ตอนที่ 215 คืนนี้น่าจะอีกยาวไกล
เฝิงเยี่ยไป๋ยังอยากดำเนินการขั้นต่อไป แต่ทว่ารถม้ากลับหยุดเสียแล้ว คนขับรถด้านนอกก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ท่านอ๋อง ถึงอวี้เฉวียนซานจวงแล้วขอรับ”
เด็กน้อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เฝิงเยี่ยไป๋หยิกแก้มของนางพลางคิดว่าตนไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ “คืนนี้น่าจะอีกยาวไกล สบายใจตอนนี้จะไม่เร็วไปหน่อยหรือ”
เฉินยางเพิ่งวางหินที่หนักอึ้งอยู่ภายในใจได้ไม่ทันไรก็ต้องยกหินก้อนนั้นขึ้นมาอีก หน้าที่เพิ่งหายแดงไม่ทันไรก็กลับร้อนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง นางไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย ทำท่าฮึดฮัดแล้วลงจากรถม้าไป
ทางเหลียงอู๋เย่ว์และเว่ยหมิ่นดูแล้วเรียบร้อยดี ตอนลงจากรถม้ามีคุยมีหัวเราะกัน ฝ่ายเฉินยางหน้าแดงก่ำไม่หาย ก้มหน้างุดเดินไปข้างหน้าโดยไม่มองทาง เฝิงเยี่ยไป๋จึงจับแขนนางไว้เพื่อไม่ให้นางล้ม คิดอยากประคองนางไว้ในอ้อมแขน แต่เจ้าเด็กน้อยกลับไม่ยอมเสียนี่
เว่ยหมิ่นมองเห็นความผิดปกติ จึงตั้งใจถามเฝิงเยี่ยไป๋ด้วยความไม่เข้าใจว่า “เกิดอะไรขึ้น เจ้ารังแกนางหรือ”
เหลียงอู๋เย่ว์ถามต่อแกมหยอกล้อว่า “นางยังเด็กอยู่ มีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากัน ไม่ใช่ว่า…เจ้าลงไม้ลงมือกับนางหรอกนะ”
เฉินยางยิ่งก้มหน้าลงต่ำ มองปลายนิ้วเท้าไม่พูดไม่จา
เฝิงเยี่ยไป๋ปัดแมลงวันน่ารำคาญสองตัวที่บินไปบินมา ก่อนจะโอบเฉินยางเข้ามาโดยไม่ฟังข้อแก้ตัว ริมฝีปากของเขาระงับรอยยิ้มเอาไว้แทบไม่อยู่ แต่กลับต้องแสร้งทำเป็นปลอบนางด้วยท่าทีจริงจัง “อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น”
เฉินยางเงยหน้ามองเขา แก้มทั้งสองข้างยังคงแดงดั่งก้อนเมฆยามตะวันลับฟ้า ยิ่งมองยิ่งสวยจน
เฝิงเยี่ยไป๋รู้สึกเหมือนเสี้ยนเข้าตาจนไม่อาจดึงออกได้ จึงอดไม่ได้ที่จะบีบแก้มของนางอีกครั้งหนึ่ง รู้สึกพอใจยิ่งนัก จึงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า “โกรธจริงๆ หรือ”
“ไม่ ข้าไม่ได้โกรธ” นางส่ายหัว แต่กลับยู่ปากจนแทบจะเอาตะเกียงน้ำมันไปแขวนไว้ได้ “คราวหน้าคราวหลังท่าน…ท่านอย่ามาทำรุ่มร่ามข้างนอกได้หรือไม่…ข้างนอกมีคนอื่น…ถึงจะเป็นในรถม้า…แต่ทำแบบนั้นมันก็ไม่ดี”
ที่แท้เป็นเพราะนางถือสาเรื่องนี้ ขอเพียงนางไม่โกรธและมิใช่ว่าไม่ยินยอม พูดอะไรมาก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น ตอนนี้เขารู้สึกดีใจจนควบคุมตัวเองไม่อยู่เฉกเช่นเมื่อครั้งยังหนุ่ม จึงโอบไหล่ของนางไว้ แต่ทว่าเมื่อคิดถึงคำของนางเมื่อครู่ ก็ต้องรีบหยุดตัวเองและปล่อยมือ แล้วเดินตามนางเข้าไปข้างในติดๆ
อวี้เฉวียนซานจวงนับว่าเป็นสถานที่พักร้อนที่ดีแห่งหนึ่ง ด้านในเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ สามารถมองเห็นลำธารสายเล็กๆ ไหลผ่านได้อยู่ทุกที่ เดิมทีที่นี่เป็นที่ตั้งของวัดเจี้ยนกั๋ว ต่อมาวัดย้ายออกไป จึงเปลี่ยนมาเป็นซานจวง เป็นราชนิเวศน์สำหรับราชนิกูลโดยเฉพาะ เหล่าองค์หญิงองค์ชายและบรรดาขุนนางทั้งหลายมักจะมาพักผ่อนช่วงฤดูร้อนที่อวี้เฉวียนซานจวง ช่วงนี้เป็นช่วงที่อวี้เฉวียนซานจวงบรรยากาศดีที่สุดและมีคนค่อนข้างเยอะ แต่ด้วยความที่ซานจวงกว้างใหญ่ ดังนั้นจึงไม่วุ่นวายมากนัก พวกเขาเลือกค้างแรมในส่วนที่ค่อนข้างเงียบสงบ แล้วรับประทานอาหารกันก่อน หน้าร้อนเช่นนี้ไม่เหมาะที่จะกินอาหารที่มันเกินไป ดังนั้นจึงเป็นอาหารรสอ่อนจานเล็กๆ สักสองสามจานกับผลไม้ตามฤดูกาล เท่านี้ก็แก้ร้อนได้ดียิ่งนัก
หลังรับประทานอาหารแล้ว เว่ยหมิ่นเสนอให้ไปแช่สระร้อยบุปผา ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของอวี้เฉวียนซานจวง สระแห่งนี้ใช้หินอ่อนก่อเป็นกำแพงแล้วตกแต่งด้วยไม้สีขาว น้ำในสระใส่สมุนไพรและกลีบบุปผานานาชนิด ไม่เพียงแต่จะดีต่อสุขภาพ อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณ สตรีที่มาตากอากาศต่างมาแช่ตัวที่นี่กันทั้งนั้น
เฉินยางไม่เคยได้ยินเรื่องสระร้อยบุปผานี้มาก่อน พอได้ยินเช่นนี้จึงรู้สึกแปลกใหม่ ดูน่าสนใจยิ่งนัก จึงอยากไปดูสักหน่อย
การแช่น้ำ เดิมทีเป็นเรื่องที่น่าไปลองสัมผัสดู โดยเฉพาะมาเป็นคู่ชายสองหญิงสองเช่นนี้ด้วยแล้ว ถ้าไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลยก็ดูจะไม่เข้าที แต่ทว่าสระร้อยบุปผานั้นเป็นสระเฉพาะของผู้หญิง ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ชายตัวโตไปแช่ให้กายหอม หากผู้ชายอยากแช่ก็มีสระที่อุดมไปด้วยสมุนไพรบำรุงเฉพาะของผู้ชาย แยกจากสระผู้หญิงอย่างชัดเจน เมื่อเป็นเช่นนี้โอกาสที่จะเสพสุขทางสายตาก็ไม่มีเสียแล้ว
——