ตอนที่ 478 : ยอมจํานน!
สํานักสวรรค์ในตอนนี้ได้จัดตั้งกลุ่มวิจัยเพื่อพัฒนาชุดสืบสวนและอาวุธในการต่อสู้ภายใต้การนําของผู้อาวุโส
สําหรับผู้ฝึกฝน การเปลี่ยนรูปร่างของสายฟ้า เปลวไฟและสิ่งอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อันที่จริงคาถาทางจิตวิญญาณที่ทรงพลังบางอย่างนั้นอยู่ในรูปแบบของการควบคุมพลัง
หนึ่งในคาถาจิตวิญญาณที่ถูกสืบทอดรุ่นต่อรุ่นของสํานักสวรรค์นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบเป็นสายฟ้าเส้นบางๆ ซึ่งนี้ถือเป็นวิธีการเพิ่มการควบคุม
ปรมาจารย์จิตวิญญาณเปาผิงได้ศึกษาพื้นฐานต่างๆ ที่นี้กับกลุ่มวิจัยของเธอซึ่งกลุ่มของเธอถูกก่อตั้งขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว ทันทีที่เข้าสู่ระบบคิวคิว เธอพบว่ามีคนพูดถึงหัวข้อนี้ไม่น้อย
หลี่เฮารันกล่าว [เราเริ่มเข้าใจถึงโครงสร้างส่วนเล็กๆ ของปืนแล้ว]
ในเกมเขาถอดชิ้นส่วนเล็กๆ ของปืนเขาออกเพื่อทําการศึกษารายละเอียดย่อยของอุปกรณ์
บนพื้นตรงเท้าของเขามีเศษอาวุธของเหล่านาวิกกระจัดกระจายอยู่
เป่าผิงตอบ [โครงสร้างของมันดูเรียบง่าย ขดลวดโลหะนํากระแสไฟฟ้าหรอ?]
หลี่เฮารันกล่าวว่า [จากที่ข้ามองมันมีกลไกในการยิงที่ซับซ้อนอยู่]
ถังหยูแทรกขึ้น [ฟังดูง่าย แต่ข้าพยายามที่จะเลียนแบบกระสุน แต่ขดลวดที่ติดอยู่ไม่สามารถยึดได้เลย บอกข้าที่ว่ามันผิดพลาดตรงไหน T-T]
เป่าปิงตอบว่า [จริงหรอ? ข้าคิดว่าม้วนแค่นั้นเอาออกได้ง่ายดายเสียอีก ]
มีแต่คนใสซื่อ
กระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่ขดลวดโลหะ แรงแม่เล็กไผฟ้าที่ปลายทั้งสองข้างจะมีค่าสูงสุด ซึ่งทําให้แรงผลักมุ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม
เห็นได้ชัดว่าเหล่าผู้ฝึกฝนไม่ได้มีความรู้ลึกเกี่ยวกับทฤษฎีและประสบปัญหาที่น่าอึดอัดแบบนี้มาก่อน
หลี่เฮารันกล่าว [ข้าคิดว่ามันง่ายมาก แต่แปลกทําไมกระสุนออก]
ถังหยูสนับสนุนว่า [อืม .. แล้วเป็นไปได้มั้ยว่าปืนพวกนี้เป็นของปลอม]
ดวนยื่อปฏิเสธ [ใจเย็นก่อน อย่าเพิ่งตัดสินใจในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจดีตอนที่เราจําลองกระจกสวรรค์ตอนนั้นมันก็ยังไม่มีพลังเท่าเนื้อเรื่อง]
ผู้ฝึกฝนส่วนน้อยที่จะมีความรู้ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ บางครั้งกลุ่มสนทนาสําหรับปรมาจารย์ด้านสิ่งประดิษฐ์ก็ไม่ได้คึกคักและให้คําปรึกษาได้ดีเท่ากลุ่มทั่วไป
ซูเทียนจิอ่านคําอภิปรายในกลุ่มแชทและดาวน์โหลดตัวสําเนาทฤษฎีการใช้งาน เธอกล่าวว่า [พวกเจ้าจากความสามารถของเรา เจ้าไม่คิดว่าเราสามารถใช้ทฤษฎีของปืนเกมเพื่อสร้างรูปแบบใหม่หรอ ตัวอย่างเรายืมรูปแบบเก่ามาเพื่อเป็นรูปแบบของการพัฒนารูปแบบใหม่ เปลี่ยนพลังงาน สายฟ้าจากขดลวด พร้อมใส่คาถาจิตวิญญาณบรรจุลงในกระสุน จะได้สะดวกกว่า]
ฟางฉีพนักหน้า [เป็นความคิดที่ดี ลองไปศึกษาดูงานกันมั้ย?]
[!?? เจ้าของร้านเข้ามาในกลุ่มเราทําไม?] เปาผิงประหลาดใจ
[เธอผู้ไม่เคยสร้างสิ่งประดิษฐ์มาก่อนยังเข้าได้ ทําไมข้าเข้าไม่ได้ละ? อย่าลืมว่าใครสอนการทําปืนให้กับท่าน] ฟางฉีปาดเหงื่อ [ข้าประหลาดใจที่พวกเจ้าพูดถึงหัวข้อน่าสนใจเช่นนี้]
ดวนยื่อตอบ [ฟางฉีอยู่ทุกที่]
เป่าผิงทําหน้ามุ่ย [พวกเจ้าอยากค้นคว้าและหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่]
อันที่จริง ถ้าพวกเขาเป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไปในเกมการเรียนรู้เรื่องปืนก็คงไม่ยาก แต่การฝึกฝนในเรื่องความแข็งแกร่งคงจะยากและใช้เวลามากกว่าหากเทียบกับพวกเขาในโลกนี้
บางคนสามารถใช้สิ่งต่างๆ และอํานาจการสั่งการได้โดยตรง ส่วนคนอื่นต้องทําโดยอาศัยตัวกลางที่เรียกว่าสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ
บางวันพวกเขาก็ไม่ได้อยากยืมพลังจากสวรรค์นัก พวกเขาแค่ต้องการประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ เพื่อเป็นส่วนเสริมนอกเหนือจากการฝึกฝน
ฟางฉีกล่าว [พวกเจ้าสามารถสร้างและให้ชื่อมั่นได้นะ]
ซูเทียนจิตาลุก [ฟังดูดี]
หนิงไป่กล่าว [ฟังดูเข้าท่าหรือจะใช้ชื่อปืนแสงเขียว]
หลี่เฮารันแนะนํา [หรือจะใช้ชื่อ ปืนใหญ่พาช็อค]
ฟางฉีพูดไม่ออก [ข้าคิดชื่อไม่ออกเลย]
…
ณ ห้องโถงใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยวิญญาณสังหารอันเย็นยะเยือก ผู้อาวุโสหลายคนรวมตัวกันในวังดาบ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วังดาบมีความทะเยอทะยานได้ยับยั้งพฤติกรรมให้อยู่ในขอบเขต แต่ถึงอย่างนั้นตระกูลโบราณอื่นๆ แข็งแกร่งเกินกว่าจะละเลยได้
“เบื้องหลังของร้านในเมืองหยวนหยางคืออะไร? ค้นพบแล้วหรือ?” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงกลางห้องโถงใหญ่ถาม ดวงตาของเขาลึกเกินกว่าจะหยั่งถึง
“ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะเดินทางมาจากดินแดนอันแสนไกล” ชายชราชุดเงินกล่าว “ตามปกติ แล้วผู้ฝึกฝนจากดินแดนอันแสนไกลไม่น่ามีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้”
“หรือแท้จริงแล้วพวกเขาไม่สามารถตามทันพวกเราได้ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหมื่นปีแล้วก็ตาม”
“เจ้าหมายถึง…. ” ชายผู้สง่างามที่นั่งอยู่กลางห้อง “เด็กคนนี้ได้สมบัติมาหรอ?”
“เรื่องแบบนั้นไม่น่าเกิดขึ้นแน่นอน” ชายชรากล่าว “ถือเป็นข่าวดีต่อวังดาบของเรา”
“แต่…” ชายวัยกลางคนแทรกขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าแม้แต่กูถิงหยุนก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับร้านนี้”
“อืม .. ชายชราคนนั้นจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหนเชี่ยว?” ชายชราพูดพร้อมถอนหายใจ “คนเหล่านั้นไม่คู่ควรกับเรา”
“รอมานานแล้ว!”
เสียงคํารามจากที่มืดมนมันออกมาจากส่วนลึกของสุสานดาบแห่งวังดาบ ชัดเจนว่ามันไม่ใช่เสียงของมนุษย์เป็นแน่ เสียงนั้นลึกคล้ายกับเสียงของโลหะกระทบกันก้องราวกับอยู่ในหัวของทุกคน
สาวกของตระกูลหนานกงที่เฝ้าทางเข้าสุสานมีท่าทีที่ดูหวาดกลัวราวกับว่านี่คือช่วงสุดท้ายของชีวิต
“ข้าคิดว่า…. ” ผู้เฒ่าเอื้อนเอ่ยด้วยน้ําเสียงเย็นชา “ก่อนที่เราจะพิชิตจัดการกับตระกูลโบราณ เราต้องขจัดอุปสรรคนั้นและสํานักสวรรค์เสียก่อน พวกเราจะต้องทําให้เหล่าตระกูลต่างๆ ตะลึงงั้นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของเรา”
“เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาจะเข้าใจสถานการณ์และยอมจํานนต่อเราเอง เราจะไม่แสดง ความเมตตาใดต่อพวกเขา!”
เสียงอึกทึกครึกโครมของผู้คนในห้องโถงใหญ่ดูทั้งยินดีและครึกคะนองในเวลาเดียวกัน “อืม .. น่าแปลกใจที่พวกเขาตื่นตัวขนาดนี้”
ผู้เฒ่าคนหนึ่งแนะนําว่า “ข้าคิดว่าเราควรอันเชิญหัวหน้าครอบครัวแต่ละครอบครัวเพื่อมาร่วมรับฟัง”
“ข้าเห็นด้วย” อีกคนออกความคิดอย่างดุเดือด “ในช่วงพันปีที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าแตะต้องคนในครอบครัวของเราแม้แต่ครอบครัวใหญ่ๆ ยังต้องให้ความเคารพ แล้วดูสิ! เจ้าเด็กนี้มันเป็นใคร กล้าดียังไงมาแกล้งเรา ข้าอยากจะเห็นหน้ามันตอนถูกทําลาย!”
“เหวินเอ๋อผู้มีความสามารถที่สุดในรุ่นปัจจุบันของครอบครัวเรา ข้าจะให้เขาจัดการนี่คงเป็นวิธีระบายความโกรธได้ดีแน่นอน!”
“ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะกึกก้องในห้องโถง
พวกเขาดูมีความสุขมากกับแผนการนี้