ตอนที่ 216 สวยเกินไปแล้ว
สระร้อยบุปผาและสระสมุนไพรของผู้ชายถูกกั้นด้วยถนน บ่าวรับใช้เดินนำพาเฉินยางและเว่ยหมิ่นไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงชายหนุ่มสองคนที่เฝ้ารอด้วยความปรารถนา
เดินทางมาเป็นเวลานาน เฉินยางทนไม่ไหวกับเหงื่อที่เหนียวเหนอะหนะไปทั้งตัวมานานแล้ว สระร้อยบุปผาอากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย น้ำในสระก็เย็นสดชื่น กลิ่นหอมของกลีบดอกไม้หอมฟุ้งกลบกลิ่นสมุนไพร เมื่อสูดดมจึงมีเพียงกลิ่นหอมสดชื่น นางอิงแอบอยู่ที่กำแพงหินอ่อนอย่างเงียบๆ ช่วงเวลาสงบสุขที่หาได้ยากยิ่งมักทำให้รู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น
เว่ยหมิ่นแหวกว่ายไปหาเฉินยางด้วยความอยากรู้ที่มีอยู่ในใจ แล้วใช้สองมือวักน้ำสาดไปที่เฉินยาง ทำให้เฉินยางตื่นจากภวังค์ จากนั้นถามนางด้วยท่าทางแช่มชื่น “เมื่อครู่ในรถม้า เจ้ากับเฝิงเยี่ยไป๋มีเรื่องอะไรหรือ หน้าเจ้าแดงไปหมด ดูสิตอนนี้ก็ยังไม่หายแดง”
เฉินยางเช็ดหน้าแล้วเบือนหน้าหนี “ไม่มีอะไร ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
เว่ยหมิ่นยังคงไม่ยอม ถามต่อด้วยรอยยิ้มรู้ทัน “เจ้ายังจะบอกว่าไม่มีอะไรอีก ตอนนี้ไม่มีกระจก หากมีกระจกเจ้าควรส่องสักหน่อย ดูว่าหน้าตัวเองแดงขนาดไหน อย่ามาพูดบ่ายเบี่ยงกับข้า พูดความจริงกับข้าดีกว่า มิเช่นนั้นข้าไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
คนเช่นนี้มีที่ไหนกัน พอถึงคราวตัวเองบ้างแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พอถึงคราวคนอื่นกลับไม่ยอมแถมยังซักไซ้ไล่เลียงไม่หยุด เฉินยางวักน้ำสาดนางกลับไป ก่อนจะหัวเราะตอบกลับไปว่า “เจ้ายังจะถามข้าอีก ทีเจ้ากับเหลียงอู๋เย่ว์ยังไม่พูดให้ชัดเจนเลยว่าเกิดอะไรขึ้น กลับมาให้ข้าสารภาพ ไม่ยุติธรรมเสียเลย”
เว่ยหมิ่นจงใจวางมาดเป็นท่านหญิง “ข้าเป็นท่านหญิงนะ”
เฉินยางไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อย “เช่นนั้นข้าก็คือพระชายาอ๋อง นับดูแล้วเจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ด้วยซ้ำ”
เฮ้อ เจ้าเด็กน้อยเรียนรู้ที่จะเอาตำแหน่งข่มผู้อื่นแล้วหรือ แต่ว่านางก็หัวเร็วไม่เบา เว่ยหมิ่นว่ายน้ำมาจับตัวเฉินยางแล้วจั๊กจี้รักแร้นาง “แกล้งวางอำนาจต่อหน้าข้าหรือ กล้าไม่เบาเลยนะเจ้าเนี่ย หากไม่มีข้า ป่านนี้เจ้าก็ยังคงยืนอยู่ใต้แดดเปรี้ยงนั่นแหละ”
เฉินยางโดนจี้จนหยุดหัวเราะไม่ได้ พยายามหลบไปด้วยขอร้องไปด้วย “ใช่ๆ ครั้งนี้ข้าอาศัยบารมีท่านหญิง ข้าผิดไปแล้วๆ ท่านหญิงยกโทษให้ข้าด้วย หากยังจี้ข้าไม่หยุด…ข้าหัวเราะจนหายใจไม่ทันแล้ว”
เว่ยหมิ่นยอมปล่อยนางไป เมื่อเล่นกันจนเหนื่อยแล้วจึงมาพิงกำแพงหินอ่อนเพื่อพักผ่อน ร่างกายตั้งแต่ลำคอลงไปแช่อยู่ในน้ำ บรรยากาศเงียบสงบเช่นนี้ทำให้รู้สึกไม่ค่อยชิน เฉินยางพิงอยู่ข้างๆ เว่ยหมิ่น เกรงว่านางจะถามเรื่องในรถม้าอีก เฉินยางจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรแล้วหลับตาลงงีบหลับ
ที่จริงควรถึงเวลาพักแล้ว แต่ความเงียบสงบในป่าอันเวิ้งว้างเช่นนี้ เสียงเพียงเล็กน้อยก็ได้ยินอย่างชัดเจน สระข้างๆ มีเสียงน้ำ เหมือนมีคนเพิ่งเข้ามาในสระน้ำ เฉินยางจึงลืมตาหันไปดู เป็นหญิงสาวสวยในชุดกระโปรงยาวลายดอกบัว รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ก้าวลงสระมายืนอยู่ท่ามกลางมวลบุปผา ผมยาวสลวยลอยพลิ้วไหวไปกับสายน้ำ มองดูแล้วประหนึ่งเทพธิดาบุปผาที่ผุดขึ้นมาจากกลางน้ำ ใบหน้างามดั่งลูกท้อผิวพรรณสะอาดหมดจด งดงามราวกับภาพที่จิตรกรบรรจงวาด ดุจดั่งเทพธิดามาจุติยังโลกมนุษย์หญิงสาวนางนี้สวยเกินมนุษย์ธรรมดา แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันอย่างเฉินยางยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ หรือว่าเทพธิดาบนสวรรค์ก็คงจะงามเช่นนี้
เว่ยหมิ่นเองก็สวยไม่แพ้กัน แต่ทว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า นางกลับไม่มีท่วงท่างดงามดุจดั่งเทพธิดาเช่นหญิงสาวนางนั้น ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่านางเป็นหญิงสาวจากตระกูลไหน
“แม่นาง” เว่ยหมิ่นเกาะหินเงยหน้าถามนาง “ข้ามาที่นี่บ่อยครั้งนัก แต่กลับไม่คุ้นหน้าแม่นางเลย ไม่ทราบว่าแม่นางเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกหรือ”