ตอนที่ 126 จะไม่เสียโฉมใช่ไหม 

 

 

           เจียงมู่เฉินโดนอีกฝ่ายอุ้มอยู่เช่นนี้ เขาซบไหล่ซือเหยี่ยนอย่างว่าง่าย เขาขมวดคิ้วไป พลางเอ่ยปากไปด้วย “ทำไมฉันรู้สึกว่าหลังจากที่อยู่ด้วยกันกับนาย ก็โดนนายอุ้มไปอุ้มมาตลอด อุ้มจนต่อไปฉันเกิดไม่อยากจะเดินขึ้นมาแล้วจะทำไง” 

 

 

           “งั้นผมจะอุ้มคุณไว้ตลอดเลย” 

 

 

           “ไม่ได้หรอก ขาทั้งสองข้างของคุณชายดูดีออกขนาดนี้ ไม่ได้เอามาไว้ประดับสักหน่อย จะไม่ให้เดินได้ยังไงกัน” 

 

 

           ซือเหยี่ยนดูเหมือนจะหลุดขำออกมา เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น “มีประโยชน์อย่างอื่นอยู่” 

 

 

           เจียงมู่เฉินชะงักงัน ขาไม่ได้ใช้ไว้เดิน แล้วยังจะมีประโยชน์อะไรอย่างอื่นอีก 

 

 

           “ผมให้คุณยืมเอวผมได้” 

 

 

           …เจียงมู่เฉินทำหน้างุนงง ร่างกายที่บาดเจ็บไปทั้งตัวเหมือนคนป่วยขนาดนี้ยังโดนซือเหยี่ยนไอ้คนชั่วยั่วประสาทกันอีกเหรอ 

 

 

           ‘ให้เขายืมเอว?’ 

 

 

           ‘ไม่ได้อยากจะยืมเอวเขาเลยเหอะ’ 

 

 

           … 

 

 

           “นายแน่ใจนะว่านายเดินออกไปได้” เดินตัดทางแบบนี้ เจียงมู่เฉินอดจะถามขึ้นมาไม่ได้ 

 

 

           “เจียงมู่เฉิน” ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงนิ่ง “คุณต้องเชื่อแฟนของคุณนะ” 

 

 

           “แต่ว่านายเดินมาได้สักพักแล้ว” เจียงมู่เฉินพูดพึมพำ “ไม่งั้นนายวางฉันลง ให้ฉันเดินเอง?” 

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่คิดเลยสักนิดก็เอ่ยปฏิเสธเขาแล้ว “ร่างกายคุณบาดเจ็บอยู่ ให้ผมอุ้มคุณดีกว่า” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองซือเหยี่ยนด้วยความประทับใจ “นายทำแบบนี้ ฉันรู้สึกประทับใจขึ้นมานิดหน่อยแล้วตอนนี้” 

 

 

           “ผมไม่ถือสาคุณจดเอาไว้ก่อนเลย ว่ากลับไปจะให้ผมจับคุณกดกี่ครั้ง” 

 

 

           เจียงมู่เฉินระเบิดลง “เชี่ยแม่ง! นายมันไอ้คนระยำ ฉันเป็นขนาดนี้แล้ว ในหัวนายยังคิดเรื่องจะจับฉันกดอยู่ได้อีก” 

 

 

           ซือเหยี่ยนทำไขสือพูดออกไป “งั้นคุณจับผมกด?” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมีแรงฮึดขึ้นมาแล้ว “จริงเหรอ นายยอมจะให้ฉันจับกด?” 

 

 

           “รอออกจากไปที่นี่แล้ว ผมจะลองคิดทบทวนดู” 

 

 

           “วางใจได้ อาศัยดวงดีของคุณชาย รับรองว่าต้องออกไปได้แน่” ซือเหยี่ยนมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ เรื่องที่จะออกไป เขาไม่เคยต้องเป็นกังวลอยู่แล้ว 

 

 

           ถึงแม้จะดูเหมือนว่าไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่ไม่รู้ทำไม เพียงพริบตาเดียวที่เห็นซือเหยี่ยน ในใจก็สงบลงแทบจะเดี๋ยวนั้น 

 

 

           เจียงมู่เฉินเงยหน้าขึ้นจูบซือเหยี่ยน ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ “ถ้าฉันตายขึ้นมาจริงๆ นายคิดจะเปลี่ยนไปรักคนอื่นบ้างไหม” 

 

 

           มือซือเหยี่ยนที่โอบอุ้มเจียงมู่เฉินไว้กระชับแน่นขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้” 

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินคำตอบนี้ก็โกรธจนเข็ดฟัน โอบคอซือเหยี่ยนไว้แล้วกัดเข้าไปแรงๆ คำหนึ่ง “นายเป็นคนของคุณชายแล้ว ต่อให้คุณชายตายไป นายก็ยังเป็นของคุณชาย อยากจะหนีไปรักคนอื่น ตลอดชีวิตนี้ไม่มีทางจะมีวันนั้นหรอก” 

 

 

           ท่ามกลางความมืดมิดซือเหยี่ยนอดจะยกมุมปากขึ้นไม่ได้ ดวงตาสีดำขลับเอ่อล้นไปด้วยประกายรอยยิ้มบางๆ “งั้นก็เหลือบ่ากว่าแรงผมสักหน่อยแล้วกัน” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “เหลือบ่ากว่าแรง?” 

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มขำ “ตามใจปรารถนา” 

 

 

           เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้น ได้ยินคำตอบนี้ยังพอได้อยู่ 

 

 

           เดินต่อไปอีกสักพักหนึ่ง เจียงมู่เฉินเริ่มจะประคองสติตัวเองไม่ได้แล้ว คนที่เสียเลือดมากอย่างเขาแทบจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวมาตั้งแต่แรกๆ ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะอยู่เป็นเพื่อนซือเหยี่ยน เขาคงเป็นลมไปตั้งนานแล้ว 

 

 

           มือเขาที่โอบกอดซือเหยี่ยนคลายลง เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้น แต่ใบหน้ากลับอ่อนล้าอย่างชัดเจน เขาพยายามยิ้มออกมา “ฉันง่วงแล้ว ขอตัวพักก่อนนะ”  

 

 

           “อืม” 

 

 

           “ฉันหลับไปแล้ว นายจะไม่กลัวหรอกใช่ไหม” 

 

 

           ซือเหยี่ยนบรรจงจูบเขา “ไม่หรอก” 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า อิงแอบแนบกายในอ้อมอกของซือเหยี่ยน เขาค่อยๆ หมดสติไปอย่างช้าๆ… 

 

 

           …… 

 

 

           ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็อยู่ในห้องผู้ป่วยเรียบร้อยแล้ว เขาโดนซือเหยี่ยนกอดไว้ในอ้อมอก 

 

 

           เจียงมู่เฉินเงยหน้าขึ้นมา มองเห็นใบหน้ายามหลับใหลของซือเหยี่ยน ใบหน้าได้รูปที่มีรอยแผลเพิ่มขึ้นมา ไม่ถือว่าอาการหนักเท่าไหร่ ไม่กี่วันก็หายดีได้ 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูเขาไม่ทันไรก็อดจะเข้าใกล้มอบจูบนี้ให้เขาสักหน่อย 

 

 

           ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นาทีนี้ที่ได้เห็นซือเหยี่ยนอยู่ข้างกายเขา ในใจก็มีความรู้สึกประทับใจจนพูดไม่ออก 

 

 

           เขาขยับร่างกายแค่เพียงนิดก็เจ็บราวกับโดนเข็มทิ่มแทง เจียงมู่เฉินชะงักไป เมื่อครู่เขาเห็นแค่บาดแผลของซือเหยี่ยน ไม่ได้รู้สภาพอาการของตัวเองเลย 

 

 

           เขาค่อนข้างรู้สึกปวดตุบๆ บนใบหน้า คงจะไม่เสียโฉมหรอกใช่ไหม 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 127 เจียงมู่เฉินผู้เย่อหยิ่ง 

 

 

           ‘เสียโฉม’ สองคำนี้วนเวียนอยู่ในสมอง เจียงมู่เฉินตกใจจนเด้งตัวขึ้นมา พลาดไปโดนแผลที่แขนตัวเองพอดี เจ็บจนหน้าตาเหยเก 

 

 

           ซือเหยี่ยนตื่นมาก็เห็นเจียงมู่เฉินเจ็บจนหน้าย่นรวมกันเป็นก้อน 

 

 

           เขาไม่ง่วงนอนอะไรอีก รีบลุกขึ้นมานั่ง “เป็นไรไป” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นซือเหยี่ยนตื่นมาแล้วก็รีบร้องเรียก “รีบไปหากระจกมาให้ฉันที คุณชายอย่างฉันจะไม่เสียโฉมหรอกใช่ไหม” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาทำหน้าทำตาหวาดกลัว ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้น “เสียโฉมไปบ้างนิดหน่อย แต่วางใจได้ ผมไม่ทิ้งคุณหรอก” 

 

 

           เดิมทีเจียงมู่เฉินแค่รู้สึกกลัวนิดหน่อย แต่ซือเหยี่ยนดันพูดมาขนาดนี้ ยิ่งทำให้เขาตกใจจนไม่ไหว 

 

 

           ยกเท้าขึ้นถีบใส่ซือเหยี่ยน “รีบไปหากระจกมาให้ฉันเลย” 

 

 

           ในห้องผู้ป่วยจะไปหากระจกมาจากไหน ซือเหยี่ยนลุกขึ้นยืนอย่างขำๆ เขาช้อนอุ้มอีกคนขึ้นมา แล้วเดินพาเข้าไปในห้องน้ำ 

 

 

           ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากับกระจก เจียงมู่เฉินเบิกตาโตพินิจมองใบหน้าของตัวเอง โล่งใจไปได้เสียที “โชคดีๆ ไม่กระทบความหน้าตาดีของคุณชาย” 

 

 

           พูดไปด้วย ลูบใบหน้าไปด้วย “แม่งเอ๊ย ทำฉันตกใจจนคิดว่าเสียโฉมจริงๆ ไปแล้ว” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางของเขาก็อดจะถอนหายใจไม่ได้ “เฉินเฉิน คุณเป็นผู้ชายคุณต้องห่วงใบหน้าขนาดนี้เลยเหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินลูบไล้ใบหน้า พร้อมพูดแก้ต่าง “นี่มันไม่เกี่ยวว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงสักหน่อย หน้าตานี้อยู่บนใบหน้าของฉัน ฉันต้องรับผิดมัน” 

 

 

           มุมปากซือเหยี่ยนอดจะกระตุกขึ้นมาไม่ได้ เขายังคิดว่าเจียงมู่เฉินตื่นมา เรื่องแรกที่นึกถึงคือร้องหาเขา ที่ไหนได้มาจนป่านนี้เรื่องแรกที่เขานึกถึงคือห่วงแต่ใบหน้าของตัวเอง 

 

 

           “อีกอย่าง ถ้าฉันเกิดเสียโฉมขึ้นมา นายต้องเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นแน่” เจียงมู่เฉินจ้องมองใบหน้า พลางถอนหายใจอย่างทะนงตัว “ฉันจะไม่ให้นายมีโอกาสนั้นหรอก” 

 

 

           “ดูจนพอใจหรือยัง” ซือเหยี่ยนเอ่ยถาม 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองบาดแผลบนใบหน้าตัวเองอย่างจริงจัง “ถ้าแผลฉันหายดี จะไม่เหลือแผลเป็นหรอกใช่ไหม” 

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูเจียงมู่เฉินผู้เอาแต่หมกมุ่นเรื่องใบหน้าของตัวเอง แล้วถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ เขาอุ้มอีกคนขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์ในห้องน้ำ 

 

 

           ก้นเจียงมู่เฉินเย็นขึ้นมาทันที “เดี๋ยว จู่ๆ นายยกฉันขึ้นมาวางข้างบนนี้ทำไมกัน” 

 

 

           ซือเหยี่ยนชักมือออกมาวางและกดไว้ที่เอวของคนตรงหน้า พร้อมโน้มตัวเข้าใกล้ ใช้ฟันงับเขาไปทีสองที “อดทนมานานพอแล้ว” 

 

 

           เจียงมู่เฉินทำหน้างุนงง เขาอดทนอะไรมาตั้งนานเหรอ 

 

 

         ซือเหยี่ยนไม่คิดจะใช้วาจาใดๆ บอกเจียงมู่เฉิน ชายหนุ่มเข้าไปใกล้แล้วลงมือจูบเจียงมู่เฉินทันที รวบตัวเขาไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง ให้เป็นฝ่ายรองรับรสสัมผัสนี้ 

 

 

           ตั้งแต่พาเขากลับมาเมื่อคืนก็อยากจะทำขนาดนี้แล้ว 

 

 

           ถ้าไม่ติดว่าเห็นเจียงมู่เฉินนอนหมดสติ แล้วสงสารจนทำไม่ลง คงจะจับเขากดลงเตียง แล้วจัดหนักจัดเต็มจนลงจากเตียงไม่ได้ไปตั้งแต่แรกแล้ว 

 

 

           ทุกๆ วันเขาจะได้ไม่วิ่งวุ่นไปไหนต่อไหน ทำให้ตัวเองกังวลใจอีก 

 

 

           เจียงมู่เฉินโดนเขาจูบจนหายใจจะไม่ทันแล้ว มือที่ไร้เรี่ยวแรงกำแขนเสื้อซือเหยี่ยนเอาไว้ ทำหน้าที่เป็นฝ่ายรับจูบของเขา 

 

 

           ผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดซือเหยี่ยนก็ถอยห่างจากเจียงมู่เฉินออกมา เจียงมู่เฉินฉวยโอกาสนี้รีบสูดหายใจเข้าไปเต็มๆ ปอด 

 

 

           เขาลูบหน้าอกตัวเองไป พลางเอ่ยอย่างทุลักทุเลจนน่าสงสาร “ฉันยังเป็นคนไข้อยู่นะ ต้องรุนแรงกันขนาดนี้เลยเหรอ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนโน้มเข้าใกล้ไปกัดเขาสักคำ “อยากรวบตัวคุณมาอยู่ข้างกายผม ไม่ให้ไปไหนซะจริงๆ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจียงมู่เฉินแบบนั้น นายจะไม่ชอบเอาได้นะ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนมือกระชับแน่น ออกแรงจับเจียงมู่เฉินไว้ เจียงมู่เฉินที่โดนเด็ดปีกออกก็ไม่ใช่เจียงมู่เฉินผู้เย่อหยิ่งที่เขารู้จักคนนั้นแล้ว 

 

 

           ซือเหยี่ยนจ้องมองใบหน้าของเจียงมู่เฉิน ในหัวอดจะคิดถึงเจียงมู่เฉินที่เจ้าอารมณ์แต่กลับเย่อหยิ่งในตอนนั้นไม่ได้ 

 

 

           เขายืนอยู่ต่อหน้าถือปืนจ่อตัวเองแล้วยกยิ้มบางๆ อย่างตามใจ 

 

 

           ซือเหยี่ยนคว้าเขามากอด เจียงมู่เฉินผู้เย่อหยิ่งถึงจะเป็นเจียงมู่เฉินที่แท้จริง 

 

 

           เขาถอนหายใจเบาๆ น้ำเสียงเจือความยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่าย “ช่างเถอะ ผมก็เด็ดปีกคุณไม่ลงหรอก” 

 

 

           อย่างมากก็แค่ เขาต้องพยายามขึ้นอีก ปกป้องอีกฝ่ายให้รอบด้านก็โอเคแล้ว