ตอนที่ 480 : เจอกัน?
“มีโทเค็นหรือเปล่า?” ท่ามกลางสายลมอันมืดมน น้ำเสียงอันเย็นชาและแววตาอาฆาตจากใบหน้าอันเดียวแห้งตามกาลเวลาของหนานกงหมั้น
ดาบศักดิ์สิทธิ์ในสุสานที่ได้รับการปกป้องโดยวังดาบหลายชั่วอายุคนตื่นขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่วังดาบจะเชื้อเชิญครอบครัวโบราณให้เข้าร่วมรับชมพิธี
มันเป็นโอกาสสำหรับวังดาบเพื่อแสดงถึงศักยภาพอันแข็งแกร่งและโดดเด่น เมื่อถึงเวลานั้นวังดาบจะขจัดอุปสรรคทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา และสร้างกองกำลังให้ยอมจำนนต่อพลังดาบอันทรงพลังนี้
ก่อนที่นี้หนานกงหลินมีนักโทษในมือเขาถึงร้อยคน พวกเขาอยู่ในชุดมอมแมมและถูกล่ามโซ่ไว้ บางคนเป็นศัตรูของวังดาบ บางคนทรยศและบางคนก็เป็นผู้ติดตามที่กระตือรือร้น
หลังจากอดทอดร่อนเร่อยู่ในเขตสุขสานดาบอันน่าสยดสยองมานานหลายพันปี พวกเขาได้กลายเป็นผีทาสดาบครึ่งผีครึ่งคนซึ่งไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรอคำสั่ง ครอบครัวโบราณอื่นๆ คิดว่านี่เป็นไพ่ไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุด ตั้งแต่เริ่มต้นตระกูล
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของตระกูลเล็กๆ พรากคนธรรมดาที่ไม่มีแม้แต่ความตั้งใจที่จะต่อด้าน ฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าเพื่อรวบรวมกำลังของพวกเขา .. ใช่ การขังผู้คนหรือดวงวิญญาณไว้ในสุสานถือเป็นการคุกคาม
ถึงอย่างนั้น .. มันสายเกินไป
“ตอนนี้บรรพบุรุษของเราได้ตื่นขึ้นแล้ว มันเป็นตาของวังดาบที่จะเอาคืนและครองโลก!” บนท้องฟ้าเกิดเสียงรองและสายฟ้าฟาดลงมาอย่างบ้าคลั่งราวกับพายุ ส่องให้เห็นใบหน้าอันแท้จริงของหนานกงหลิน ซึ่งดูคล้ายครึ่งคนครึ่งผี
ดูเหมือนจะเป็นคำสาปที่ไม่มีใครสามารถลบล้างทำลายได้ แม้จะผ่านไปพันปี
เวลานี้ ..
“มีเพียงวังดาบของข้าเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ควบคุมเรือล่านี้ในโลกของมนุษย์!”
“ความฝันกำลังจะเกิดขึ้นจากมือของข้า!”
“ฮ่า!” เสียงคำรามดังก้อง แผ่นดินสันสะเทือนเหล่าวิญญาณอาฆาตปรากฏอย่างท่วมท้นราวกับเมฆที่ปิดบังพระอาทิตย์
“หากไม่มีบรรพบุรุษ ทาสดาบก็ไร้ประโยชน์นำพวกเขาไปสังเวย” หนานกงหลินกล่าว “ปฏิบัติตามคำสั่งของข้าและจัดพิธีบูชายัญดาบเจ็ดวัน เมื่อเสร็จสิ้นพิธีให้ครอบครัวต่างๆ มารวมตัวกันที่นี่ พวกเราวังดาบจะเป็นผู้ครองโลก!”
ท้ายที่สุดไม่มีใครกล้ใกล้ชิดกับอาณาจักรการต่อสู้ของพวกเขา ในสายตาของหนานกงหลิน ทุกสิ่งตรงหน้าแม้แต่อาณาจักรสูงก็ง่ายเหมือนกับตัดเค้ก สิ่งที่วังดาบแสวงหาคือการสร้างความกลัวหรือไม่ก็ฆ่าใครสักคนที่ขัดขวางพวกเขา
“ทำไมพวกเจ้า .. ทำไมถึงคิดว่าผู้คนในเกมป่าเถื่อนละ?” ซงรูทำหน้างงที่เห็นผู้คนหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุย
ผู้คนในเกมส่วนยมากที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกส่วนใหญ่เป็นผู้หลี้ภัยจากผู้ใช้คาถาจิตวิญญาณ มีเหตุผลหลายประการสงสราม การสังหารหมู่หรือรวมไปถึงภัยธรรมชาติ ทำให้พวกเขาตั้งกัดฟันอดส์
พื้นที่รกร้างอันกว้างใหญ่มีสภาพแวเล้อมที่โหดร้ายซึ่งนั้นเป็นข้อดีที่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นข้อเสียที่มันทำให้พวกเขามีนิสัยป่าเถื่อนมากไป การต่อสู้ที่ต่างกันนั่นขึ้นอยู่ที่สภาวะจิตใจเช่นกัน
ผู้เฒ่าหยูถาม [ตามตำนานแล้วในหมู่คนป่าเถื่อนพวกเขาเคยผ่านช่วงเวลาอันรุ่งเรืองมาก่อน ข้าสงสัยว่าเขาเป็นคนผ่าเถื่อนที่หลงเหลือจากยุคก่อนประวัติศาสตร์หรือไม่
นักรบชุดดำซูวโมแทรก [เป็นไปไม่ได้ ปืนใหญาเหล่านี้แตกต่างจากอาวุธโดยสิ้นเชิง ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะทิ้งสิ่งเหล่านี้ช่างน่าตกใจ หากพวกเขามีมรดกแบบนี้]
เฟงหยางซีกล่าว [ขาได้นำคำถามนี้ไปให้เพื่อนจากร้านอื่นๆ วิเคราห์พวกเขากล่าวว่าผู้ฝึกฝนและนักรบมีลักษณะคล้ายกันมาก]
[ผู้คนและเนื้อเรื่องในสตาร์คราฟ ล้วนอาศัยอยู่บนดวดาวใช่มั้ย?] ซึ่งยังคงไม่กระจ่าง [เป็นไปได้ไหม ..]
เขามองขึ้นไปบนเพดานราวกับว่าสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ [บางที่พวกเขาเหล่านี้อาจตกลงมาจากฟากฟ้าในยุคก่อนประวัติศาสตร์? พวกเขาไม่ได้บอกถึงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ..เอ่อ ..อะไร? แรงโน้มถ่วงหรอ หรือว่าแรงโน้มถ่วงนี้หายไปเพราะเขาตกลงมาจากดวงดาว?]
โชคดีที่ฟางฉีไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ มิฉะนั้นเขาคงจะยอมจำนนต่อจินตนาการอันยิ่งใหญ่และการให้เหตุผลเชิงตรรกะของคนเหล่านี้เป็นแน่
[ขาได้ยินมาว่านักรบจากทางตะวันตกเฉียงเหนือจะมาที่สำนักสวรรค์เพื่อฝึกซ้อมและสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ซวโมตอบว่า [สั่งสอนพวกเขาให้ได้รู้จัก]
เป่าผิงปฏิเสธ [เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้เย็นก่อนที่จะส่งคนไปสู้กัน]
ซงกล่าว [แม้ว่าสำนักสวรรค์ของเราจะเคยมีนักรบมาก่อน ข้าเกรงว่าพวกเขาอาจรุนแรง .. โอ๊ะ อนิจจาข้าพบว่านาหลันฮงรูในกลุ่มแชทเข้าใจเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับเทคนิคดาบ พวกเขาเล่าว่าเทคนิคดาบนั้นทรงพลังมากๆ]
เป่าผิงกล่าวว่า [แอบอายเล็กน้อยที่ต้องขอความช่วยเหลือจากคนในดินแดนทะเลร้าง]
[การร่วมประชุมเสวนาหาหรือกันถือเป็นเรื่องดี คนหนุ่มสาวหากมีความต้องการจะประลองกันนั้นก็ไม่ว่า แต่เพียงให้อยู่ในขอบเขตก็พอ]
[ผู้คนจากดินแดนทะเลร้าง? ไม่แน่ใจเลยว่านี้จะเป็นความคิดที่ดี] ซงวดกังวล