DC บทที่ 286: แบบอย่างที่เลวร้าย

 

วันนั้นในภายหลังผู้อาวุโสซุนก็ได้รับข่าวจากโหลวหลานจีว่าศิษย์รุ่นเยาว์ได้กลับมาแล้ว

 

เมื่อได้ยินข่าวนี้ซุนจิงจิงก็พลันพุ่งตรงไปยังทางเข้าเพื่อพบกับศิษย์รุ่นเยาว์

 

“ว้าว… นี่มีมากกว่าที่ข้าได้คาดเอาไว้…”

 

ซุนจิงจิงค่อนข้างประหลาดใจเมื่อมากกว่าครึ่งของศิษย์รุ่นเยาว์ได้กลับมา

 

ส่วนสำหรับผู้อาวุโสนิกายนั้น มีเพียงคนเดียวที่ได้ตัดสินใจอยู่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยต่อไป ในขณะที่คนที่เหลืออีกสามไปที่อื่น

 

“ข้าพอที่จะถามได้ไหมว่าทำไมพวกเจ้าจึงตัดสินใจกลับมา พวกเจ้าอายุยังน้อยดังนั้นย่อมมีทางเลือกมากมายที่เจ้าสามารถไปได้นอกจากที่แห่งนี้…โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้”

 

โหลวหลานจีถามพวกเธอในเมื่อเธออยากรู้จริงๆว่าพวกเธอมีเหตุผลอะไรในการตัดสินใจเช่นนี้

 

เด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งออกมาด้านหน้าและกล่าวว่า “เพราะว่าศิษย์พี่ชายซูได้เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเรา และเราต้องการที่จะเป็นเหมือนเช่นเขา”

 

“ข-เขาเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเจ้ารึ…”

 

แม้ว่าโหลวหลานจีต้องการเตือนเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ว่าซูหยางอาจจะเป็นแบบอย่างที่เลวร้าย เธอก็ได้แต่ยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าพวกเจ้าต้องการเป็นเหมือนเขา เจ้าจำเป็นต้องฝึกฝนยาวนานและยากลำบาก…”

 

“พวกเราจักทำเช่นนั้น”

 

เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันพยักหน้า

 

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น หนึ่งในศิษย์รุ่นเยาว์ก็กล่าวว่า “ข้าอดใจรอที่จะฝึกร่วมกับศิษย์พี่ชายในปีหน้าไม่ได้ตอนที่ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

 

“ข้าก็ด้วย”

 

“ข้ายังคงเหลืออีกตั้งห้าปีที่จะต้องผ่าน…”

 

เมื่อโหลวหลานจีได้ยินข้อคิดเห็นเหล่านี้ ท่าทางของเธอก็แข็งทื่อ

 

สุดท้ายแล้วศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้ก็ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยอย่างแท้จริง…

 

“อย่างไรก็ตามเพราะว่าสถานการณ์นี้ ข้าจักให้พวกเจ้าเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ย้ายเข้ามาอยู่ในเขตศิษย์ในเพื่อให้ได้รับการปกป้องจนกว่าจำนวนประชากรของพวกเราเพิ่มขึ้นอีกครั้ง”

 

“พวกเราได้อยู่ในเขตศิษย์นอกเหรอ”

 

เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันโห่ร้องอย่างยินดี เมื่อคิดว่าพวกเธอไม่เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปในเขตศิษย์นอก แต่ได้อาศัยอยู่ที่นั่นก่อนที่พวกเธอจะได้เป็นศิษย์นอกเสียอีก นี่เป็นความฝันที่เป็นจริง

 

โหลวหลานจีหันไปมองยังผู้อาวุโสนิกายที่ยังคงเหลือและกล่าวว่า “มากับข้าหลังจากนี้ ข้ามีบางอย่างให้กับท่าน”

 

“ขอรับ ผู้นำนิกาย”

 

“ว่าไปแล้ว ศิษย์พี่ชายซูไปไหน”

 

ชีเยว่ถามเมื่อเธอไม่เห็นเขา

 

“เขาวุ่นวายกับการฝึกฝนสำหรับการแข่งขันระดับภูมิภาค” ซุนจิงจิงกล่าว

 

“ท่านผู้นำนิกาย ตอนนี้พวกเราควรทำอะไร”

 

หนึ่งในศิษย์รุ่นเยาว์พลันถามขึ้น

 

“เจ้าหมายความว่าอะไร”

 

“อืม…ในเมื่อศิษย์ทั้งหมดและผู้อาวุโสนิกายล้วนจากไปแล้ว ใครจักให้การอบรมแก่พวกเรานับแต่นี้ต่อไป”

 

“อืม…”

 

โหลวหลานจีหลับตาลงครุ่นคิดในเมื่อเธอยังไม่ได้คิดมาถึงจุดนี้

 

การที่จะมาเป็นผู้อบรม คนนั้นจะต้องมีความรู้และฝีมือในเรื่องของการฝึกวิชาคู่เพื่อที่ว่าเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้จะมีความรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรยามเมื่อเวลานั้นมาถึง

 

แน่นอนว่าบทบาทนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะเพียงผู้อาวุโสนิกายซึ่งจะเป็นใครก็ได้ที่มีความสามารถในการอบรมก็สามารถเข้าร่วมได้ ตามจริงแล้วก่อนนี้จะมีศิษย์หลักและศิษย์ในมาให้การอบรม

 

“ข้ารู้แล้ว”

 

ประกายของความรู้วาบผ่านในใจของโหลวหลานจี

 

“ข้ายังมิได้ลงโทษซูหยางที่ตบหน้าข้า ข้าจักให้เขาอบรมพวกเธอเป็นเวลาชั่วขณะและดูว่าจะเป็นอย่างไร ด้วยความรู้ความสามารถที่เหนือล้ำของเขา ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าจะตื่นตะลึง”

 

“ในเมื่อพวกเจ้าล้วนมองหาศิษย์ซู ทำไมข้ามิให้เขามาเป็นผู้อบรมพวกเจ้าสักพักหนึ่งไหม” เธอถามพวกเธอ

 

เมื่อเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของพวกเธอก็พลันเบิกกว้างอย่างยินดี

 

“พวกเราจะได้รับการอบรมจากศิษย์พี่ชาย”

 

ชีเยว่ค่อนข้างตื่นตะลึงกับข่าวนี้

 

“ตอนนี้ก็ตกลงตามนี้ เราจักต้องจัดหาที่พักให้พวกเจ้าอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สำหรับตอนนี้พวกเจ้าก็เตร็ดเตร่อยู่แถวนี้ก่อน”

 

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นโหลวหลานจีก็จากสถานที่นั้นไปพร้อมกับผู้อาวุโสนิกาย ทิ้งให้ศิษย์รุ่นเยาว์อยู่เบื้องหลังพูดคุยกันจนกระทั่งพวกเธอได้รับที่พักใหม่

 

ในเวลานั้นเมื่อหลานลี่ชิงได้ยินข่าวการกลับมาของบรรดาศิษย์ เธอก็พลันตรงไปยังตำแหน่งของพวกเธอ

 

เมื่อได้เห็นชีเยว่ หลานลี่ชิงก็ตรงเข้าไปกอดอีกฝ่ายทันที

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องอยู่”

 

ชีเยว่หัวเราะและกล่าวว่า “เพราะว่าข้ารู้ว่าพี่สาวหลานต้องยังคงอยู่ที่นี่”

 

“อย่างไรก็ตามข้าได้ยินข่าวว่าเจ้าถูกจับโดยพวกโจร… เจ้าสบายดีไหม” หลานลี่ชิงถามถึงกรณีนั้น

 

“แน่นอน ศิษย์พี่ชายซูมาถึงในเวลาที่เหมาะสมและฆ่าพวกโจรทั้งหมดก่อนที่พวกเราจะได้มีปฏิกิริยาใด ข้าทนรอที่จะโตขึ้นมาและฝึกร่วมกับเขาไม่ได้เช่นกัน”

 

“อย-อย่างงั้นรึ…”

 

หลานลี่ชิงไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับความไร้เดียงสาของอีกฝ่าย

 

“เช่นนั้นทางที่ดีเจ้าต้องทำงานหนักสำหรับสี่ปีข้างหน้านี้”

 

“อือ”

 

ชีเยว่พยักหน้า

 

 

 

 

สามวันผ่านไปนับตั้งแต่ศิษย์รุ่นเยาว์กลับมา

 

“เซียวไป่จักกลืนหญ้าเงินเจ็ดใบใบสุดท้ายหลังจากนี้ เจ้าไปอยู่ที่นั่นกับข้าได้ไหมตอนที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ผู้นำนิกายก็จักไปอยู่ที่นั่นเช่นกัน”

 

ฟางซีหลานถามเขาขณะที่ปกปิดร่างเปลือยเปล่าของเธอด้วยเสื้อผ้าหลังจากที่พวกเขามีกิจกรรมฝึกคู่

 

“นั่นย่อมแน่นอน”

 

ซูหยางเห็นด้วยในทันทีแต่ยังไงก็ตามเขาก็ต้องไปที่นั่นไม่ว่าเธอจะขอร้องหรือไม่ ในกรณีที่เกิดบางอย่างผิดพลาด

 

ไม่นานหลังจากนั้นซูหยางก็ตามฟางซีหลานไปยังที่พักของเธอที่ซึ่งโหลวหลานจีได้รออยู่แล้ว

 

“เป็นว่าเจ้าได้พาเขามาด้วยจริงๆ หือ”

 

โหลวหลานจีมองดูซูหยางด้วยท่าทางเรียบเฉย เพราะใช่ว่าเธอจะไม่ได้คาดคิดว่าเขาอยู่ที่นี่

 

ครั้นเมื่อพวกเขาเข้าไปในบ้าน ฟางซีหลานก็เรียกหาเซียวไป่ซึ่งก็ได้ตอบรับการเรียกหาของเธอในทันที

 

“เซียวไป่ นี่คือชิ้นสุดท้ายที่ข้ามีให้กับเจ้า”

 

ฟางซีหลานนำเอากระถางที่มีหญ้าเงินเหลืออยู่เพียงใบเดียวในนั้นออกมา

 

อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับปฏิกิริยาตื่นเต้นตามปกติของมัน เซียวไปมีสีหน้าท่าทางโศกเศร้ากระทั่งแสดงออกถึงความลังเลในการที่จะกินหญ้าเงิน เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้นี่เป็นอาหารมื้อสุดท้ายของเธอ

 

“เจ้ารออะไรอยู่รึเซียวไป่ เจ้าจักมิโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ถ้าเจ้ามิกินสิ่งนี้…”

 

ฟางซีหลานยื่นหญ้าเงินไปตรงใบหน้าของเซียวไป

 

เมื่อเห็นสถานการณ์ตามที่ได้คาดคิดไว้ ซูหยางก็ยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าอาจจะคิดว่าหญ้าเงินเจ็ดใบจักเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เจ้าเคยได้กิน แต่นั่นยังมีวัตถุที่อร่อยกว่านี้ด้านนอกนั้นที่เจ้าจะสามารถกินได้ก็ต่อเมื่อเจ้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่”

 

ดวงตาของเซียวไป่เป็นประกายด้วยความตื่นเต้นหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขาและโดยปราศจากความกังวลต่อไปเซียวไป่ก็ได้กลืนกินหญ้าเงินเจ็ดใบใบสุดท้ายจากมือฟางซีหลานในคำเดียว