บทที่ 46 งานเลี้ยงปาร์ตี้วันเกิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 46
งานเลี้ยงปาร์ตี้วันเกิด

การอยู่ร่วมกันดูเหมือนจะไม่มีอะไรแตกต่างออกไปเลยสำหรับมู่หรงเสวี่ย ยกเว้นก็แต่ตอนกลางคืนที่ได้นอนกับ ชางกวนโม่ เดิมทีมู่หรงเสวี่ยคิดว่าเขาจะทำอะไรเธอ แต่ก็เปล่าเลย มีเพียงแต่การพูดคุยภายใต้ผ้าห่มที่บริสุทธิ์ด้วยรู้สึกที่แท้จริง!

หรือว่าเธอเข้าใจเขาผิด ราวกับว่าความโกรธของเขาเป็นเพียงภาพที่เธอคิดไปเอง

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ในห้องนั่งเล่น
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“ฮัลโหล เสี่ยวเสวี่ย ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปเลยนะ นี่ลืมไปหรือเปล่าว่าอีกสองวันจะเป็นวันอะไร?!!” เสียงของ จางเข่อเหรินดังออกมาจากโทรศัพท์

วันอะไร? มีงานเทศกาลอะไรหรือเปล่าน่ะ?!! “แม่ วันอะไรเหรอคะ?!!” เร็วๆนี้ไม่มีงานเทศกาลอะไรนี่

จางเข่อเหรินที่อยู่ปลายสายรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที แม่หนูนี่ไม่รู้ตัวเองเลยจริงๆ เธอจำวันเกิดตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ “อีกสองวันก็วันเกิดลูกไง จำไม่ได้หรือไงว่าพรุ่งนี้ที่บ้านจะจัดงานวันเกิดให้ลูกน่ะ? จำไม่ได้เลยหรือไง ลูกโตขึ้นแล้วนะ งานปาร์ตี้นี้จะเป็นการยกกิจการทั้งหมดให้ลูก ถึงเวลาที่ลูกจะต้องออกมาแสดงตัวแล้วนะ”

เสี่ยวเสวี่ยอายุ 15 แล้ว ดังนั้นที่บ้านจึงจะจัดงานใหญ่ ในฐานะตระกูลมู่หรง เสี่ยวเสวี่ยไม่ได้แย่เลย ยิ่งตอนนี้ท่าทางและชื่อเสียงที่ดีจะต้องทำให้เธอมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน

วันเกิดงั้นเหรอ!? แล้วมู่หรงเสวี่ยก็นึกได้ว่าได้เวลาที่ต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับงานเลี้ยง

ในชีวิตที่แล้ว…ก็เป็นที่งานเลี้ยงวันเกิดด้วยเหมือนกัน ที่ควรจะทำให้เธอได้มีหน้ามีตาขึ้นไปอยู่ในสังคมชั้นสูงและทำให้คนอื่นเห็นค่าเธอมากขึ้น เธอชวนฟางฉีฮัวและเสี่ยวเข่อลี่มาด้วย เสี่ยวเข่อลี่บอกว่าเธอไม่คุ้นเคยกับคนพวกนี้ เธอก็เลยตัวติดอยู่กับเธอตลอดงานปาร์ตี้ แถมยังมีฟางฉีฮัวอยู่ข้างๆตลอดด้วย

ในฐานะตัวเอกของงาน เธอควรที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคนแต่เธอก็พลาดโอกาสเพราะเธอเอาแต่แนะนำพวกคนชั้นสูงให้เสี่ยวเข่อลี่และฟางฉีฮัวได้รู้จัก ในทางตรงกันข้ามการทำแบบนี้ทำให้แขกผู้ใหญ่ที่มางานไม่ค่อยพอใจเท่าไร

“แม่ เข้าใจแล้วค่ะ เดี๋ยวหนูจะรีบกลับนะคะ” เมื่อพูดจบเธอก็วางสายไป

“มีอะไรเหรอ?” ชางกวนโม่ที่บังเอิญเดินลงมาจากชั้นบนและได้ยินเธอบอกว่าจะรีบกลับบ้าน

“พี่ชางกวน เดี๋ยวฉันจะต้องกลับบ้านก่อน วันนี้ฉันคงจะนอนที่นี่ไม่ได้ อีกสองวันฉันจะต้องจัดงานปาร์ตี้” มู่หรงเสวี่ยพูด

ปาร์ตี้งั้นเหรอ?! ปกติแล้วงานเลี้ยงของตระกูลเล็กๆแบบนี้ไม่อยู่ในความสนใจของเขาเลย แต่นี่เป็นงานปาร์ตี้ของตระกูล มู่หรง งั้นเขาก็ควรที่ไปแสดงตัวและเจอกับพ่อแม่ของมู่หรงเสวี่ยหน่อย หลังจากคิดเรื่องนี้

“ปาร์ตี้อะไรเหรอ?! อยากให้ฉันไปด้วยไหม?” ในเมื่อพวกเขาเป็นแฟนกัน เขาก็ควรที่จะไปงานปาร์ตี้กับเธอด้วย

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกขนลุก ขอร้องล่ะ ลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองเป็นใคร?! ถ้าเขามาด้วย เธอคงเกร็งแย่เลย

“ไม่ต้องหรอก มันก็แค่งานเลี้ยงเล็กๆ พี่ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ” มู่หรงเสวี่ยพูดความจริง เธอไม่กล้าให้เจ้าชายอย่างเขาไปงานด้วยหรอก ไม่งั้นพรุ่งนี้คงเป็นข่าวใหญ่แน่เลย

ชางกวนโม่คิดว่ามันคงไม่สะดวกที่เขาจะไปงานด้วย ช่วงนี้ผู้ใหญ่ของตระกูลค่อนข้างจะวุ่นวาย ถ้าไปงานด้วยคงจะเป็นการเปิดเผยที่อยู่ของเขาแน่ๆ เขาไม่ได้กลัวเรื่องอันตรายแต่กลัวว่ามู่หรงเสวี่ยจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยและเขาก็คงไม่ได้อยู่คอยปกป้องเธอตลอดเวลา เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเขาจะพาเธอกลับไปพบคุณปู่ทีหลัง

“งั้นก็ระวังด้วยนะ ถ้าต้องการอะไรก็โทรหาฉันแล้วกันนะ”

“ได้ค่ะ” แล้วเธอจะกลับไปทำอะไรที่บ้านดีล่ะ? มู่หรงเสวี่ยยิ้ม
สองชั่วโมงต่อมา มู่หรงเสวี่ยก็กลับมาที่บ้าน

ในอดีต แม่เธอจะจัดงานปาร์ตี้ทุกงานที่บ้านแต่เธอไม่เคยมาร่วมงานเลย ระดับของการจัดเลี้ยงจะเป็นตัวชี้วัดความสามารถของคุณนาย แถมยังเป็นบันไดเข้าสู่สังคมชั้นสูงอีกด้วย ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้ามาในงานได้ ดังนั้นใครที่ไม่ตรงกับคุณสมบัติก็จะไม่ได้มาร่วมงาน พวกเขาก็จะกลายเป็นตัวตลก

ทันทีที่จางเข่อเหรินเห็นมู่หรงเสวี่ย เธอก็รีบลากมู่หรงเสวี่ยเพื่อไปคุยเรื่องรายละเอียดสำคัญของงานทันที รวมถึงบริเวณที่จะใช้จัดงานด้วยและรายชื่อแขกที่จะต้องส่งบัตรเชิญ รวมถึงเรื่องอื่นๆอีกมากมาย

มู่หรงเสวี่ยยุ่งมากๆ เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในการเตรียมงานเลี้ยงจะต้องมีเรื่องต้องจัดการมากมายขนาดนี้ มีเรื่องมากมายที่เรียนรู้ แถมเธอยังต้องเรียนรู้เรื่องข้อห้ามของพวกแขกอีกด้วย เธอต้องตัดสินใจเรื่องขนม, อาหารและการตกแต่งของงานด้วย
ถึงแม้เธอจะจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์มือหนึ่งของเมืองมาช่วยจัดงานด้วย แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่มู่หรงเสวี่ยจะต้องตัดสินใจ ทำให้ตลอดทั้งวันมู่หรงเสวี่ยแทบจะไม่ได้หยุดพักเลย แน่นอนว่าจางเข่อเหรินก็ยังเข้ามาช่วยด้วยแต่ก็เพียงแค่แสดงความคิดเห็นเล็กๆน้อยๆเท่านั้น และมู่หรงเสวี่ยยังต้องตัดสินใจเองเป็นหลัก จางเข่อเหรินจะไม่เข้ามาก้าวก่าย ถึงอย่างนั้นการเตรียมงานของมู่หรงเสวี่ยก็ทำให้จางเข่อเหรินต้องประหลาดใจอย่างมาก เดิมทีเธอคิดว่าเสี่ยวเสวี่ยจะต้องมาถามเธอกับทุกเรื่อง แต่ใครจะไปคิดว่าเสี่ยวเสวี่ยจัดการและตัดสินใจในหลายๆเรื่องได้เป็นอย่างดี ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าลูกสาวได้โตขึ้นมากแล้ว

ด้วยความช่วยเหลือของบริษัทประชาสัมพันธ์ ในที่สุด มู่หรงเสวี่ยก็เตรียมงานเลี้ยงเสร็จเรียบร้อย

หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอดสองวัน มู่หรงเสวี่ยก็จะใช้เวลากลางคืนเพื่อที่จะเข้าไปในมิติลับและพักผ่อนอย่างสบาย

ในวันที่สามจะเป็นงานปาร์ตี้วันเกิด

มู่หรงเสวี่ยตื่นแต่เช้าและขอให้คนขับรถหวังพาเธอไปที่ห้างลิซซี่ ที่ประตูทางเข้าเธอเจอกับสายตาที่เย็นชาของหญิงคนหนึ่งที่จ้องมาที่เธอ ในตอนแรกเธอก็รู้สึกแปลกๆและต้องใช้เวลานานกว่าที่มู่หรงเสวี่ยจะนึกออกว่านี่คือลูกพี่ลูกน้องของ หยางเฟิงที่ชื่อ หลินจื่อชิง

หลินจื่อชิงเป็นลูกสาวของกลุ่มบริษัทหลินของเมืองนี้ พ่อของเธอยังเป็นหนึ่งในผู้ดูแลของจังหวัด เอ ด้วย ครอบครัวของเธอเกี่ยวข้องกับธุรกิจหยกมาหลายรุ่นแล้ว ตระกูลหลินได้รับเชิญให้มางานเลี้ยงคืนนี้ด้วย เมื่อได้เห็นว่าหลินจื่อชิงมาที่นี่ เธอก็คิดว่าหล่อนก็คงจะมางานคืนนี้ด้วย หลังจากที่คิดได้แบบนี้ มู่หรงเสวี่ยก็ส่งยิ้มและกล่าวทักทาย จากชื่อเสียงเรื่องความไม่จริงใจของหลินจื่อชิงแต่เธอก็ไม่สนใจเพราะอยากที่จะแสดงความเป็นมิตรก็เท่านั้น

หลินจื่อชิงเห็นท่าทางไร้ความเจ็บปวดของมู่หรงเสวี่ยก็ยิ่งเกลียดเธอมากขึ้นไปอีก เธอหยิบการ์ดทองออกมาและโยนออกไปอย่างไม่แยแส
“มู่หรงเสวี่ย ในเมื่อเธอเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงคืนนี้ แต่เดาว่าเธอก็คงเป็นแค่การ์ดเงินสินะ อยากให้ฉันเชิญเธอเข้าไปไหมล่ะ?” เสียงของเธอค่อนข้างดังและคนรอบๆต่างก็หันมาที่พวกเขา สายตาของพวกเขาจ้องไปที่มู่หรงเสวี่ยและต่างก็ประเมินตัวตนของหลินจื่อชิงไปพร้อมๆกันด้วย

เธอพูดด้วยความสุภาพแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยการดูหมิ่น เธอมั่นใจมากว่าอีกฝ่ายต้องไม่มีการ์ดทองแน่ๆ เพราะบัตรสมาชิกของหลินจื่อชิงซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ปกติแล้วตระกูลมู่หรง, ตระกูลหลินและตระกูลจางของเมืองจะสามารถสมัครได้แค่การ์ดเงิน และการ์ดทองจะส่งให้เฉพาะตระกูลขุนนางของเมืองหลวงเท่านั้น และที่เธอได้การ์ดทองมาก็เพราะน้ำใจของตระกูลในเมืองหลวง

เธอคิดว่าวันก่อนลูกพี่ลูกน้องจะชวนเธอไปดูหนัง ตอนนั้นหัวใจของเธอก็ต้องเจ็บปวด

แล้วยิ่งเมื่อเธอได้ฟังมาจากพ่อว่ามู่หรงเสวี่ยได้รับรางวัลสูงสุดจากการประชุมหินพนัน ความอิจฉาในใจก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นไปอีก เธอคือตัวเด่นของตระกูลนักพนัน แต่เธอยังไม่เคยได้รับตำแหน่งแบบนี้มาก่อนเลย นี่ตั้งใจจะทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกของตระกูลหลินใช่ไหม?!

ผู้หญิงสวยๆส่วนใหญ่อย่างหลินจื่อชิงมักจะมาจากชนชั้นสูงและบางคนก็เป็นดาราดัง มีคนดังมากมายที่ถูกรับเชิญมางานคืนนี้ด้วย เมื่อหลินจื่อชิงพูดออกมาแบบนี้ ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเธอต้องการที่จะหักหน้ามู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ยเข้าใจคำพูดถากถางของหลินจื่อชิงได้ทันที เธอยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วริมฝีปากบางก็ค่อยๆพูดออกมาว่า “ไม่มี”

เมื่อหลินจื่อชิงเห็นท่าทางเสียหน้าของมู่หรงเสวี่ย เธอก็ถึงกับหัวเราะอยู่ในใจ นังโง่ฉันจะทำให้ขายหน้าไปเลย ฉันจะรอดูว่าปาร์ตี้คืนนี้เธอจะทำยังไง!

พนักงานต้อนรับจากห้างลิซซี่เดินออกมาและพูดว่า “คุณมู่หรง ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้คุณต้องรอ แพ็คเกจระดับสูงสุดแบล็กการ์ดที่คุณจองไว้พร้อมแล้วค่ะ เชิญตามฉันมาได้เลยค่ะ”

สายตาของคนรอบข้างเปลี่ยนไป ถ้าการ์ดทองยังทำให้คนอยากได้ขนาดนั้น ฉะนั้นคนที่ถือการ์ดดำก็ทำให้พวกเขารู้ได้เลยว่าเป็นคนที่ไม่ควรเข้าไปมีเรื่องด้วย ตระกูลมู่หรงมีคนหนุนหลังที่ใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร เธอต้องกลับไปบอกที่บ้านและให้คนเช็กเรื่องของตระกูลมู่หรงอย่างเร็วที่สุด

ดวงตาของหลินจื่อชิงเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ บัตรสมาชิกของห้างลิซซี่จะมีการ์ดทองแดง, การ์ดเงิน, การ์ดทอง, การ์ดขาวและการ์ดดำ ในบรรดาพวกนั้น การ์ดดำคือสมาชิกระดับสูงสุดของห้างลิซซี่ ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่ถูกนำมาใช้จะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติพร้อมบริการเหนือระดับที่ไม่มีบริการในระดับอื่นๆอีกด้วย

เป็นไปได้ยังไง? การ์ดทองที่เธอไปอ้อนวอนตั้งนานกว่าจะได้มากลายเป็นของเล่นไปเลย และเสียงซุบซิบรอบข้างก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอับอาย มู่หรงเสวี่ย นังตัวดี เธอไปเอาการ์ดดำมาจากไหน?!!!

มู่หรงเสวี่ยยิ้มที่มุมปาก “ขอโทษนะ ฉันคงต้องไปก่อน”
ปล่อยให้หลินจื่อชิงยืนโมโหอยู่ในแถวต่อไป การ์ดทองแตกต่างจากการ์ดดำ การ์ดทองจะจองล่วงหน้าไม่ได้และทำได้เพียงแค่รอตามคิว แต่การ์ดขาวและการ์ดดำสามารถจองล่วงหน้าได้

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มู่หรงเสวี่ยต้องขอบคุณชางกวนโม่ที่ส่งมาให้เธอ เดิมทีเธอไม่อยากจะได้แต่ชางกวนโม่บอกว่าเพื่อนเขาเป็นคนส่งมาให้ เขาไม่ใช่ผู้หญิงมันเลยเปล่าประโยชน์ ถ้าเธอไม่เอามาใช้ก็ให้โยนทิ้งไปซะ

เธอจำวิธีที่เขามองการ์ดใบนี้ได้ เขามองมันราวกับมันเป็นขยะ ไม่มีทางหรอกที่เธอจะโยนมันทิ้ง จางเข่อเหรินเป็นสมาชิกการ์ดเงินของห้างลิซซี่ วันนี้หล่อนก็ให้การ์ดเธอมาด้วยแต่เธอบอกว่าเธอมีการ์ดแล้วจึงคืนให้แม่ไป

มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปในร้านเสริมสวยสุดหรู การตกแต่งภายในอย่างหรูหราถูกจัดไว้อย่างน่าทึ่ง พื้นที่ภายในหรูหราในสไตล์แบบราชวงศ์ แม้แต่อ่างอาบน้ำก็ทำจากหยกด้วย

หลังจากที่ลงไปแช่ในน้ำแร่บริสุทธิ์แช่ดอกไม้แล้ว มู่หรงเสวี่ยก็เริ่มเพลิดเพลินไปกับบริการนวดเหนือระดับ แล้วก็เป็นการบำรุงผิว, การนวดหน้า, บำรุงผมและแม้แต่เล็บก็ได้รับการตัดแต่งอย่างดี ใช้เวลากว่าสี่ชั่วโมงถึงจะเสร็จเรียบร้อย

หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ยังต้องเลือกชุดและเครื่องประดับอีก เธอเลือกชุดสีขาว เว้าหลังและช่วงเอว ดูเหมือนว่ามันจะเหมาะกับอายุของเธอแล้วก็ยังดูสมฐานะคุณหนูของตระกูลอีกด้วย สวยอย่างไม่มีใครเปรียบได้

เพียงแค่พริบตานี่ก็ทุ่มหนึ่งแล้ว และอีกไม่นานงานเลี้ยงก็จะเริ่มแล้ว มู่หรงเสวี่ยจึงรีบกลับบ้านทันที

ครอบครัวร่ำรวยแบบเธอมักจะมีสนามไว้สำหรับจัดงานเลี้ยง แทนที่จะไปจัดที่โรงแรมให้เสียหน้า

ที่หน้างานเลี้ยง มีแขกที่มีชื่อเสียงมากมายกำลังทยอยเข้ามาในงาน มีทั้งตระกูลดังของเมืองราวทั้งชนชั้นสูงมากมาย

งานคืนนี้ถือเป็นงานใหญ่ของตระกูลมู่หรง คฤหาสน์ถูกตกแต่งด้วยสไตล์ย้อนยุคของราชวงศ์ยุโรปด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นมากเช่นเดียวกับการประดับคริสทัลหลากสี คฤหาสน์ทั้งหมดมีความสวยงามตระการตาอย่างมาก

ผู้ที่มาร่วมงานต่างก็แต่งตัวด้วยชุดที่สวยงาม

ภายใน กลุ่มแขกกำลังพูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข

คนดังและสาว ๆ ต่างแต่งตัวสดใสประชันความสวยกันทุกที่ ในเวลานี้โคมไฟคริสทัลที่สว่างไสวในห้องจัดเลี้ยงค่อยๆมืดลงและบรรยากาศในสนามก็ค่อยๆเงียบลง

ลำแสงส่องไปที่บันไดชั้นสอง มู่หรงเสวี่ยซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเต็มยศ กำลังส่องแสงเป็นประกาย เธอจับแขนของมู่หรงเฟิงหัวแล้วเดินลงบันไดไปพร้อมกับ จางเข่อเหริน

ในตอนนี้ สายตาของทุกคนถูกดึงดูดมาที่มู่หรงเสวี่ย เธอสวมชุดสีขาวและสร้อยคอหรูหราที่มีทองคำขาวฝังด้วยหยกของจักรพรรดิไว้ที่คอ ซึ่งทำให้ผิวของเธอผ่องมากขึ้นไปอีก ดีไซน์ช่วงเอวช่วยส่งเสริมท่าทางของเธอ ในเวลานี้ เธอยิ่งสวยมากขึ้นไปอีก ซึ่งทำให้คนไม่สนใจสีหน้าแปลกๆของเธอเลย

เมื่อเวลานี้ การปรากฏตัวที่สง่างามนี้ทำให้อดไม่ได้ที่จะหยุดหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยกของจักรพรรดิที่คอของเธอ ทำให้ผู้คนต่างก็ชื่นชมไปกับความร่ำรวยของตระกูลมู่หรง

ภายในงานเลี้ยง หลินจื่อชิงมองขึ้นไปที่มู่หรงเสวี่ยซึ่งส่องแสงเป็นประกาย เล็บของเธอจิกเข้าไปในฝ่ามือแน่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาที่รุนแรง เธอหันหน้าไปมองหยางเฟิงที่อยู่ไม่ไกล และเห็นว่าเขามองไปที่มู่หรงเสวี่ยด้วยความหลงใหลและยิ่งเกลียดมู่หรงเสวี่ยมากขึ้นไปอีก

มู่หรงเสวี่ยรอไปก่อนเถอะ! ผู้หญิงราคาถูก ยั่วยวนคนตลอดเวลา!

มู่หรงเฟิงหัวและครอบครัวเดินไปที่โต๊ะจัดเลี้ยงสีขาวและพูดออกมาว่า “ยินดีต้อนรับสู่งานเลี้ยงอาหารค่ำวันเกิดของลูกสาวตัวน้อย!”
ที่ด้านล่างคนมากมายปรบมือ

“วันนี้ผม มู่หรงเฟิงหัวขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า มู่หรงเสวี่ยเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของบริษัทกลุ่มมู่หรง ผมหวังว่าในคืนนี้พวกคุณจะสนุกกับงานเลี้ยงนะครับ”

มู่หรงเสวี่ยประหลาดใจมาก นี่ไม่ใช่งานวันเกิดธรรมดาๆงั้นเหรอ?! จะประกาศให้เธอเป็นผู้สืบทอดได้ยังไง แต่เพราะแขกจำนวนมาก มู่หรงเสวี่ยจึงเงียบไว้และวางแผนที่จะถามทีหลัง

ข่าวนี้ทำให้แขกทุกคนประหลาดใจ แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่า มู่หรงเสวี่ยเป็นลูกสาวคนเดียวของมู่หรงเฟิงหัวและเป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้รับมรดกพวกเขา แต่ไม่ได้คิดว่ามู่หรงเฟิงหัวจะประกาศการสืบทอดของเธอเร็วขนาดนี้

มู่หรงเสวี่ยเดินมาหน้าไมโครโฟนช้าๆ เธอสง่างามและสวยงามมาก “ วันนี้ ฉันต้องขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามางานเลี้ยงวันเกิดของฉัน ก่อนอื่นเลยฉันขอขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ที่มีความรักให้ฉันอย่างมาก และเพื่อนๆของฉันที่คอยสนับสนุน ตั้งแต่วันนี้ไป ฉันจะใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อปกป้องพวกเขา ฉันหวังว่าทุกคนจะคอยเป็นพยานในการเติบโตของฉันต่อไปนะคะ … ”

หลังจากนั้นเสียงปรบมือก็ดังกึกก้อง เด็กสาวคนนี้ยังเด็ก, มีมารยาท, สง่างามสวยงาม, สงบและรู้วิธีที่จะขอบคุณ เธอเป็นผู้หญิงดีที่หายากในชนชั้นสูง

ในเวลานี้แขกที่มางานเลี้ยงด้านล่างต่างก็ให้คะแนน มู่หรงเสวี่ยกันสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนวันนี้ที่เห็นมู่หรงเสวี่ยมีการ์ดดำในห้างลิซซี่ เธอก็ยิ่งน่าประทับใจมากขึ้นไปอีก ทุกคนต่างก็คิดอยู่ในใจว่าในตระกูลของตัวเองมีลูกชายที่เหมาะจะแต่งงานกับเธอหรือเปล่า