มู่หรงนี่อวิ๋นมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ
“ข้ากินจนท้องเสีย”
“แล้วยังไม่กลับจวนอีก เดี๋ยวอั้นไม่อยู่ ข้าต้องหัวเราะแน่นอน”
หลิงอวี้จื้อพูดพลางก้มหน้าผลักหินแตกข้างๆ เข่าออกไป เพื่อไม่ให้โดนเข่าเจ็บ
“ตอนนี้ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว แค่อยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนเจ้า เผื่อไทเฮาจะแกล้งอะไรเจ้าอีก”
มู่หรงนี่อวิ๋นพูดจบแล้ว ก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง รีบพูดเตือนว่า
“มั่วชิงต้องตายแน่ๆ เรื่องนี้เจ้าอย่าไปยุ่งเลย มิเช่นนั้นข้าก็ช่วยเจ้าไม่ไหว”
หลิงอวี้จื้อต้องอยากช่วยมั่วชิงแน่นอน มั่วชิงต้องการปกป้องเธอจึงพูดเช่นนั้นออกมา หากในตอนนี้ เธอไม่แยแส เช่นนั้นเธอก็ไม่ใช่คนแล้ว
“อาเหยี่ยนเพิ่งจะไป ไทเฮาก็อดใจไม่ไหวเสียแล้ว นางเรียกข้าเข้าเฝ้า บอกว่าอยากตกรางวัลเป็นยาบำรุงให้ข้าเม็ดหนึ่ง ซ้ำยังให้ข้ากินตรงนั้นเลย ใครจะไปรู้ว่านั่นเป็นของบ้าอะไร มั่วชิงอยากช่วยข้าถึงได้ทำเรื่องโง่ๆ เช่นนี้”
มู่หรงนี่อวิ๋นพอเข้าใจนิสัยของหลิงอวี้จื้ออยู่บ้าง จึงรู้อยู่แล้วว่าต่อไปเธอจะทำอะไร จึงรีบห้าม
“เดิมทีไทเฮาก็เคืองเจ้าอยู่แล้ว ตอนนี้มั่วชิงตกอยู่ในมือของไทเฮา เจ้าไม่สามารถช่วยชีวิตมั่วชิงได้อยู่แล้ว ถึงเวลานั้นก็ได้แต่พาตัวเองเข้าไปร่วมวงด้วย อวี้จื้อ เจ้าอย่าทำให้เจตนาดีของมั่วชิงต้องเสียเปล่า ถึงตอนนั้นค่อยจัดงานศพให้นางอย่างยิ่งใหญ่”
“งานศพใหญ่แล้วจะมีประโยชน์กับผีอะไร ศพอย่างไรมันก็เน่าเปื่อยเหมือนกัน ตอนนี้ยังมีความหวัง ข้าจะต้องช่วยนางจนสุดความสามารถ ถึงจะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า นี่อวิ๋น ข้ารู้ว่าเจ้าเจตนาดี เรื่องนี้มีแต่ฝ่าบาทเท่านั้นที่ช่วยได้ ข้าจะไปขอร้องฝ่าบาท”
ตอนนี้มีเพียงเฉินมั่วฉือเท่านั้นที่ช่วยมั่วชิงได้ ถึงแม้เขาจะไม่ยินดีปล่อยมั่วชิง เธอก็จะขอร้องให้เขาปล่อยให้ตนเข้าไปดูมั่วชิงสักหน่อย ถามมั่วชิงให้รู้เรื่องว่าประโยคนั้นหมายความว่าอย่างไร นางบอกว่านางเอาตัวรอดได้ ที่แท้จะปลอบใจเธอหรือว่ามีวิธีจริงๆ
เห็นหลิงอวี้จื้อดึงดันจะไปช่วยมั่วชิง มู่หรงนี่อวิ๋นก็ร้อนใจแล้ว
“ถึงตอนนั้นฝ่าบาทให้เจ้าหลับนอนด้วย เจ้าจะยินยอมหรือไม่”
“ร่างกายเขายังไม่โตเต็มที่ ถึงแม้ข้าจะหลับนอนด้วย เขาก็ทำไม่ไหว นี่อวิ๋น ช่วยเอาความเป็นจริงใส่สมองคนเป็นลุงอย่างเจ้าสักหน่อยได้หรือไม่”
เพิ่งสิ้นเสียงของหลิงอวี้จื้อ ก็เห็นเฉินมั่วฉือเดินมา เธอรีบหุบปาก เฉินมั่วฉือจะได้ยินสิ่งที่เธอพูดไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นคงจะน่าละอายใจจริงๆ
มู่หรงนี่อวิ๋นกระแอมให้คอโล่งอย่างไม่เป็นธรรมชาติ บางครั้งก็ต้องยอมหลิงอวี้จื้อจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าพูดออกมาได้ทุกเรื่อง
เฉินมั่วฉือทำหน้าตาเคร่งเครียด เอามือไพล่หลังเดินมาตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ
“เจ้ากินยาของเสด็จแม่แล้วหรือ”
“เกือบกินไปแล้วเพคะ”
เฉินมั่วฉือแอบถอนใจโล่งอก ต่อไปเขายังมีหวังให้หลิงอวี้จื้อคลอดลูกชายให้ ยาเม็ดพวกนั้นกินไม่ได้เด็ดขาด
“เจ้าไม่ต้องคุกเข่าแล้ว รีบไปเถิด!”
“จริงหรือเพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันไม่เกรงใจแล้วนะเพคะ”
ในเมื่อเฉินมั่วฉือเอ่ยปากแล้ว เธอจะคุกเข่าอยู่ที่นี่ต่อไปทำไม อย่างไรเสียความแค้นระหว่างเธอกับมู่หรงกวานเย่ว์ก็ฝังลึกแล้ว ได้ทรมานน้อยลงหน่อยก็ดี
เธอเตรียมจะลุกขึ้น มู่หรงนี่อวิ๋นรีบยื่นมือออกมาประคอง แต่เฉินมั่วฉือผลักมู่หรงนี่อวิ๋นออกไปแล้วเข้าไปประคองหลิงอวี้จื้อ นี่ทำให้มู่หรงนี่อวิ๋นรู้สึกแปลกๆ เซียวเหยี่ยนใช้ฐานะมากดเขา เฉินมั่วฉือก็เช่นเดียวกัน เหตุใดจึงไม่มีส่วนของเขาบ้าง
“เรารู้ว่าเจ้าอยากเจอสาวใช้ เราจะให้เจ้าได้เจอนางสักหน่อย ตามเรามา”
สมองของหลิงอวี้จื้อตะลึงงัน เฉินมั่วฉือในวันนี้ดูแตกต่างไปเล็กน้อย ทำไมถึงพูดง่ายขนาดนี้ ไม่ต้องให้เธอต้องเอ่ยปากเลย นึกไม่ถึงว่าจะเป็นฝ่ายเสนอให้เธอไปเจอมั่วชิงเอง
มู่หรงนี่อวิ๋นก็กำลังจะตามไปด้วย เฉินมั่วฉือเหลือบมองนี่อวิ๋นแวบหนึ่ง
“ท่านลุง ท่านไม่ต้องไปแล้ว”