 598 ต้องขอบคุณทุกท่านด้วย
คนที่อยู่ในหอสดับพิรุณวันนี้ล้วนแต่ไม่ใช่คนธรรมดา
เช่นป๋ายเฮ่อเอย หรือจะจี้ฉินก็ตาม ทุกคนล้วนแต่เกิดมาในตระกูลที่สูงศักดิ์
หนำซ้ำยังมีอนุชาและพระราชนัดดาของฮ่องเต้ถึงสองคน
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ เงินในกล่องจำนวนสิบกว่ากล่องก็ทำให้พวกเขาตาพร่าลาย!
ขนาดฉินมู่ปิงที่เคยเจอเรื่องใหญ่ๆ มามาก เห็นเช่นนี้ยังเกร็งตัวอย่างอดไม่ได้ จากนั้นจึงมองซูหลีด้วยความงุนงง
“ซูหลี นี่หมายความว่าอย่างไร?” ป๋ายเฮ่อเองก็ได้สติกลับมาเช่นกัน ในหัวซูหลีคิดอะไรอยู่กัน? ในเวลาเช่นนี้ การกระทำโอหังของอีกฝ่ายก็คงต้องปล่อยไป อย่างไรก็สอบได้ฮุ่ยหยวนแล้ว ถือได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องควรค่าให้ยินดีจริงๆ
แต่ว่า…
นี่ออกจะดีใจเกินไปหน่อยหรือเปล่านะ?
ถึงขนาดดีใจจนให้คนมากมายเช่นนี้แบกกล่องที่เต็มไปด้วยเงินเดินเตร็ดเตร่ตามท้องถนน?
แถมยังจงใจวางตรงหน้าพวกเขา ซูหลีเป็นโรคอะไรกันแน่?
พรึ่บ! ซูหลีคลี่พัดในมือตนเอง ระบายยิ้มกว้าง นางเองก็รู้ว่าการกระทำของนางในตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับยาจกได้ทองแม้แต่น้อย แต่นางก็ไม่แยแสแม้แต่น้อย
“ว่าไปแล้วก็ต้องขอบคุณทุกท่านด้วยซ้ำไป!” นางโบกพัดในมือ ด้วยท่าทางปราดเปรื่อง
แน่นอนว่า…
การทำท่าทางหลักแหลมท่ามกลางกองเงินทองนั้นออกจะ…
หึ และยังเจือไปด้วยบางสิ่งที่บอกไม่ถูก
“หมายความว่าอะไร?” ฉินมู่ปิงกวาดตามองกล่องจำนวนสิบกว่าตรงหน้า คิดคำนวณในใจ แล้วก็ตกใจกับจำนวนแสนมหาศาล แล้วจึงเอ่ยเช่นนี้ออกมา
ซูหลีปรายตามองเขาน้อยๆ จากนั้นจึงยิ้มบางๆ “ก่อนสอบการสอบชุนเหวย ข้าได้ยินมาว่าบ่อนแต่ละที่ในเมืองหลวงได้จัดพนันขันต่อ ส่วนเรื่องที่เดิมพันกันก็คือ เรื่องของข้าและคุณชายป๋าย!”
นางเอ่ยเช่นนี้ คนฉลาดๆ ก็เข้าใจความหมายของนาง
เพียงแต่ว่า…
เข้าใจก็เข้าใจอยู่ แต่วิธีการของนางออกจะ ออกจะทำให้คนอื่นไม่รู้จะพูดอย่างไรดี!
“ซึ่งก็อาศัยใบบุญทุกท่าน เดิมข้านั้นไม่อยากจะพ่ายแพ้จนน่าอนาถเกินไป จึงร่วมลงวางเดิมพันกับเขาด้วย แต่ก็นะ แน่นอนว่าข้าต้องวางเดิมพันข้างตนเองอยู่แล้ว!”
เมื่อจี้ฉินได้ยินคำพูดซูหลี มุมปกก็กระตุกอย่างอดไม่ได้
ใต้หล้ามีคนเช่นนี้ด้วยหรือ รู้ว่าคนอื่นจัดพนันแถมพนันกันว่าตนเองจะแพ้ เจ้าตัวก็ยังจะอุตส่าห์ไปวางเดิมพันข้างตนเอง ก็ว่าหนักแล้ว ยังบอกว่าตนเองจะชนะเสียด้วย
นี่จะพูดอะไรดี…ในใต้หล้าผู้ที่กล้าแบกหน้าทำเรื่องเช่นนี้เห็นจะมีแต่ซูหลีคนเดียวเท่านั้น
วางเดิมพันข้างตนเอง แถมที่ร้ายกาจที่สุดก็คือนางชนะจริงๆ
จนได้เงินสิบกว่า**บไปครอบครอง!
“…” ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก
มีเสี้ยววินาทีหนึ่งที่ทุกคนไม่อยากแม้แต่จะพูดกับซูหลี ‘คนต่ำต้อย’ ! แต่ไม่ใช่ ‘คนต่ำต้อย’ ผู้นั้นหรือ! ดูเอาเถอะว่าซูหลีทำอะไรลงไปบ้าง
บวกกับที่เจ้าตัวเองก็ซ่อนตัวอยู่หลายเดือนเพื่อจะหลบทุกคน ทำให้ทุกคนคิดว่าตัวซูหลีเองสอบไม่ผ่าน จากนั้นก็ไปวางเดิมพันว่าตนเองจะชนะพนันจนได้เงินของทุกคนมาหรือ!?
ซูหลีไม่ควรมาเข้าร่วมสอบอะไรพวกนี้ ควรจะไปทำธุรกิจเสียมากกว่า จะต้องร่ำรวยจนเป็นคหบดีของแคว้นแน่!
“เดิมข้าน้อยแค่ไม่อยากจะให้ตนเองน่าอนาถจนเกินไปเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะโชคดีจนชนะเสียได้…” ซูหลีผายมือไปชี้รอบๆ กองเงินทองกองนั้น
“เยอะขนาดนี้เชียว!” ซูหลีเลิกคิ้วน้อยๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“พูดไปแล้วก็เป็นเพราะทุกท่าน ซูหลีควรจะต้องขอบคุณทุกท่านถึงจะถูก!”
“…” ฝูงชนหมดคำจะพูด
ทำไมฟังแล้วคำพูดนี้ออกจะประหลาดเหลือเกิน