ตอนที่ 306 เราจะปกป้องเจ้า

 

 

แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางเลือก มู่หรงนี่อวิ๋นทำได้เพียงหยุดเดิน ใครใช้ให้อีกฝ่ายเป็นฮ่องเต้เล่า เมื่อก่อนเขาคิดว่าฐานะของตนเองใช้ได้แล้ว เป็นถึงลูกชายภรรยาหลวงในจวนมู่หรงก็มีหน้ามีตาเฉิดฉาย คิดไม่ถึงว่าแม่สาวน้อยคนนี้จะไปต้องตาคนที่ฐานะสูงกว่าเขาทั้งสิ้น ทำให้เขาหงุดหงิดใจเป็นอย่างยิ่ง

 

 

หลิงอวี้จื้อเดินตามหลังเฉินมั่วฉือ นี่กำลังฝันอยู่หรือเปล่า นึกไม่ถึงว่าเฉินมั่วฉือจะว่าง่ายขนาดนี้ เธอรู้สึกไม่ชิน

 

 

“เรารู้ว่าลูกสาวของหรงอิงทำเพื่อช่วยเจ้า ไม่ได้คิดจะทำร้ายเสด็จแม่

 

 

“คืนนี้เราจะจัดการให้นางออกไปจากวังหลวง เจ้าต้องเปลี่ยนตัวตนใหม่ให้กับนาง อย่าปล่อยให้นางตกอยู่ในมือของเสด็จแม่อีก อวี้จื้อ เมื่อก่อนเจ้าบอกว่าเราไม่รู้เรื่องการชอบใครสักคน เราคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว การชอบใครสักคนต้องปกป้องคนนั้น เราจะปกป้องเจ้า”

 

 

หลิงอวี้จื้อตกใจจนอ้าปากค้าง ไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไร เมื่อเห็นหลิงอวี้จื้ออึ้ง เฉินมั่วฉือก็พูดดุๆ

 

 

“ยังไม่รีบตามมาอีก เดี๋ยวเรากลับใจเสียหรอก”

 

 

“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันยังรู้สึกว่าตอนนี้ฝ่าบาทไม่ควรคิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ นะเพคะ”

 

 

“เจ้ารังเกียจที่ข้าเด็กใช่หรือไม่ เดี๋ยวเราก็โต ตอนนี้เจ้าอยากอยู่ข้างกายเซียวเหยี่ยนก็อยู่ไป ต่อไปถ้าอยากไปจากเซียวเหยี่ยนค่อยมาบอกเรา”

 

 

ยังมีนิสัยเด็กๆ ตามคาด ความรักมันง่ายเหมือนที่เขาพูดเสียเมื่อไหร่ คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป

 

 

“ต่อไปหม่อมฉันก็ไม่มีทางไปจากเซียวเหยี่ยน”

 

 

“ไม่แน่หรอก เรื่องในวันหน้าก็ค่อยคุยกันวันหน้า พูดตอนนี้มันเร็วเกินไป”

 

 

ใช่ เรื่องในวันหน้าค่อยคุยกันวันหน้า ไม่แน่ต่อไปเฉินมั่วฉืออาจจะชอบสาวอื่นแล้ว คนที่ชอบในวัยยังไม่บรรลุนิติภาวะยังถือเป็นจริงจังไม่ได้ แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือความรู้สึกรักอย่างบริสุทธิ์

 

 

“ฝ่าบาทยอมปล่อยตัวมั่วชิงจริงหรือเพคะ”

 

 

เห็นหลิงอวี้จื้อยังสงสัยตน เฉินมั่วฉือก็ไม่ปลื้มอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าหล่อเหลาหุบเป็นก้อนเดียวกัน

 

 

“เราเป็นประมุขของชาติ จะหลอกเจ้าเพื่ออะไร แม้ว่าเราจะขอให้เจ้าตอบแทน เจ้าก็ตอบแทนเราไม่ได้ เรารู้สถานะตนเองดี จะพูดเรื่องไร้ประโยชน์ไปเพื่ออะไร”

 

 

“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”

 

 

เฉินมั่วฉือทำเสียงหึแล้วพาหลิงอวี้จื้อเข้าไปที่แผนกพิจารณาโทษ มั่วชิงถูกมัดไว้กับกระดานทรมานนักโทษ มีขันทีสองคนกำลังถือแส้ฟาดมั่วชิงเต็มแรง

 

 

“หยุดนะ”

 

 

เห็นเสื้อเจี๋ยอ่าวของมั่วชิงถูกแส้ฟาดจนขาดกระจุย ไส้ปุยฝ้ายปลิ้นออกมา บนนั้นมีเลือดไหลซิบ หลิงอวี้จื้อก็สงสารจับใจ รีบร้องบอกให้หยุด โหดเ**้ยมเกินไปแล้ว เพิ่งจะถูกจับเข้ามาก็ถูกตีเสียขนาดนี้ หากถูกขังไว้อีกสองสามวัน คงถูกตีตายไปแล้ว

 

 

“ใครใช้ให้พวกเจ้าทรมานนาง รีบออกไปเดี๋ยวนี้”

 

 

เฉินมั่วฉือขึ้นเสียง ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด คนแผนกพิจารณาโทษเห็นเฉินมั่วฉือสีหน้าไม่ดี และไม่รู้ด้วยว่าเฉินมั่วฉือมีเจตนาอย่างไรกันแน่ จึงรีบถอยออกไปทันที

 

 

“คุณหนู มาได้อย่างไรเจ้าคะ ข้าไม่เป็นอะไร”

 

 

“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันอยากคุยกับมั่วชิงตามลำพังสักครู่เพคะ”

 

 

หากเป็นเมื่อก่อน เฉินมั่วฉือไม่รับปากแน่นอน แต่คราวนี้เขากลับออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

 

 

เฉินมั่วฉือให้คนไปสืบมาว่าปกติเซียวเหยี่ยนปฏิบัติต่อหลิงอวี้จื้ออย่างไร รู้ว่าเซียวเหยี่ยนดูแลทะนุถนอมหลิงอวี้จื้อ อะไรก็ยอมตามเธอ เขาจึงตัดสินใจทำเช่นนี้ ไม่ทำเรื่องเด็ก ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้วเพื่อไม่ให้หลิงอวี้จื้อมองเขาเป็นเด็กอีก

 

 

หลิงอวี้จื้อใจจดจ่ออยู่กับมั่วชิง ไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเฉินมั่วฉือ เฉินมั่วฉือไปแล้ว หลิงอวี้จื้อก็พูดขึ้นทันที

 

 

“มั่วชิง เจ้าไม่ต้องกังวล ฝ่าบาทรับปากข้าแล้วว่าคืนนี้จะปล่อยเจ้า เจ้าอดทนอีกหน่อย ฝ่าบาททรงเอ่ยปากแล้ว ต่อไปคงไม่มีใครกล้าทรมานเจ้าอีก”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 307 ยาทำหมันเยอะขนาดนั้นเชียว

 

 

มั่วชิงพยักหน้า

 

 

“อื้ม ข้าจะอดทน”

 

 

“ที่จริงเจ้าไม่ได้มีวิธีอะไรอยู่แล้ว ใช่หรือไม่”

 

 

“ชีวิตของคุณหนูสำคัญกว่าข้า”

 

 

“เจ้าก็เป็นคุณหนู”

 

 

“เบื้องหลังชีวิตเหล่านั้นข้ากุขึ้นมาเอง ข้าไม่ใช่ลูกสาวของหรงอิง ข้าเป็นเด็กกำพร้า ได้มารู้จักกับแม่นางหรงโดยบังเอิญ นางไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว ถือว่าข้าช่วยนางให้สมความปรารถนา”

 

 

“เจ้ากุเรื่องเป็นแล้ว นับว่าได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากข้าแล้ว”

 

 

หลิงอวี้จื้อยิ้มแล้วพูดว่า

 

 

“ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่จวนมหาเสนาบดี มั่วชิง ขอบใจเจ้าอีกครั้ง”

 

 

“ข้าควรทำเจ้าค่ะ คุณหนูไม่ต้องขอบคุณ คุณหนูยังเหลือยาที่ไทเฮาเตรียมเอาไว้หรือไม่เจ้าคะ ข้ารู้เรื่องยา เอามาให้ข้าดูได้”

 

 

หลิงอวี้จื้อเก็บมาอีกหนึ่งเม็ดจริงๆ และคิดว่ากลับไปแล้วจะให้หมอตรวจสอบดูสักหน่อย ดูว่ามู่หรงกวานเย่ว์คิดจะให้นางกินยาอะไร

 

 

เธอหยิบเม็ดยาสีดำที่เก็บมาได้ออกมาจากเข็มขัดแล้วส่งให้มั่วชิง มั่วชิงให้หลิงอวี้จื้อวางยาในปากของนาง หลิงอวี้จื้อทำตาม มั่วชิงชิมรส แล้วพ่นเม็ดยาออกมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าประหลาดใจก่อน หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นสีหน้าภูมิใจ

 

 

“มั่วชิง นี่คือยาอะไร”

 

 

“นี่คือยาทำหมันเจ้าค่ะ กินยานี้เข้าไปแล้วจะไม่มีทางมีลูกได้อีกตลอดชีวิต”

 

 

หลิงอวี้จื้อเกือบจะด่าแม่แล้ว มู่หรงกวานเย่ว์โหดเ**้ยมเกินไป นึกไม่ถึงว่าจะให้เธอกินยาแบบนี้ ยังดีที่เธอยังไม่ได้กิน มิเช่นนั้นทั้งชีวิตนี้คงถูกมู่หรงกวานเย่ว์ทำลายย่อยยับจริงๆ

 

 

แบบนี้ไม่ถูกสิ เม็ดเดียวก็เป็นหมันแล้ว แสดงว่ายานี้แรงมาก

 

 

ยาชนิดนี้ควรจะมีค่าราคาแพงสิ แต่ใน**บนั้นมีตั้งหลายเม็ด ราวกับเป็นเม็ดถั่วอย่างไรอย่างนั้น มู่หรงกวานเย่ว์ทำยาทำหมันเยอะขนาดนั้นไปเพื่ออะไร นางเป็นถึงไทเฮา จะเอาไปทำร้ายใครได้ หรือว่านางทำไว้จำหน่าย เรื่องนี้น่าสับสนจริงๆ

 

 

“ยานี้มีมูลค่าหรือไม่”

 

 

“ข้างนอกไม่มีเจ้าค่ะ”

 

 

มั่วชิงดูเหมือนจะลังเล สุดท้ายก็ยังตัดสินใจบอกหลิงอวี้จื้อ

 

 

“ยานี้มีที่มาจากสำนักอู๋จี๋”

 

 

เดี๋ยวนะ ทำไมชื่อนี้ถึงคุ้นขนาดนี้ เธอนึกอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็นึกออก ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้พิษปลุกเสกที่หลิงอวี้หรงกับหนานเยียนโดนก็มาจากที่นี่ เซียวเหยี่ยนเคยบอกเธอ เธอยังจำได้

 

 

“ข้าได้ยินอาเหยี่ยนบอกว่าสำนักอู๋จี๋หายสาบสูญไปแล้ว เหตุใดยังดำเนินการอยู่ หรือว่าไทเฮากับสำนักอู๋จี๋เกี่ยวข้องอะไรกัน มิเช่นนั้นคงจะไม่มียาทำหมันในครอบครองเยอะขนาดนี้”

 

 

มั่วชิงพยักหน้า

 

 

“ไทเฮาจะต้องมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับสำนักอู๋จี๋แน่นอนเจ้าค่ะ”

 

 

“มั่วชิง เจ้ามั่นใจได้อย่างไร”

 

 

“ในยาพวกนี้มีพืชสลายวิญญาณ เป็นสมุนไพรที่สำนักอู๋จี๋เพาะเลี้ยงขึ้นมา มีที่สำนักอู๋จี๋เท่านั้น ข้ารู้จักกลิ่นของพืชสลายวิญญาณ ดังนั้นยานี้ต้องมาจากสำนักอู๋จี๋แน่นอนเจ้าค่ะ”

 

 

มั่วชิงหลบตาลง น้ำเสียงเรียบนิ่ง

 

 

ขณะนี้หลิงอวี้จื้อกำลังใช้ความคิด ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตว่าตอนที่มั่วชิงพูดเรื่องเหล่านี้นางมีสีหน้าไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ นางจึงหลบสายตาลงเพื่อซ่อนความรู้สึกในดวงตา

 

 

หลิงอวี้จื้อเริ่มคิดบรรเจิดอีกแล้ว เจ้านายที่อยู่เบื้องหลังสำนักอู๋จี๋คงไม่ใช่มู่หรงไทเฮาหรอกนะ!

 

 

ตัวเองเป็นไทเฮา แล้วยังควบคุมองค์กรลัทธิมารอีก เรื่องนี้ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ รอเซียวเหยี่ยนกลับมา เธอจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกเซียวเหยี่ยน ให้เซียวเหยี่ยนสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างแจ้ง

 

 

ข้างนอกมีคนมาเร่งหลิงอวี้จื้อแล้ว นางกำชับมั่วชิงสองสามประโยคแล้วจึงออกไปก่อน มั่วชิงถึงได้เหลือบตาขึ้นมา แววตาสับสน หลายปีขนาดนี้แล้ว นึกไม่ถึงว่าฝันร้ายนี้จะยังอยู่ มันมาเกี่ยวข้องกับไทเฮาได้อย่างไร

 

 

พอกลับไปแล้ว หลิงอวี้จื้อก็รอข่าวมั่วชิงอยู่ในห้องตลอด เธอตัดสินใจว่าจะไม่นอนแล้ว

 

 

รอจึงถึงเที่ยงคืน ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากในเรือน เธอยินดีทันใด จากนั้นประตูห้องก็ถูกคนเปิดออก มั่วชิงเดินเข้ามา