ตอนที่ 479 : โหมโรง
ฝนที่หนาวเหน็บเริ่มปกคลุมเมืองหยวนหยาง อากาศที่เคยอบอุ่นกลับมืดมนทันตา จากสภาพอากาศเช่นนี้หาได้ยากที่จะพบเห็นในเมืองโบราณ หยาดฝนหลั่งไหลมาจากชายคา ค่อยๆ เอ่อล้นท่วมคูสองข้างถนนก่อนจะไหลลงสู่คลองในเมือง
..ร่างคล้ายผีปรากฏตัวขึ้น มันยืนอยู่บนสะพานหินพร้อมด้วยร่มกระดาษในมือสีดำ พลางชายตาดูกระแสน้ำเชี่ยวในคลอง
“สถานกาณ์ในวังดาบเป็นอย่างไร?”
“ไม่ต้องกังวล เมื่อดาบเหล่านั้นออกมา แม้ว่าพวกเราไม่ย่างขาเข้าไป พวกมันก็ไม่แม้แต่จะหยุดนิ่งอยู่ดีคนเหล่านั้นมีความทะเยอทะยานอยู่เสมอ” เสียงดูเหมือนจะมาจากกระแสน้ำเชี่ยวที่ไหลผ่านใต้สะพาน
“โลกมนุษย์ที่ขุ่นเคืองคล้ายกับเรือ ส่วนผู้คนในนั้นก็เหมือนกับฝูงปลาเล็กๆ ที่พยายามจะข้ามมหาสมุทรอันขมขึ้นของชีวิต” แววตาอันเยือกเย็นจ้องไปที่ใบไม้ร่วงหล่นและกิ่งก้านที่แตกหักลอยอยู่เหนือน้ำ สายตาของมันจับจองราวกับเฝ้าดูทุกเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นอีกในไม่ช้า เสียงใต้ร่มดำผสานเข้ากับสายฝนและค่อยๆ จางหายไป
“จ่ๆ ฝนก็ตก” เจียงเสี่ยวหยูบ่นพลางผลักประตูเข้าไปในร้านพร้อมกับร่มดอกไม้คันเล็กในมือเธอ
“มันก็แค่ฝนตก อ๊ะ!” เด็กสาวอีกสองสามคนที่ตามหลังเธอพูดขึ้นหลังจากเดินตามเธอมายังร้านทุกหลังเล็กเรียน
มู่ชิงจาม “ทำไมวันนี้ท้องฟ้ามีดมีด”
“ข้าเอาชานม!”
วันใหม่ๆ จะต้องเริ่มต้นด้วยชานมแสนอร่อยสักแก้ว
“เจ้านาย!”
แทนที่จะเล่นเกม ฟางอี้นั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟา .. มันดูผิดหูผิดตา
เขาแหงนหน้าขึ้นมองทำมุมสี่สิบห้าองศา
“เจ้านาย..!” เจียงเสี่ยวหยูโบกมือให้เขา
“หะ!?” เขาตอบกลับ
“เจ้านาย ท่านกำลังคิดอะไรอยู่เหม่อมองอะไร?”
“ท่านกังวลกับสถานการณ์ของครบครัวหนานกงหรือเปล่า” หลี่หลันเหลียวถามด้วยความเป็นห่วง
“เกี่ยวไรกับข้าละ?” ฟางฉีดูไม่ใส่
ท้ายที่สุดแล้วตระกูลหนานกงไม่เคยถูกทำให้ขายหน้าเช่นนี้มาก่อน นี่ไม่ได้เป็นเพียงความขุ่นเคืองใจเท่านั้นมันเป็นการคุกคามถึงชื่อเสียงของตระกูลอีกด้วย
หลุหลันเหลียวรู้สึกไม่สบายใจ “ข้ารู้สึกเป็นกังวลทุกครั้งที่เกิดความเงียบงัน ข้าเกรงว่าพวกเขากำลังวางแผนบางอย่างในหมู่ความมืด”
“เจ้าพูดถูก!” มู่ชิงที่จิบชาเสริมเมื่อได้ยินคำพูดของหลุหลันเหลียว “ที่ผ่านมานับพันปีวังดาบนั้นเย่อหยิ่งและก้าวร้าวมาตลอด พวกเขาทำร้ายคนอื่นถึงกับชีวิตแต่ไม่มีใครสามารถทำอะไรพวกเขาได้เลย”
หลังจากนี้ฟางฉีอาจจะได้รับการโจมตีอย่างหนักหน่วงจากวังดาบด้วยไพ่ไม้ตายซึ่งเป็นพลังที่พวกเขาซ่อนไว้เป็นเวลานานแน่ ในฐานะตระกูลโบราณพวกเขามีทรัพยากรที่มากมายซึ่งมันไม่ยากหากจะทำลายผู้อื่น
“อืม ..” ฟางฉิมองดูพวกเขาด้วยสายตาไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ข้าไม่รู้จะพูดอะไรและข้าสงสัยว่าพวกเจ้ามีความคิดเห็นเช่นไร
ข้างเขาหลีหลันเหลียวก้มหน้าจิบชานมโดยไม่ปริปาก เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร เธอก้มหน้าลงคล้ายจะฝังมันลงกับโซฟา ดูเหมือนว่าเธอกลัวที่จะเอ่ยออกไปและก่อให้เกิดปัญหา
“เจ้าของ! ท่านไม่จำเป็นต้องซ่อนความกลัวจากพวกเรา!” มู่ชิงกระตือรือร้นที่จะเห็นฟางฉีทำตัวนุ่มนวล แต่ท้ายสุดเธอทำได้เพียงฝัน
“ข้าจะกลัวทำไม” ฟางฉีกล่าว “ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าคิดอย่างไรกับตัวเลือกการไลฟ์สด ถ้พวกเจ้าเองก็สามารถทำได้ ..
ส่วนต่อประสานของฟางฉีมีภารกิจใหม่ปรากฏขึ้น
ภารกิจใหม่ : สร้างการครอบงำเพื่อรักษาฐานที่มั่นคง
คำอธิบาย : โปรดสร้างอำนาจอีกครั้งเพื่อให้ผู้เล่น เล่นรางเกมโดยปราศจากความกังวล (ไม่จำกัดวิธีการจัดการ)
รางวัลภารกิจ : กงล้อนำโชค สิทธิพิเศษที่เพิ่มขึ้น, การปลดล็อคคิวคิวอีสปอร์ทและคิวคิวไลฟ์สด (ลูกค้าสามารถรับชมการถ่ายทอดสดผ่านคิวคิวในหยกสื่อสาร สมาชิกของร้านจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด)
“พวกเราไลฟ์ได้มั้ย?” เจียงเสี่ยวหยูเกือบกระโดดด้วยความดีใจ เธออยู่ในร้านมานานได้แต่เฝ้ามองฟางฉีไลฟ์จนอิจฉา
แล้วข้าไลฟ์สดด้วยได้มั้ย?
เธอไม่รู้ว่าฟางฉีทำการไลฟ์สดข้างนอกสถานที่ได้อย่างไร แต่จะดีมากถ้าได้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์การเล่นที่ยอดเยี่ยมของเธอ
เพราะทุกวันนี้ฟางฉิแสดงทักษะของเขาให้ทุกคนได้เห็นและเจียงเสี่ยวหยูทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนั่งดู
“หือ?” คนอื่นๆ หันมองและถามด้วยความแปลกใจ “เราท่าได้หรอ?”
ขณะเดียวกัน ณ วังดาบ
ลึกลงไปใต้สุสานดาบอันมืดมน ปราศจากแสงสว่างคล้ายกับนรกอันมืดมิด เสียงคำรามลากต่ำดังกึกก้องแสงสีแดงค่อยๆ สาดส่องประกายจากส่วนลึกใต้ดิน
ท่ามกลางเสียวโลหะกระทบลากกับพื้น กลุ่มคนที่ถูกล่ามทั้งเด็กและผู้ใหญ่คุกเข่าลงกับพื้นคล้ายว่าพวกเขากำลังบูชา
สุสานโบราณที่พังทลายดูเหมือนที่พำนักของเทพเจ้าแต่หากมันกำลังถูกครอบงำโดยปีศาจดุร้ายกิรคนขณะที่แสงสลัวสีแดงอันมืดมน แสงไฟนัยตาของพวกเขาเคลื่อนไหวตามเสียงอันสยดสยอง ความกลัวกัดกินหัวใจของผู้คนที่ละน้อย
มันเป็นวิญญาณดาบโบราณที่ทรงพลังซึ่งดำรงอยู่มานานหลายพันปีมันไม่เคยถูกาลเวลากัดเซาะ จิตวิญญาณของดาบที่หักดูน่ากลัวในความมืดคล้ายขุมนรก
ภาพสลักโบราณและรอยดาบที่ฟันเข้ากับศิลาฝังศพแทบหายไปตามกาลเวลา สิ่งที่คงเหลือไว้ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวอันรุ่งโรจน์และดับสูญในสมัยนั้น
ความมืดค่อยๆ จางหายเมื่อแสงสว่างค่อยๆ ปรากฏขึ้น ภาพทางเดินพร้อมไฟสลัวในสุสานดาบมีดาบยาวโบราณวางอยู่ ดาบบางเล่มขึ้นสนิมจนยากจะจินตนการถึงรูปลักษณ์ดั้งเดิม และบางเล่มถูกบดบังด้วยบาดแผลจากการกระทบของอาวุธอื่น
อย่างไรก็ตามไม่มีใครที่กล้าเพิกเฉยต่อจิตวิญญาณดาบนี้ มันทั้งน่าสยดสยองและบ้าคลั่งเหมือนปีศาจ เพียงแค่เสียงและรูปลักษณ์ก็สามารถกระตุ้นความกลัวอันลึกเบื้องล่างในจิตใจของผู้คน
“เจ้ารู้สึกเช่นนั้นหรอ?” เสียงหัวเราะดังมาจากห้องโถงใหญ่ มันฟังดูเย่อหยิ่งราวกับทุกสิ่งอยู่ใต้เขา
อีกไม่ช้าทุกสิ่งในโลกอาจจะอยู่ใต้เขาก็เป็นได้เพราะ ..
แกร็ก!
สายฟ้าสีดำมืดฟาดลงมาพร้อมพลังงานดาบที่พุ่งสวนขึ้นไปข้างบน มันมาจากใต้สุสานดาบ
“ข้าสงสัยว่าบรรพบุรุษของเราคนไหนที่ออกมา ..”
“สวัสดีท่านบรรพบุรุษ เราทุกคนยินดีต้อนรับการกลับมาของท่าน!” สาวกทั้งหมดแห่งวังดาบต่างก้มคุกเข่าลง