บทที่ 195 ลากคอพวกมันลงนรก ! (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 195 ลากคอพวกมันลงนรก ! (ต้น)

เยี่ยฉวนไม่หยุดยั้ง ! กระแสแห่งจิตวิญญาณการกระจายออกสู่ภายนอกกระบี่หลิงซิ่วอย่างล้นหลาม และทันทีที่พลังแพร่กระจาย ภายในถ้ำแห่งนั้นก็พลันเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง

จิตวิญญาการต่อสู้ ? ปณิธานแห่งกระบี่ ? ความจริงแล้วทั้งสองพลังหาได้ผลักไสต่อกันไม่ ! แต่กลับรวมเป็นหนึ่ง !!

เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ด้านการต่อสู้ระยะประชิด อีกทั้งยังเป็นผู้ฝึกกระบี่ด้วย และสำหรับผู้ฝึกกระบี่เอง ก็ย่อมต้องมีซึ่งจิตวิญญาณการต่อสู้แท้จริงขณะสู้รบ !!

ปณิธานแห่งกระบี่ขึ้นอยู่กับกระบี่ ทว่าแก่นแท้คือความเป็นมนุษย์ ในขณะที่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เองก็ขึ้นอยู่กับความเป็นมนุษย์เฉกเช่นเดียวกัน

ไม่ว่าปณิธานแห่งกระบี่หรือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ล้วนคือสิ่งเดียวกัน ! หาได้ผิดแผกแตกต่าง !

จิตใต้สำนึกของเยี่ยฉวนเคยคิดว่าทั้งสองสิ่งนั้นแยกจากกัน ในเวลานี้เขาเข้าใจแล้วว่าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้สามารถผนึกรวมได้ทั้งกับกระบี่ หรือปณิธานแห่งกระบี่ ! ทั้งยังสอดประสานกันอย่างลงตัว !

ด้วยแก่นของจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้คือคำว่า ‘ต่อสู้’ ส่วนเจตนารมย์ในการใช้กระบี่เล่า ? ก็เพื่อการต่อสู้เช่นเดียวกัน ! แก่นแท้ของทั้งสองประการคือสิ่งเดียวกัน !

เบื้องบนที่อยู่สูงขึ้นไปคือกระบี่หลิงซิ่ว ซึ่งขณะนั้นเกิดการสั่นอย่างรุนแรง ด้วยกระบี่ได้ผสานจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไว้อย่างเต็มเปี่ยม ราวกับสามารถต้านภัยได้ทั้งโลก !

ตอนนี้มีทั้งเคล็ดและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันกล้าแกร่งที่ซึมซาบลงสู่กระบี่หลิงซิ่ว นั่นคือปณิธานแห่งกระบี่ !

เมื่อซึมซาบปณิธานแห่งกระบี่แล้ว กระบี่หลิงซิ่วพลันหมุนคว้างอย่างรวดเร็วและเร็วขึ้น ทันใดนั้นเสียงครางกระหึ่มดังกึกก้องทั้งโถงถ้ำ !

และแม้ว่าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และปณิธานแห่งกระบี่จะไม่ผสานรวม แต่ทั้งสองก็มิได้ปฏิเสธต่อกัน อีกทั้งสองสิ่งกลับห้อมล้อมและเสริมส่งต่อกระบี่หลิงซิ่วเป็นอย่างดียิ่ง !

ในขณะนั้น ร่างของเยี่ยฉวนทะยานขึ้นสู่เบื้องบน เขาฉวยเอากระบี่หลิงซิ่วไว้ในอุ้งมือ และทันใดนั้นทั้งจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และปณิธานกระบี่พลันพลุ่งเข้าหาและครอบคลุมร่างของเยี่ยฉวน !

ทั้งสองเคล็ดวิชาหุ้มห่อร่างกายจนมิดชิด จนแทบกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ! เยี่ยฉวนจึงค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ

ต่อสู้ !

ขณะที่ชายวัยกลางคนเริ่มอธิบายว่า อะไรคือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ?

แน่นอนคำตอบคือการต่อสู้  และคำว่า ‘การต่อสู้’ ก็เหมือนกับคำว่า ‘การเคลื่อนไหว’ ของหนึ่งกระบี่ชี้ชะตา ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นใคร หรือกล้าแกร่งปานใด ถ้าทำร้ายข้า ข้าจะสู้กับมัน !

ไม่สิ ! ข้าจะปลิดชีวิตมัน !

ที่ผ่านมาเยี่ยฉวนไร้ซึ่งศรัทธาบนเส้นทางแห่งกระบี่ !

แต่เมื่อคิดได้จนทะลุปรุโปร่ง มันก็พลันเกิดเป็นความสว่างวาบขึ้นภายในจิตใจ !

ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง กระบี่ในมือสั่นสะท้านอย่างรุนแรงขึ้นทุกขณะ พลันกระบี่ทะยานวูบพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า กระบี่ทะยานเข้าหาส่วนยอดของถ้ำก่อนทะลุออกสู่ภายนอก !

เวลานั้นในถ้ำ รังสีเจิดจรัสแผ่ซ่านเป็นรัศมีกระจายออกโดยรอบกายของเยี่ยฉวน

ในเวลาเดียวกัน ข้างนอกโถงถ้ำก็ได้เกิดกลุ่มเมฆน้อยใหญ่ไหลเลื่อนมารวมตัวเหนือบริเวณถ้ำ ทั้งยังปรากฏรุ้งกินน้ำพาดโค้งอยู่เหนือโถงถ้ำแห่งนั้นด้วย !

ปรากฏการณ์แปรเปลี่ยนของฟ้าดิน !

ในโถงถ้ำ ชายวัยกลางคนมองตรงมายังเยี่ยฉวน สีหน้าออกจะสับสนอยู่ไม่น้อย “คนผู้นี้สามารถบรรลุขั้นปรมาจารย์ทักษะยุทธ์และปรมาจารย์กระบี่ในเวลาเดียวกัน… อีกทั้งยังสามารถทำให้ฟ้าดินเกิดการแปรเปลี่ยน… อาจารย์ผู้ฝึกสอนคนที่น่าทึ่งเช่นนี้ คือใครกันแน่ !”

ปรมาจารย์ทักษะยุทธ !

ปรมาจารย์กระบี่ !

เยี่ยฉวนสำเร็จทั้งสองสิ่งในช่วงเวลาเดียวกัน ! แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ! ทันใดนั้น พลังบางอย่างภายในระเบิดออกสู่ภายนอกร่างกายเด็กหนุ่ม

พลังนั้นคือพลังจากกระบี่ขั้นประกายแสง กระบี่สีดำสนิทซึ่งเยี่ยฉวนดูดกลืนเข้าไปก่อนหน้า แต่ในช่วงนั้นเขายังไม่กล้าจัดการบรรลุขั้นพลัง อีกทั้งยังสกัดกั้นพลังกระบี่ไว้ก่อน ทว่าในเวลานี้ไม่สกัดกั้น หรือสกัดกั้นไม่ได้อีกต่อไป !

กระบี่ประกายแสง ! ช่างเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้ ?! ฉับพลันร่างกายของชายหนุ่มก็เกิดอาการสั่นอย่างรุนแรง !

ชายวัยกลางคนซึ่งเฝ้าสังเกตอยู่ไม่ห่าง ย่นหัวคิ้ว สายตามีแววระคนสงสัย “หรือเขากำลังบรรลุขั้นพลัง… ทำให้ข้าสับสนได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?!”

เขาเองก็เป็นอัจฉริยะ เป็นยอดคนผู้ปราชญ์เปรื่อง หรือต้องบอกว่าสุดยอดแห่งยอดคนผู้ปราชญ์เปรื่อง แต่เมื่อเทียบกับเยี่ยฉวนแล้ว เขาเสมือนคนทั่วไปในขณะที่อายุเท่าเยี่ยฉวน…

ในตอนนั้นเอง ร่างของเยี่ยฉวนพลันสั่นสะท้านรุนแรงขึ้นและมากขึ้นทุกขณะ !

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะเดียวกันเขาก็ได้เอื้อมมือข้างขวายื่นไปลองผลักที่ตัวเยี่ยฉวนเบา ๆ ขณะนั้นเองพลังรุนแรงไหลหลั่งจากเยี่ยฉวนออกต้านและสกัดกั้นเขาทันที

เยี่ยฉวนค่อยกลับคืนสู่สภาวะสงบนิ่ง และทันใดนั้นเขาก็เริ่มซึมซาบพลังอย่างรวดเร็ว ! เมื่อทุกอย่างกลับคืนสถานะ เยี่ยฉวนพลันลืมตาเปิดขึ้นอย่างกระทันหัน

ปัง !

รังสีเปล่งประกายกระจายวาบออกจากร่างกาย !

เขาไม่ได้บรรลุพลังขั้นสันโดษ !

ชายวัยกลางคนจับตามอง แววตาสงสัยยิ่งนัก “เจ้าสามารถบรรลุขั้นสันโดษได้สบาย ๆ เหตุไฉนจึงยับยั้งไว้เสีย ?”

ชายหนุ่มส่ายหน้า “ข้าเกรงว่า มันจะเป็นการเร่งรีบเกินไปขอรับ !”

ผู้มีอาวุโสกว่าอมยิ้มน้อย หากยังไม่คลายข้องใจ “ทำไมจึงกล่าวเช่นนั้น ?”

เยี่ยฉวนตอบเสียงแหบห้าว “ข้าเพิ่งบรรลุขั้นทะยานสวรรค์ได้ไม่นาน หากยังฝืนบรรลุขั้นสันโดษอีก เกรงว่าพลังจะไม่แข็งแกร่ง ขอรับ”

เมื่อได้ยินคนตอบมาเช่นนั้น ชายวัยกลางคนถอนใจแผ่วเบา “ด้วยวัยเท่านี้ เจ้าสามารถระงับจิตใจให้ไม่รีบร้อน ช่างหาได้ยาก ที่เจ้าพูดมานับว่าถูกต้อง การเร่งรัดบรรลุขั้นสันโดษ อาจทำให้พลังที่ได้เป็นเพียงพลังจอมปลอม ด้วยในเวลานี้เจ้าเองยังควบคุมขั้นทะยานสวรรค์ไม่ได้เต็มที่ ถ้าเป็นคนทั่วไปก็คงไม่เป็นอะไร แต่เจ้าแตกต่างจากคนอื่นด้วยมีพื้นฐานที่ดี แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น ขั้นพลังก็ควรแข็งแกร่งอย่างเหมาะสมในทุก ๆ ขั้นพลัง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเจ้าในภายหน้า !”

เมื่อเขากล่าวจบ เยี่ยฉวนพลันค้อมกายกระแทกกำปั้นแสดงคารวะขอบคุณชายวัยกลางคน “ขอบคุณที่ชี้แนะ !”

อีกฝ่ายยิ้มน้อย ๆ กล่าวว่า “อันที่จริง ถึงแม้เจ้ายังไม่บรรลุขั้นสันโดษ แต่ความกล้าแกร่งเทียบได้กับขั้นสันโดษ วันหนึ่งที่เจ้าบรรลุขั้นสันโดษแล้วจริง ๆ ข้าเกรงว่าต่อให้เป็นคนที่มีขั้นพลังเท่าเทียมกันก็คงยากจะต้านทาน”

จากนั้นเขานิ่งคิดนิดหนึ่ง “ในส่วนของทักษะยุทธ์ เจ้าได้เข้าใจจิตวิญญาณการต่อสู้เชื่อมโยงและพลังสุดขั้วแล้ว ข้าไม่มีอะไรจะถ่ายทอดให้อีก ทั้งหลายทั้งมวลเพราะเจ้าไร้จุดตันเถียน ดังนั้นจึงไม่อาจเรียนรู้ทักษะยุทธ์ของข้าได้”

เยี่ยฉวนลังเลเล็กน้อย ก่อนพูดขึ้นทันที “ผู้อาวุโส โปรดสั่งสอนข้าด้วยเถิดขอรับ ข้าไม่สนว่าจะเป็นอย่างไร !”