เซียวโม่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเมื่อครั้งก่อนเขาถูกสวี่โยวและคุณแม่เซียวจัดฉาก สวี่โยวรู้สึกว่าช่วงนี้เธอมีอาการง่วงเหงาหาวนอน ในตอนแรกเธอยังไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น แต่เมื่อกลับมาที่บ้านของตระกูลเซียว เมื่อคุณแม่เซียวเห็นว่าสภาพของเธอดูอิดโรย เธอก็มีคำถามมาถามมากมาย 

 

 

“โยวโยว เป็นอะไรไปลูก ช่วงนี้นอนไม่หลับเหรอ” สิ่งที่สวี่โยวกังวลใจในตอนนี้ก็คือความสัมพันธ์ของเธอกับเซียวโม่ ที่ยิ่งนานวันเข้าเขาก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้เซียวโม่ยอมทำงานจนดึกดื่นอยู่ข้างนอกดีกว่าที่จะกลับบ้านมาเจอเธอ 

 

 

“หนูเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คุณแม่ ว่าหนูเป็นอะไร ช่วงนี้หนูอยากนอนอย่างเดียวเลย แล้วก็ทานอะไรไม่ค่อยได้ด้วย” สวี่โยวเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่เพราะเธอคิดว่ามันเป็นแค่ปัญหาเล็กๆ เธอจึงไม่เคยไปตรวจที่โรงพยาบาลเลย 

 

 

คุณแม่เซียวรีบนึกถึงความเป็นไปได้ในทันที เธอเอ่ยถามถึงเป้าหมายของเธอ “โยวโยว ประจำเดือนหนูมาหรือยัง” คุณแม่เซียวประชิดตัวถามสวี่โยว ภายในห้องนั่งเล่นมีแค่เธอสองคน ไม่มีใครอื่น ดังนั้น ถึงแม้ว่าคุณแม่เซียวจะรู้สึกเขินอายที่ต้องถามตรงๆ แบบนี้ แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่เธอพอจะรับได้ 

 

 

เธอส่ายหน้าและยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าคุณแม่เซียวต้องการจะพูดอะไร รอบเดือนของเธอไม่ค่อยแน่นอนอยู่แล้ว ดังนั้นครั้งนี้มันก็น่าจะมาช้า สวี่โยวเองก็ไม่ได้สนใจ แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่ามันมาช้ากว่าปกติไปหลายวัน 

 

 

แต่ทันใดนั้น ความคิดบางอย่างก็แวบขึ้นมาในสมองของเธอ และเมื่อเธอเห็นว่าคุณแม่เซียวเองก็มองมาที่หน้าท้องของเธอด้วยความประหลาดใจ สวี่โยวก็เลยมองไปที่คุณแม่เซียวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แม่คะ หนู…หนูท้องใช่ไหมคะ” 

 

 

สวี่โยวหวนนึกถึงเรื่องในวันนั้น แต่เธอก็อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ของเธอและเซียวโม่ให้ดีขึ้น ดังนั้น หลังจากครั้งนั้น เธอจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ช่วงนี้นอกจากเธอจะนอนเยอะแล้ว เธอก็ยังมีความอยากอาหารมากขึ้นด้วย 

 

 

สวี่โยวเองก็ไม่มีประสบการณ์มาก่อน เมื่อเธอเห็นคุณแม่เซียวจับมือเธออย่างตื่นเต้น จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าครั้งนี้ฝันของเธอมันอาจจะเป็นจริงก็ได้! เธอจะได้ไม่ต้องคิดวางแผน ไม่ต้องสรรหาเรื่องโกหกเพื่อรั้งเซียวโม่ให้อยู่กับเธออีกต่อไปแล้ว เพราะเธอมีสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่คอยเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอกับเขาในวันข้างหน้าแล้ว 

 

 

คุณแม่เซียวก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน หลังจากที่เธอรอมานาน ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง คุณแม่เซียวรั้งรอแทบไม่ไหวอยู่แล้ว “ไปลูก โยวโยว ไปตรวจที่โรงพยาบาลกับแม่ เราจะได้รู้คำตอบกัน” สวี่โยวรู้สึกสับสนไปหมด ชั่วขณะหนึ่ง เธอก็ได้แต่นั่งมองคุณแม่เซียววิ่งวุ่นอยู่ตรงนั้น 

 

 

หลังจากที่คุณแม่เซียวหยิบของเสร็จ เธอก็ค่อยๆ ประคองสวี่โยวให้ลุกขึ้นยืน “โยวโยว ดีใจมากเลยใช่ไหมลูก นี่ถ้าผลตรวจออกมาว่าหนูตั้งท้องจริงๆ ก็นับว่าหนูเป็นผู้มีพระคุณต่อตระกูลเซียวของเรา!” 

 

 

“มันยังไม่แน่นอนเลยค่ะ คุณแม่” แม้ว่าสวี่โยวจะถ่อมตัว แต่เธอก็มีความมั่นใจว่าเธอท้องจริงๆ 

 

 

เมื่อคุณแม่เซียวเห็นว่าสวี่โยวนอบน้อมแบบนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าลูกสะใภ้ของเธอนี่ช่างแสนดีจริงๆ “โยวโยว แม่รู้ใจหนูจ้ะ ถ้าอาโม่ทำไม่ดีกับหนู แม่จะช่วยหนูดุอาโม่ให้เอง” สวี่โยวได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น แม้ว่าคุณแม่เซียวจะช่วยเธอในเรื่องนี้ได้ แต่ก็บังคับเซียวโม่ให้รักเธอไม่ได้หรอก 

 

 

คนขับรถพาพวกเธอมาส่งที่โรงพยาบาล เดิมทีสวี่โยวจะขับรถมาเอง แต่คุณแม่เซียวไม่ยอม เธอกลัวว่าถ้าเกิดเธอตั้งท้องอยู่จริงๆ แล้วมันจะส่งผลเสียต่อเด็กได้ สวี่โยวเองก็นึกถึงความเป็นไปได้นี้ เธอจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล 

 

 

พวกเธอสองคนโอบอุ้มความหวังเข้าไปในแผนกสูติ-นรีเวช หลังจากนั้นพักหนึ่ง คุณแม่เซียวและสวี่โยวก็มองดูใบแจ้งผลการตรวจที่อยู่ตรงหน้า พวกเธอตัวสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น “โยวโยว หนูท้องจริงๆ ด้วย ดีจังเลย! ในที่สุดฉันก็จะมีหลานแล้ว” 

 

 

สวี่โยวเองก็ตื่นเต้นมาก แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะนึกถึงเซียวโม่ “คุณแม่คะ เราต้องบอกเซียวโม่ไหม แล้วไหนจะคุณพ่ออีก…” 

 

 

คุณแม่เซียวเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เธอมัวแต่ตื่นเต้นจนลืมไปเลยว่าที่บ้านยังมีผู้ชายอยู่อีกสองคน “ใช่ๆ หนูรีบโทรหาเซียวโม่เลยนะ บอกข่าวดีให้เขาฟัง ส่วนคุณพ่อเดี๋ยวแม่บอกเอง เขาจะต้องดีใจมากแน่ๆ” 

 

 

คุณแม่เซียวกุมมือสวี่โยวและลูบใบหน้าเธอเบาๆ “โยวโยว ตอนนี้หนูอุ้มท้องอยู่ หนูย้ายกลับมาอยู่กับแม่ดีกว่าไหม ไม่ต้องอยู่ข้างนอกกับเซียวโม่แล้ว หนูคิดว่ายังไง” 

 

 

เมื่อสวี่โยวมองดูคุณแม่เซียว เธอก็เห็นว่านัยน์ตาของคุณแมวเซียวบ่งบอกความต้องการอย่างชัดเจนว่าอยากจะให้เธอกลับไปอยู่ที่บ้าน เธอเข้าใจหัวอกของคุณแม่เซียวดี ยิ่งไปกว่านั้น เธอคิดว่าถ้าเธออยู่ที่บ้านของตระกูลเซียว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเซียวโม่จะต้องเก็บอาการมากกว่านี้ เขาจะไม่คุยกับเธอหรือพูดจาเย็นชาใส่เธอเหมือนทุกวันนี้ไม่ได้อีก 

 

 

“ได้ค่ะ คุณแม่ รบกวนคุณแม่ด้วยนะคะ” สวี่โยวยิ้มแย้มอย่างมีความสุข คุณแม่เซียวเองก็มีความสุขมาก “โยวโยว แม่ดูคนไม่ผิดจริงๆ อ้อ อย่าลืมบอกข่าวดีกับคุณพ่อคุณแม่ของหนูด้วยนะจ๊ะ” 

 

 

คุณแม่เซียวอยากจะป่าวประกาศให้ทุกคนที่เธอรู้จักได้ทราบว่า ลูกสะใภ้ของเธอตั้งท้องแล้ว ความตื่นเต้นของเธอไม่สามารถยับยั้งเอาไว้ได้ในเวลานี้ 

 

 

เมื่อกลับมาถึงบ้านตระกูลเซียว คุณแม่เซียวก็รีบโทรหาคุณพ่อเซียว “ตงหนาน ฉันมีข่าวดีจะบอกค่ะ โยวโยวท้องแล้ว เราจะมีหลานให้อุ้มแล้วนะ” 

 

 

เมื่อคุณพ่อเซียวได้ยินข่าวดีจากคุณแม่เซียว เขาก็นั่งยิ้มไม่หุบอยู่ในสำนักงาน “ดีมากเลย ช่างเป็นข่าวดีจริงๆ โอเค คืนนี้ผมจะกลับไปฉลองด้วย แต่ว่าจยาลี่ ผมว่าคุณควรจับตาดูเซียวโม่เอาไว้หน่อย ผมรู้สึกว่าช่วงนี้พวกเขาสองคนดูแปลกๆ ไป” 

 

 

เมื่อคุณพ่อเซียวเตือนคุณแม่เซียวเช่นนี้ เธอก็เก็บเรื่องนี้เอาไปคิด “ค่ะ ตงหนาน ฉันจะจับตาดูให้ดี ตอนนี้โยวโยวท้องอยู่ เธอเป็นคนสำคัญของตระกูลเรา แม้แต่ลูกชายก็ยังต้องชิดซ้ายค่ะ” 

 

 

คุณแม่เซียวคิดเช่นนั้นจริงๆ ในตอนแรกที่สวี่โยวแกล้งบอกว่าเธอท้อง เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าเธอมีหลานให้ตระกูลเซียวได้เมื่อไร เธอก็จะไม่ต้องเป็นกังวลอะไร เพียงแต่เรื่องความรู้สึกระหว่างเธอและเซียวโม่มันค่อนข้างที่จะยุ่งเหยิง เธอจึงต้องจัดการมันด้วยตัวเอง 

 

 

หลังจากที่คุณแม่เซียวแจ้งให้คุณพ่อเซียวทราบแล้ว เธอก็โทรหาเซียวโม่ เธอบอกให้เขากลับบ้านโดยที่ไม่ได้บอกรายละเอียดเพิ่มเติม 

 

 

หลังจากวางสายโทรศัพท์ เธอก็เห็นว่าสวี่โยวมองมาที่เธอด้วยความสงสัย คุณแม่เซียวรู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ 

 

 

“โยวโยว หนูไม่เข้าใจใช่ไหมว่าทำไมแม่ถึงไม่ยอมบอกข่าวดีกับเซียวโม่” สวี่โยวพยักหน้า คุณแม่เซียวก็ไม่ปล่อยให้เธอสงสัย “ที่แม่ทำอย่างนี้ก็เพราะว่าแม่หวังดีกับหนู หนูควรจะบอกข่าวนี้กับเขาด้วยตัวเอง เขาจะได้เซอร์ไพรส์ แม่ไม่สามารถทำลายความสุขของพวกหนูได้” 

 

 

หลังจากนั้น คุณแม่เซียวก็ปล่อยให้สวี่โยวนั่งพักอยู่ในห้องนั่งเล่น ส่วนเธอก็ไปที่ห้องครัวเพื่อปรึกษาพูดคุยกับแม่บ้านหลี่ว่าต่อไปเธอจะบำรุงร่างกายของสวี่โยวอย่างไรดี 

 

 

ทางด้านของสวี่โยว เธอแจ้งข่าวการตั้งครรภ์ของเธอให้คุณพ่อและคุณแม่สวี่ทราบ คุณแม่สวี่ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ความขัดแย้งระหว่างสวี่โยวและเซียวโม่เป็นเรื่องที่เธอกังวลใจมาตลอด คุณแม่สวี่มีลูกสาวอยู่เพียงคนเดียว นอกจากคุณพ่อสวี่แล้ว เธอก็ทุ่มเทความคิดทั้งหมดลงไปที่สวี่โยว 

 

 

“โยวโยว หนูท้องก็ดีแล้วลูก แม่สามีของหนูจะได้ดีกับหนูมากขึ้น ตราบใดที่หนูมีลูก เซียวโม่ก็ทำอะไรหนูไม่ได้” ความจริงแล้ว เมื่อคุณแม่สวี่เห็นว่าชีวิตของสวี่โยวนั้นขมขื่นปานนี้ เธอก็รู้สึกเสียใจ 

 

 

แต่ตอนนั้นลูกสาวของเธอยืนกรานว่าจะแต่งงานกับเซียวโม่ แม้ว่าคุณพ่อและคุณแม่สวี่จะลังเล แต่ความตั้งใจแน่วแน่ของสวี่โยวก็ทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจ ตอนนี้ชีวิตหลังแต่งงานของสวี่โยวไม่ได้เป็นดั่งที่หวังไว้ คุณแม่สวี่ก็เอาแต่เป็นห่วงเรื่องของเธอกับเซียวโม่อยู่ทั้งวัน จนเธอซูบผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัด 

 

 

แล้วตอนนี้เมื่อคุณแม่สวี่ได้ยินข่าวดีอย่างนี้ เธอจะไม่หลั่งน้ำตาได้อย่างไร นี่มันเป็นสิ่งที่ลูกสาวของเธอสมควรได้! 

 

 

“แม่คะ ตอนนี้หนูกับเซียวโม่โอเคดี แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทุกวันนี้มันเป็นอย่างที่หนูอยากให้เป็นแล้ว” สวี่โยวไม่อยากให้คุณแม่สวี่ไม่สบายใจ แม้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเซียวโม่จะไม่ได้ดีอย่างที่เธอพูด แต่เธอก็จะไม่บอกความจริงกับคุณแม่สวี่ 

 

 

เมื่อครั้งก่อนเป็นเพราะว่าสวี่โยอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว ดังนั้นเธอจึงสติหลุดต่อหน้าคุณแม่สวี่ “โอเคจ้ะ แม่ไม่พูดแล้วก็ได้ ขอแค่หนูสบายดี แม่ก็สบายใจแล้ว” เมื่อคุณแม่สวี่ได้ยินน้ำเสียงที่หนักแน่นของสวี่โยว เธอก็รู้ว่าเธอไม่สามารถเกลี้ยกล่อมลูกสาวได้อีกต่อไป 

 

 

ตกเย็น เซียวโม่ก็กลับมาที่บ้านจากคำสั่งของคุณแม่เซียว แต่เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่าข่าวที่กำลังรอเขาอยู่นั้น ใหญ่มากเสียจนทำให้สมองของเขาเบลอไปหมด 

 

 

สวี่โยวเห็นว่าเซียวโม่กลับมาแล้ว เธอทอดสายตามองเขาด้วยความรักที่เปี่ยมอยู่เต็มอก เซียวโม่ไม่เข้าใจความหมายที่สวี่โยวต้องการจะสื่อ เขาถอดเสื้อโค้ทและวางมันลงบนที่แขวนเสื้อ ก่อนจะเปลี่ยนรองเท้าและเดินเข้ามาในบ้าน 

 

 

คุณแม่เซียวเอ่ยต้อนรับอย่างกระตือรือร้น “กลับมาแล้วเหรอลูก คุณพ่อกลับมาตั้งนานแล้ว กำลังรอให้ลูกกลับมาทานข้าวอยู่แน่ะ” 

 

 

“แม่ครับ แม่เรียกผมกลับมาทำไม” น้ำเสียงของเซียวโม่ฟังดูเบื่อหน่าย คุณแม่เซียวทนดูเขาเป็นแบบนี้ไม่ได้จึงพูดขึ้น “ช่วงนี้ลูกไม่ได้กลับบ้านเลยใช่ไหม ลูกปล่อยให้โยวโยวอยู่บ้านคนเดียวได้ยังไง นี่ลูกไม่เป็นห่วงเธอบ้างเลยเหรอ” 

 

 

           เซียวโม่นึกไม่ถึงเลยว่าสวี่โยวจะไร้ยางอายมากขนาดนี้ แม้แต่เรื่องนี้ก็เอามาเล่าให้คุณแม่เซียวฟัง เซียวโม่จ้องมองสวี่โยวด้วยสายตาเย็นชา แต่เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าเขามองเธอผิดไป ดวงตาของเธอแดงก่ำ 

 

 

           เมื่อคุณแม่เซียวเห็นเซียวโม่ทำแบบนี้กับสวี่โยว เธอก็คิดว่าในขณะที่เธอไม่อยู่ เซียวโม่ต้องทำยิ่งกว่านี้แน่ ตอนนี้สวี่โยวท้องอยู่ เธอจะไม่อนุญาตให้เซียวโม่ปฏิบัติต่อเธอแบบนี้อีก เกิดหลานเธอมีปัญหาจะทำอย่างไร? 

 

 

“ลูกมองโยวโยวอย่างนั้นทำไม นี่แม่รู้เอง ไม่เกี่ยวกับโยวโยวเลย” เซียวโม่ไม่เชื่อลมปากของคุณแม่เซียว ถ้าสวี่โยวไม่ได้พูดกับคุณแม่เซียว แล้วจู่ๆ คุณแม่เซียวจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างไร 

 

 

แต่เซียวโม่จะโทษสวี่โยวก็ไม่ได้ เธอไม่ได้เป็นคนเล่าให้คุณแม่เซียวฟังว่าช่วงนี้เธอกับเขาอยู่ด้วยกันไม่มีความสุขเลย คุณแม่เซียวเป็นคนสังเกตเห็นเอง เธอแค่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของสวี่โยว แค่นี้ก็จับพิรุธได้แล้ว 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น คุณพ่อเซียวยังบอกอีกว่าเซียวโม่มักจะอยู่ที่บริษัท บางครั้งขนาดว่าคุณพ่อเซียวกลับแล้ว เซียวโม่ก็ยังไม่กลับ เขาทำอย่างนี้อยู่หลายหน จนพนักงานในบริษัทเริ่มซุบซิบนินทากัน แล้วคุณพ่อเซียวเองก็ได้ยิน 

 

 

คุณแม่เซียวเอ่ยปากถามอีกครั้งอย่างอ่อนโยน สวี่โยวก็หลุดออกมาทันที ดังนั้นคุณแม่เซียวจึงนำเรื่องที่คุณพ่อเซียวใบ้ให้ฟังก่อนหน้านี้มาประติดประต่อกัน เท่านี้เธอก็พอจะรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว 

 

 

เมื่อคุณแม่เซียวเห็นว่าเซียวโม่ยังไม่เชื่อ เธอก็หมายจะเข้าไปตีเขาสักที แต่เซียวโม่โยกศีรษะหลบ คุณแม่เซียวเองก็ยังไม่ทันได้ลงมือ เธอมองไปที่สวี่โยว “ตอนนี้โยวโยวไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ลูกอย่าทำให้เธอโกรธอีก เอาละ แม่จะไปบอกให้แม่บ้านหลี่ตั้งโต๊ะ รอเดี๋ยวเดียวก็ได้ทานข้าวแล้ว” 

 

 

คุณแม่เซียวขยิบตาส่งสัญญาณให้สวี่โยว สวี่โยวเข้าใจได้ทันทีว่าคุณแม่เซียวหลีกทางให้พวกเธอ เพราะต้องการจะให้เธอเป็นคนบอกกับเซียวโม่เองว่าเธอท้องแล้ว 

 

 

สวี่โยวบีบนิ้วมือของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะเริ่มอย่างไรดี แต่เซียวโม่ไม่ได้เข้าใจจิตใจที่สับสนของเธอเลย “คุณมีอะไรจะบอกผมไหม” เซียวโม่เห็นเธอยืนขวางอยู่ตรงหน้า ไม่หลีกทางให้ ส่วนเธอก็เอาแต่ก้มหน้าและไม่พูดอะไรออกมาสักที เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เธอต้องการอะไร 

 

 

สามีภรรยาคู่นี้ยากเกินกว่าจะพูดคุยกันดีๆ แล้ว ถ้าไม่เห็นแก่หน้าตาของทั้งสองตระกูล บางทีเซียวโม่อาจจะเสนอให้หย่าแล้วก็เป็นได้