บทที่ 47 ถูกวางยา

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 47
ถูกวางยา

“คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่หรงนี่ทั้งมารยาทและท่าทางไร้ที่ติจริงๆ เธอเป็นเด็กดีจริงๆ”

“ฉันไม่คิดงั้นนะ ดูเด็กคนนั้นสิเห็นว่าชอบเที่ยวตั้งแต่ยังเด็กเลยนะ”

“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าญาติก็จ้องที่จะลักพาตัวเธอด้วยนะ”

“ใช่ๆๆ ฉันได้ยินเด็กๆในครอบครัวบอกมา…”

“คุณหนูมู่หรงนี่จิตใจดีด้วยนะ เธอไม่ใส่ใจเรื่องจิตใจที่เลวร้ายของญาติตัวเองเลยแล้วยังขอให้คุณนายมู่หรงช่วยไว้อีก…”

“จริงเหรอ”
“…”

ในเวลานี้เสียงเพลงของงานเลี้ยงก็ดังขึ้น และเสียงเพลงก็ทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นมาทันที

ตอนนี้หยางเฟิงเดินมาหามู่หรงเสวี่ย “คุณมู่หรง ให้เกียรติเต้นรำกับฉันสักเพลงได้ไหม?”
มู่หรงเสวี่ยยิ้ม วางมือลงในฝ่ามือของเขา “ได้สิ”

หยางเฟิงโอบไปที่เอวบอบบางของมู่หรงเสวี่ยและหัวใจของเขาก็เต้นรัว คืนนี้เธอสวยมากจนเขาละสายตาไม่ได้เลย ถึงแม้เขาจะถูกเธอปฏิเสธแต่ก็ไม่อยากที่จะยอมแพ้ เรื่องนี้กลับทำให้เขารู้ว่าความรู้สึกที่มีต่อเธอคือความรัก ไม่ใช่แค่ชอบธรรมดา เขาปล่อยให้หัวใจจมดิ่งลงไปและไม่อยากที่จะถอนตัวเลยสักนิด

สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยถูกจ้องด้วยสายตาร้อนแรงของหยางเฟิง แล้วเธอก็จำได้ว่าหยางเฟิงเพิ่งจะสารภาพรักกับเธอไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หัวใจของเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ตอนนี้เพียงไม่กี่วันผ่านมาเธอก็มีแฟนซะแล้ว แต่ยังไงซะก็ต้องบอกให้เขารู้ ถึงแม้เธอจะไม่อยากบอกแต่ก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าตอนนี้เธออยู่กับคนอื่นไม่ได้

ถ่วงท่าการเต้นที่สวยงามของทั้งสองชวนให้สายตาของคนรอบข้างต้องจับจ้อง ไม่นานหลังจากที่คู่หนุ่มสาวออกมาเต้นรำก็ทำให้บรรยากาศทั่วทั้งงานอบอวลไปด้วยความอบอุ่น

หลินจื่อชิงจ้องไปที่มู่หรงเสวี่ยที่กำลังเต้นกับหยางเฟิง ตอนนี้เธออดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

หลังจากนั้นไม่นานเสียงดนตรีก็หยุดลง มู่หรงเสวี่ยและหยางเฟิงเดินไปนั่งพักที่โซฟา หลังจากที่เงียบไปสักพัก มู่หรงเสวี่ยก็พูดออกมาว่า “รุ่นพี่หยาง ฉัน…ฉันมีแฟนแล้ว…”

รอยยิ้มของหยางเฟิงหุบลงในทันที “มู่หรงเสวี่ย ฉันสร้างปัญหาให้เธอ ทำให้เธอต้องหาข้ออ้างแบบนี้ เธอมั่นใจได้เลยนะว่าฉันจะไม่บังคับเธอ…” ในสายตามีเพียงความหวัง ความหวังว่ามู่หรงเสวี่ยจะพูดโกหก

“ฉันไม่ได้โกหกนะ มันเป็นเรื่องจริง เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง ฉันขอโทษนะ ฉันแค่คิดว่านายน่าจะได้รู้ความจริง…” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างช่วยไม่ได้

หัวใจของหยางเฟิงเจ็บปวด “เขาเป็นใคร?”

“นายไม่รู้จักหรอก มันซับซ้อนจริงๆ…” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกปวดหัวเมื่อเธอคิดถึงชางกวนโม่ เธอไม่รู้ว่าตัวเองไปทำให้ชางกวนโม่ไม่พอใจตอนไหน สีหน้าเศร้าของมู่หรงเสวี่ยทำให้หัวใจของหยางเฟิงสั่นไหว สีหน้าของเสี่ยวเสวี่ยไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกที่ชื่นมื่นเลยสักนิด แต่ดูเหมือนจะมีอะไรปิดบังอยู่ “เสี่ยวเสวี่ย เธอไม่ได้ชอบเขาใช่ไหม?”
“ไม่ได้ชอบเลย…” มู่หรงเสวี่ยที่ยังคงใจลอยอยู่พูดตอบออกมาอย่างไม่ทันคิด

หลังจากนั้นหยางเฟิงก็แสดงท่าทางมีความสุขออกมา เธอจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย

“ถึงแม้จะไม่ได้ชอบ แต่ฉันก็มีแฟนแล้วงั้นเราเป็นแค่เพื่อนกันจะดีกว่านะ ก่อนที่อะไรๆมันจะแย่มากไปกว่านี้นะ”
หยางเฟิงไม่เข้าใจ “ในเมื่อเธอไม่ได้ชอบ แล้วเธอไปคบกับเขาทำไมล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยคิดในใจ ใครจะกล้าปฏิเสธเขากันล่ะ?

“เขาคือคนที่ตระกูลมู่หรงไม่กล้าที่จะขัดใจ…ตอนนี้นายไม่ต้องสนใจหรอก…”

หัวใจของเขาเจ็บปวดจริงๆ เขาเข้าใจสิ่งที่เสี่ยวเสวี่ยพูดในเมื่อตระกูลหยางขัดตระกูลมู่หรงไม่ได้ พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เขาจะไม่สนใจตัวเองก็ได้แต่ก็ละเลยครอบครัวไม่ได้เช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์

“มีอะไรที่ฉันช่วยได้ไหม? ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็จะไม่เปลี่ยนใจไปจากเธอนะ!”

มู่หรงเสวี่ยเผยรอยยิ้ม “ไม่มีหรอก เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน ทั่วไปแล้วฉันก็แค่ทำอาหารให้เขา เดาว่าเขาคงแค่เอาฉันไปเป็นแม่ครัวเฉยๆ” มู่หรงเสวี่ยพูดติดตลก

“จริงเหรอ?! เขาได้…เขาได้…เขาได้บังคับอะไรเธอหรือเปล่า?” หยางเฟิงถามออกมาอย่างกังวล ถึงแม้พวกเขาจะมีพื้นฐานครอบครัวที่ดีของจังหวัด แต่ก็ยังมีคนอีกมากที่ทรงอำนาจมากกว่าพวกเขา คนรวยๆหลายคนมีงานอดิเรกพิเศษ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกว่าเสี่ยวเสวี่ยจะต้องถูกทรมานแค่นี้หัวใจเขาก็เจ็บปวดมากแล้ว

เมื่อเห็นความเป็นห่วงในสายตาของหยางเฟิง มู่หรงเสวี่ยก็ตอบให้เขาสบายใจ “ไม่หรอก เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน” ถ้าไม่พูดถึงเรื่องที่ชางกวนโม่ทำกับเธอในตอนแรกๆไปน่ะนะ

“ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือ บอกฉันได้เสมอเลยนะ ฉันจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอเอง ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตฉันก็ยอมตราบใดที่การกระทำของฉันไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลของตัวเอง” หยางเฟิงพูดยืนยัน

มู่หรงเสวี่ยตกตะลึง ความ…ความรู้สึกของเขา…ลงลึกขนาดนี้เลยเหรอ?!!! ทำไมล่ะ? เธอมีดีอะไร…มู่หรงเสวี่ยพูด

“รุ่นพี่หยาง มันไม่คุ้มหรอก…”
“เป็นหน้าที่ฉันที่จะคิดว่ามันคุ้มหรือไม่คุ้ม”
“…”

พวกเขาต่างก็เงียบไปนาน จู่ๆมู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกปากแห้งผากและร่างกายก็ร้อน เธอรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไร

นี่เธอดื่มไวน์มากไปหรือเปล่า อันที่จริงก็รู้สึกมึนหัวนิดหน่อยด้วย แต่เธอเลือกดื่มแต่ไวน์ผลไม้ที่แอลกอฮอล์ต่ำๆนะก็ไม่น่าที่จะเมาสิ อ่า!

มู่หรงส่ายหัวที่รู้สึกมึนๆ แล้วหันมาพูดกับหยางเฟิง “รุ่นพี่หยางฉันจะไปเติมไวน์หน่อย นายนั่งรอนี่นะ”

หยางเฟิงพยักหน้า เขาเองก็อยากที่จะอยู่คนเดียวเหมือนกัน เขาไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางแปลกๆของมู่หรงเสวี่ยเลย เธอเดินตรงไปที่สนามเงียบๆ ในบริเวณที่ไม่มีคน สายลมเย็นๆช่วยให้เธอคลายความร้อนไปได้มาก เธออดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าไปลึกๆและร่างกายทั่วทั้งร่างก็ผ่อนคลาย

อย่างไรก็ตามความรู้สึกร้อนและปากที่แห้งผากก็ไม่ได้ลดลงเลย และอยู่ๆเธอก็มีความรู้สึกที่อยากจะถอดเสื้อผ้า มู่หรงรู้สึกไม่ดีเลย ในตอนนี้เธอยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่อีก เธอคิดคำนวณสุดท้ายแล้วใครกันแน่ที่กล้าหาญพอที่จะเข้ามาทำร้ายเธอถึงในบ้านตระกูลมู่หรง?!!!

มู่หรงเสวี่ยเริ่มหายใจได้ยากขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้เธอพยายามที่จะใจเย็นแต่มันก็ยังสับสน การขึ้นลงของหน้าอกก็เริ่มจะสั่นเล็กน้อย

ที่ไม่ห่างออกไปนัก หลินจื่อชิงที่กำลังยืนจ้องมู่หรงเสวี่ยอยู่ รีบกดโทรศัพท์โทรหาฟางฉีฮัว

“ฮัลโหล ได้เวลาแล้วนายรีบมาที่สวนด้านหลังเลยนะ…”

หลังจากนั้นสักพัก ฟางฉีฮัวก็รีบมาที่สวนด้านหลัง “เสี่ยวเสวี่ย ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้น สายตาเบลอเกินกว่าที่จะเห็นคนที่อยู่ตรงหน้า ฟางฉีฮัวงั้นเหรอ?!! เธอกัดปากอย่างแรงและความเจ็บก็ทำให้เธอได้สติขึ้นมาหน่อย

“นายมาทำอะไรที่นี่?” ฝีมือเขางั้นเหรอ?! จะไม่แปลกใจเลยถ้านี่เป็นฝีมือเขา เธอรู้เรื่องนี้ดีจากชีวิตที่แล้วว่าเขาคือผู้ชายที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองไปถึงเป้าหมาย เธอคิดว่าพูดดีด้วยคงไม่ดีเท่าไร จึงด่าคำหยาบอยู่ในใจ เขามันสารเลวจริงๆ!

“เสี่ยวเสวี่ย เธอไม่สบายหรือเปล่า? ฉันจะช่วยเองนะ” ฟางฉีฮัวจับที่มือเธอ

ในเวลานี้แก้มทั้งสองข้างของมู่หรงเสวี่ยแดงก่ำไปหมด ท่าทางเดิมที่แข็งกระด้างเย็นชาของมู่หรงเสวี่ยตอนนี้กลายเป็นน่าดึงดูดและมีเสน่ห์ ริมฝีปากสีแดงของเธอช่างดูอ่อนนุ่ม ร่างกายของฟางฉีฮัวแข็งไปหมดและก็จู่โจมเข้ามาทันที เขากลายเป็นปีศาจร้าย!

มู่หรงเสวี่ยที่พยายามที่จะพยุงตัวเองพร้อมทั้งใช้มืออ่อนนุ่มพยายามที่จะปัดป้อง พยายามที่จะผลักฟางฉีฮัวออกไป “ปล่อยนะ นายต้องการที่จะทำอะไรเนี่ย?!” มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่เขา

ฟางฉีฮัวจะปล่อยให้พลาดไม่ได้ เขาวางแผนเรื่องนี้มานาน เดิมทีเขาไม่ได้อยากที่จะใช้แผนชั่วร้ายแบบนี้แต่อยู่ดีๆมู่หรงเสวี่ยก็เกลียดเขาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เขาเข้าใกล้เธอไม่ได้เลย แต่เพื่อที่จะให้ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลมู่หรง เขาก็ช่วยไม่ได้

ฟางฉีฮัวมองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่กำลังอ่อนแรงและก็จู่โจมเข้าจูบเธอทันที มู่หรงเสวี่ยเบิกตากว้างและรีบหันหัวอย่างรังเกียจ ในชีวิตนี้เธอก็ยังต้องมีพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือเขาอีกเหรอ และถ้าแขกในงานมาเห็น เธอก็จะไม่มีวันหนีไปจากเรื่องนี้ได้เลย

“นายจะทำอะไรน่ะ?! ปล่อยมู่หรงเสวี่ยเดี๋ยวนี้เลยนะ” ในตอนนี้เสียงของหยางเฟิงเปรียบดั่งเสียงสวรรค์สำหรับเธอ

“หยางเฟิง ช่วยด้วย” เธอแทบยืนไม่ไหว

หยางเฟิงเห็นว่านานแล้วมู่หรงเสวี่ยยังไม่กลับมา เขาเป็นห่วงจึงเดินออกมาตามหา และที่คาดไม่ถึงเขาบังเอิญเห็นชายคนหนึ่งกำลังจับมือเสี่ยวเสวี่ย และเธอก็พยายามที่จะขัดขืน ชายคนนั้นอยากที่จะจูบเธอ เขาจึงกำหมัดแน่นและต่อยเข้าไปที่ชายคนนั้น

เมื่อได้ยินเสียงร้องให้ช่วยของเสี่ยวเสวี่ย หยางเฟิงยิ่งโมโหขึ้นไปอีก ถ้าเขาไม่เข้ามาเห็นล่ะ

มู่หรงเสวี่ยรีบบอกให้หยางเฟิงเข้ามาพยุงเธอและพูดว่า “รุ่นพี่หยางรีบพาฉันออกไปที ฉันถูกวางยาและจะให้แขกในงานเห็นไม่ได้…”

วางยางั้นเหรอ บ้าเอ๊ย! มันเป็นใครกันว่ะ?! สายตาของหยางเฟิงแวบประกายแห่งความโกรธ ตอนนี้เขาจำชายคนนั้นได้แล้วและจะต้องกลับมาคิดบัญชีกับเขาแน่ ตอนนี้เสี่ยวเสวี่ยจะไม่ไหวแล้ว หยางเฟิงพาเธอเดินไปที่จอดรถและขับพาเธอมาที่วิลล่าส่วนตัวของเขา มู่หรงเสวี่ยเป็นที่รู้จักมากเกินไปจึงจะไปเปิดห้องที่โรงแรมหรือพาไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้ด้วย ทางเดียวคือต้องพามาที่บ้านพักส่วนตัวของเขาเอง
หยางเฟิงอุ้มมู่หรงเสวี่ยเข้าไปที่ห้องเขา ยายังไม่หมดฤทธิ์มีทางเดียวคือต้องรอให้มันหายไปเอง

มู่หรงเสวี่ยสับสนไม่ได้สติ ร่างกายก็ร้อนรุ่ม เธอดึงเสื้อผ้าออกและเอาแต่พูดว่า

“ร้อน ถอดออก…”

ผิวขาวนวลเปิดเผยให้หยางเฟิงได้เห็น อกกลมสั่นไหวเล็กน้อย ร่างกายของเธอในตอนนี้น่าหลงใหลราวกับดอกกุหลาบแรกแย้ม สายตาของหยางเฟิงจ้องเขม็นทันที นี่คือผู้หญิงที่เขาหลงรักจนสุดหัวใจนะ แล้วเขาจะละสายตาจากเธอไปได้ยังไง
มู่หรงเสวี่ยยังไม่ได้สติตอนที่ถอดเสื้อผ้า เหงื่อและความร้อนกระจายไปทั่วร่างของเธอ เธออดไม่ได้ที่จะวิ่งเข้าหาความเย็นที่อยู่ตรงหน้าเธอ “อ่า! สบายจัง…”

ช่างสวยอะไรขนาดนี้! เสน่ห์ที่น่าหลงใหลบดบังเหตุผลของหยางเฟิง เขาถูกดึงดูดด้วยผิวที่อ่อนนุ่ม ละเอียดของมู่หรงเสวี่ย จึงฝังริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากอิ่มแดงในฝัน “เสี่ยวเสวี่ย ฉันรักเธอ!”
สายตาของมู่หรงเสวี่ยเบลอมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งขับท่าทางที่มีเสน่ห์ยั่วยวนมากขึ้นไปอีก ลมหายใจรัวและหนักหน่วง ลมหายใจร้อนๆยิ่มทำให้ริมฝีปากแดงยิ่งนุ่มและหลงใหลมากขึ้นไปอีก ริมฝีปากแดงเผยอเล็กน้อยปล่อยเสียงครางออกมาเบาๆผสมไปกับลมหายใจ

เธอรู้สึกได้ถึงฝ่ามือที่ลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเธอ ร่างกายของเธอรู้สึกได้ถึงความพึงพอใจ ความปรารถนาที่บ้าคลั่งทำให้เธอยิ่งลืมตัวไปจนหมดสิ