นี่คือสนามรบหลักของกองทัพเขี้ยวหมาป่ากับกลุ่มลูกผสม บนพื้นเต็มไปด้วยซากศพของเหล่าลูกผสมมากมาย และตรงกลางสนามก็มีกองไฟขนาดใหญ่ที่กำลังลุกโชนอยู่จนก่อให้เกิดกลุ่มควันขนาดใหญ่ลอยขึ้นในอากาศ

 

เหล่าทหารทั้งหมดของกองทัพเขี้ยวหมาป่ายืนเข้าแถวตรงด้านข้างของกองไฟ ทุกคนหันหน้าเผชิญกับกองไฟ สีหน้าโศกเศร้า บางคนยังมีน้ำตานองหน้าอยู่ สายตาจับจ้องไปที่กองไฟซึ่งกำลังเผาร่างเพื่อนพ้องของพวกเขาอยู่

 

การมาถึงของกลุ่มหลูอี๋ได้ดึงดูดความสนใจของเหล่าทหารกองทัพเขี้ยวหมาป่า ตอนนี้กองไฟกำลังค่อยๆเบาลง กูเหลียงเฉินและหลิวยู่ติงยืนอยู่ด้วย พวกเขาหันกลับไปมองด้านหลังทางเดียวกันอย่างกังวลเรื่องของชูฮัน

 

ภาพของกลุ่มคนที่ทยอยกระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ปรากฏต่อสายของเหล่ากองทัพเขี้ยวหมาป่า มันมีร่องรอยของความสงสัยและงงงวย หากไม่มีใครเอ่ยปากออกมา เห็นได้ชัดว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่คิดว่ามีศัตรูเข้ามาใกล้ตัว หากกลุ่มของหลูอี๋ก็ไม่คิดเช่นกันว่าจะมาเจอกองทัพเขี้ยวหมาป่าอยู่ในสภาวะเช่นนี้

 

ทำเหมือนพวกเขาเป็นอากาศ?

 

หลูอี๋และกลุ่มทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของค่ายมากกว่าหนึ่งร้อยคนก็เริ่มสงบอารมณ์ลงเมื่อได้เห็นสมาชิกของกองทัพเขี้ยวหมาป่า หลายคนเป็นคนที่พวกเขาเคยเห็นหน้าและจำได้  โดยเฉพาะเหล่าคนเด่นๆอย่างพลโทเฉินช่าวเย่ หลี่บี๋เฟิงที่ทำให้เพื่อนทหารของพวกเขากระอักเลือด

 

ทั้งสองฝ่ายได้เจอกัน กองไฟที่อยู่ไม่ห่างออกไปกำลังจะมอดลงในไม่ช้า ย่ิงทำให้มองเห็นภาพศพของพวกลูกผสมรอบๆชัดเจนขึ้นไปอีก ภาพแปลกๆที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าทหารของค่ายเจียนอี๋ที่เห็นแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจและสยอง

 

มันไม่มีฝูงซอมบี้มหาศาลอยู่รอบๆ ไม่มีศัตรู มีเพียงแต่ความเงียบและศพของพวกลูกผสม!

 

กองทัพเขี้ยวหมาป่าต่อสู้กับกลุ่มลูกผสมแล้ว? สถานการณ์ตรงหน้าพวกเขานี่มันคืออะไรกัน? แล้วพวกซอมบี้ล่ะ? สงครามจบลงแล้ว?

 

ความช็อคและความสงสัยพุ่งเข้าใส่อกของทหารค่ายเจียนอี๋ทุกคน ทุกคนคิดว่าพวกเขาอาจจะกำลังฝันอยู่ก็เป็นไปได้ ที่มันยิ่งยอมรับไม่ได้ก็คือขณะที่พวกกระโดดลงมากลิ้งตัวกันหลุนๆ แต่เหล่ากองทัพเขี้ยวหมาป่ากลับยืนมองพวกเขานิ่งๆโดยไม่พูดอะไร

 

ไม่มีศัตรูเหลือ? ครั้งนี้มันน่าอายเหลือเกิน!

 

“นาย นาย” หลูอี๋เป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยา อีกทั้งยังตัวสั่นด้วยความตระหนก “ฝูงซอมบี้? แล้วพวกลูกผสม? เกิดอะไรขึ้นกับศพของพวกลูกผสมบนพื้นนี่?”

 

จะบอกว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่าที่มีทหารแค่ 300 คนเป็นคนจัดการกับวิกฤตครั้งนี้และได้ชัยชนะมา เหล่าทหารระดับสูงของค่ายเจียนอี๋ทั้งหลายไม่เชื่อเด็ดขาดแม้จะเห็นกับตาก็ตาม หลูอี๋เองก็ไม่เชื่อ

 

นี่มันเป็นไปไม่ได้!

 

กูเหลียงเฉินและหลิวยู่ติงมองหน้ากันและกัน หลังจากที่หลิวยู่ติงเหลือบตาลง กูเหลียงเฉินก็เข้าใจในทันที เขาเดินออกมาจากแถว เดินเข้าไปหาหลูอี๋โดยไม่มีความถ่อมตัวเลยสักนิด

 

“นายเป็นใคร? ส่งพันตรีไม่ก็พันโทมาคุยกับฉัน” หลูอี๋แสดงออกถึงความเย่อหยิ่งที่แฝงด้วยอารมณ์โมโห  ไม่ว่าสถานการณ์มันจะเร่งด่วนหรือแปลกประหลาดแค่ไหน คนที่สามารถพูดคุยกับเขาตัวต่อตัวได้ต้องมีตำแหน่งอย่างน้อยระดับนายพันขึ้นไป

 

แววตาของกูเหลียงเฉินเปิดเปลือยทุกอย่าง มันไม่มีความกลัวปรากฏในนั้นเลย เขาจ้องตรงไปที่หลูอี๋ด้วยสายตาเยือกเย็น “สวัสดีหลูอี๋ ผมเป็นสมาชิกของกองทัพเขี้ยวหมาป่า และเป็นเจ้าหน้าที่ของแผนกเจ้าหน้าที่ในกองทัพชื่อว่ากูเหลียงเฉิน ผมไม่มียศ ถ้าเป็นในตอนสถานการณ์ปกติผมคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะออกมาคุยกับคุณ แต่ครั้งนี้สำหรับสงครามกลางภูเขาผมได้รับหน้าที่บัญชาการรบ แต่งตั้งโดยท่านพลเอกชูฮัน ดังนั้นผมมีคุณสมับติมากพอจะคุยกับคุณหรือยัง?”

 

เงียบ———-

 

ทหารทุกคนจากค่ายเจียนอี๋ตะลึงไปพักหนึ่ง ไม่ใช่เพราะท่าทางของกูเหลียงเฉิน แต่เป็นเพราะพวกเขาช็อคอย่างมากกับคำหลายคำที่ออกมาจากปากของกูเหลียงเฉิน

 

เจ้าหน้าที่ของกองทัพเขี้ยวหมาป่า สงครามกลางภูเขา ผู้บัญชาการรบ!

 

ตาของหลูอี๋แทบจะถลนออกจากเบ้า กองทัพที่มีทหารแค่ 300 คน แต่มีแผนกเจ้าหน้าที่ในกองทัพด้วย ไม่เพียงแค่นั้นแต่พวกเขายังตั้งชื่อสงครามครั้งนี้อีก และยังมีตำแหน่งผู้บัญชาการรบด้วย และผู้บัญชาการรบคนนี้ไม่ใช่ตัวแทนหรือมียศตำแหน่ง แต่เป็นผู้บัญชาการรบ?

 

ช่างเข้มงวดและเป็นทางการ!

 

เหล่าทหารจากค่ายเจียนอี๋มองหน้ากันและกันไป มันเริ่มมีเสียงกระซิบพูดคุยดังขึ้นเรื่อยๆ

 

“สถานการณ์มันคืออะไร? ไม่มีซอมบี้เลยสักตัว ทีมลาดตระเวนทำงานผิดพลาดงั้นเหรอ?”

 

“ไม่ มันมีศพซอมบี้ที่พื้นเต็มไปหมด ฝูงซอมบี้และลูกผสมมีจริง”

 

“แต่วิกฤตได้รับการแก้ไขแล้ว กองทัพเขี้ยวหมาป่าโชคดีมาก ฉันคิดว่าป่านนี้พวกนายคงตายกันหมดแล้วซะอีก!”

 

“ใช่ แต่พวกเขาจัดการกับฝูงซอมบี้ตั้ง 20,000 ตัวได้ยังไง? และไหนก็ศพพวกลูกผสมตรงนี้อีก ดูเหมือนไม่ใช่ฝีมือพวกนายที่เป็นคนจัดการ จำนวนของลูกผสมมากขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงแค่คน 300  แม้แต่ใช้คนทั้งค่ายของเราก็คงตายเรียบกันหมด”

 

บทสนทนาอันไร้เดียงสาของเหล่าทหารจากค่ายเจียนอี๋ดังขึ้น แม้ว่าสงครามจะจบลงไปแล้ว และพวกเขาได้เห็นเพียงแต่ภาพซากศพของเหล่าลูกผสม ไม่ได้เห็นภาพฝูงซอมบี้มหาศาลเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับในมุมมองของพวกเขาแล้ว กองทัพเขี้ยวหมาป่าที่มีสมาชิกแค่ 300 คนไม่มีทางมีชีวิตรอดอยู่ได้นอกจากกองกำลังทหารได้เข้ามาช่วยเอาไว้

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเขาไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าถ้าเป็นพวกเขาคงวิ่งหนีอย่างขี้ขลาดตาขาวไปแล้ว พวกเขาไม่สามารถยอมรับภาพที่เต็มไปด้วยความอัปยศต่อหน้าพวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะต่ำและพวกคนธรรมดาได้

 

บนสนทนาเริ่มเบาลงเรื่อยๆ ทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่เหลือแค่ 200 คนนั้นได้ยินทุกอย่างชัดเจน ความโกรธของพวกเขาปะทุขึ้นฟ้า

 

ไม่สามารถทำได้? มีบางคนช่วย? พวกเขาคงจะตาย?

 

“หุบปากซะ” หลี่บี๋เฟิงที่เป็นคนระงับอารมณ์ได้ดีที่สุดก็นิ่งค้างจ้องเขม็งมาอย่างโมโห “อย่าไปสนใจ ฝูงซอมบี้ 20,000 ตัวได้ตายไปแล้ว เช่นเดียวกับกลุ่มลูกผสม 300 ตัว ศัตรูถูกพวกเรากำจัดหมดแล้ว นี่คือชัยชนะของกองทัพเขี้ยวหมาป่าโดยไม่มีความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น!”

 

เมื่อกูเหลียงเฉินพูดออกมา ทั้งบริเวณก็พลันตกอยู่ในความเงียบ จากนั้นก็มีเสียงระเบิดหัวเราะโพล่งขึ้นมาดังลั่นจากกลุ่มทหารของค่ายเจียนอี๋

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นี่มันถูกเตะหัวมาจนเบลอเหรอไง?”

 

“นี่มันจะบอกว่าพวกมันแค่ 300 คนฆ่าฝูงซอมบี้ 20,000 ตัวและลูกผสม 300 ตัวได้? การโอ้อวดมันไม่ได้น่าภาคภูมิใจขนาดนั้นหรอก?”

 

“ถ้างั้นไหนบอกสิทั้งลูกผสมและซอมบี้ พวกนายฆ่าพวกมันยังไง?”

 

ไม่มีใครเชื่อคำพูดของหลี่บี๋เฟิง

 

กูเหลียงเฉินนิ่วหน้า และมองไปที่หลูอี๋ที่ไม่เชื่ออีกครั้ง “พลโทหลูอี๋ ถ้ากองทัพของคุณมาเพื่อแค่ต้องการแสดงตัวตนถ้าอย่างงั้นก็เชิญกลับไปเถอะครับ สงครามจบลงไปแล้ว และพวกเรากองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่มีอะไรให้พวกคุณต้องช่วย และพวกเราก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องรายงานสถานการณ์ให้คุณฟัง”