สวนของจ้านเฉียงเป็นปราการค่ายอาคมคุ้มกัน เมื่อเข้าไปแล้ว ชนเผ่าหมาป่าคลั่งจะไม่อาจโจมตีพวกเขาได้
กระนั้น สิ่งปลูกสร้างภายนอกสวนยังสามารถถูกทำลายลง
แม้สามารถสร้างขึ้นใหม่ ถึงอย่างนั้น พวกเขาหากได้เห็นย่อมต้องปวดใจ
นอกจากนี้ ชนเผ่าหมาป่าคลั่งย่อมทำลายเมืองจนสิ้นซาก
จ้านเฉียงคิดอยากกำจัดชนเผ่าหมาป่าคลั่งเช่นกัน ทว่าด้วยกำลังของชนเผ่านักรบ พวกเขาได้แต่ต้องต้านรับ นอกจากนี้แล้ว ตัวเขาเพียงลำพังยังต้องเผชิญหน้ากับกองทัพเรือนแสนของชนเผ่าหมาป่าคลั่ง
“ท่านประมุข รบกวนกลับเข้าไปด้านในและหลบซ่อน ข้าไม่จำเป็นต้องให้ท่านช่วย!”
จ้านเฉียงทราบ ว่าฉินหยุนมีกำลังอย่างจำกัด หากต่อสู้ เขาจะไม่มีทางต้านรับการโจมตีของชนเผ่าหมาป่าคลั่งได้
ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งเมื่อได้เห็นฉินหยุน เขาจึงหัวเราะดังกล่าวคำ “เจ้าคิดอยากเป็นพันธมิตรกับคนเถื่อนงั้นหรือ? ลำพังแค่คนเดียว? น่าขันยิ่งนัก คนเถื่อนนี้มันก็ได้แต่กินเนื้อไปวัน ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
กลุ่มชนเผ่าหมาป่าคลั่งที่ด้านหลังย่อมหัวเราะตามเป็นลูกคลื่น
“จ้านเฉียง เจ้าคิดส่งมอบคนเถื่อนนั้นแก่ข้า และขอร้องข้าให้อภัยงั้นหรือ?” ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งโพล่งเสียงกล่าว
“หุบปาก!” จ้านเฉียงมีโทสะเป็นล้นพ้น
กระนั้น ฉินหยุนหาได้หวาดกลัวอันใด เขาเพียงยิ้มและตอบคำ “เจ้าคงเป็นผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งกระมัง? อาวุธเจ้าไม่ต่างอะไรกับขยะ! ผู้นำสูงสุดยังมีอาวุธชั้นสวะเช่นนี้ ช่างน่าขันยิ่งนัก!”
“อาวุธข้าคือสิ่งตกทอดจากผู้นำรุ่นสู่รุ่นมานับหมื่นปี มันอัดแน่นไว้ด้วยเลือดของผู้คนมากมาย จนทำให้พวกเราได้กลายเป็นชนเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุด! ลำพังคนเถื่อนเช่นเจ้าไม่มีทางได้ทราบ ว่ากระบี่ในมือข้าน่าสะพรึงกลัวเพียงใด!” ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งกลายเป็นมีโทสะพร้อมแผดเสียงตะโกนดัง
ชนเผ่าหมาป่าคลั่งที่อยู่ด้านหลัง ต่างกราดเกรี้ยวเนื่องจากผู้นำชนเผ่าของตนถูกเย้ยหยัน
ฉินหยุนนำเอากระบี่ลึกล้ำออกมาพลางยิ้มกล่าว “ข้าสามารถตัดกระบี่เจ้าขาดครึ่งได้ เรื่องนี้เชื่อหรือไม่?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งเริ่มหัวเราะเสียงดัง ผู้คนนับแสนเบื้องหลังต่างหัวเราะดังเช่นเดียวกัน
“คนเถื่อนเอ๋ย ข้ายอมรับว่าเจ้าช่างมีวิธีการเรียกเสียงหัวเราะได้ดีนัก! กระนั้น ยามเทียบเปรียบด้านอาวุธ พวกเจ้ายังคงห่างไกลนัก!”
ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งกระโดดลงจากหลังหมาป่าร่างยักษ์ ก่อนจะก้าวเดินเชื่องช้าเข้าหาฉินหยุน
จ้านเฉียงเร่งรีบมายืนที่ด้านหน้าฉินหยุน
ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งดึงกระบี่ตนออก พร้อมยื่นมันมาที่ตรงหน้าฉินหยุน เขาแค่นเสียงกล่าวคำ “ตัดมัน!”
ฉินหยุนมองกระบี่ตรงหน้า พบว่าเป็นเพียงอุปกรณ์ลึกล้ำ ทว่าท่ามกลางชนเผ่าเหล่านี้ นี่ก็ถือว่าเป็นอาวุธที่ดีแล้ว
วัสดุที่ใช้สร้างยังมีคุณภาพสูง มันผ่านการเสริมบำรุงนับครั้งไม่ถ้วน กระนั้นในสายตาของฉินหยุน มันก็แค่ร่างต้นของอุปกรณ์ลึกล้ำ เพราะมันหาได้มีอักขระลึกล้ำใดแกะสลักเอาไว้
“อย่าได้ร้องยามเมื่อกระบี่เจ้าหักก็แล้วกัน!” ฉินหยุนหัวเราะพร้อมสับฟันกระบี่ในมือตนเองออกไป
ตึง!
เสียงแตกหักดังขึ้น กระบี่ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งหักเป็นสองส่วน!
ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งรับชมกระบี่สองท่อนในมือ ดวงตาของเขาแทบถลนออก มันทั้งไม่เชื่อและกราดเกรี้ยว กระบี่ของเขาถึงขั้นถูกผ่าออกเป็นสองท่อนจริง!
ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งร้องตะโกน กระบี่นี้คือสิ่งสำคัญประหนึ่งชีวิตของเขา!
จ้านเฉียงหาได้แปลกใจอันใดไม่ เพราะเขาทราบเรื่องชาติภพก่อนของฉินหยุน และยังทราบ ว่าเขาคืออาจารย์ผู้สร้างอุปกรณ์ที่ทรงอำนาจ
ผู้คนของชนเผ่าหมาป่าคลั่งตื่นตะลึง ปากต้องอ้าออกกว้าง พวกเขายืนนิ่งราวกับคนโง่งมฝูงหนึ่ง!
กระบี่ที่ผู้นำพวกเขาภาคภูมิ ทั้งยังได้รับการส่งต่อมาจากบรรพบุรุษ ขณะนี้มันถูกตัดออกเป็นสองเช่นนี้!
“เจ้าคือผู้ที่นำกระบี่ออกมาให้ตัดเอง!” จ้านเฉียงหัวเราะพร้อมดึงฉินหยุนถอยกลับ เขากังวลว่าผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งอาจโจมตีอย่างกะทันหัน
แม้ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งพิโรธ ทว่าเขาเร่งรีบสงบใจลง
“กระบี่เจ้าคล้ายดีไม่น้อย! ดังนั้นนับแต่นี้มันต้องเป็นของข้า!” คำกล่าวจบ ชนเผ่าหมาป่าคลั่งที่ขี่หมาป่าร่างยักษ์ด้านหลังจึงเร่งรีบทะยานมา พวกเขาเข้าปิดล้อมฉินหยุนและจ้านเฉียงเอาไว้
ตราบเท่าที่ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งฉกชิงกระบี่ฉินหยุนมาได้ เขาจะได้รับกระบี่ที่ดียิ่งกว่าเดิม
“แม้กระบี่ข้าถูกทำลาย มันก็เป็นโอกาสให้ข้าได้รับกระบี่ที่ดียิ่งกว่ามาครอง!” ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งหัวเราะเสียงดัง
ได้ยินดังนี้ กองทัพหมาป่าคลั่งจึงโห่ร้องตะโกนเสียงดังเรียกขวัญกำลังใจกลับคืน
ฉินหยุนเผยยิ้มสงบใจเย็น “กระบี่ข้าเก็บไว้ในอุปกรณ์มิติเก็บของ มีแต่ข้าจึงนำออกมา หากสังหารข้าไป เจ้าก็ไม่มีทางได้รับอันใด!”
ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งย่อมมีประสบการณ์และความรู้ เขาเคยได้ยินเรื่องอุปกรณ์มิติเก็บของมาก่อน ดังนั้นจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ
ก่อนหน้า ผู้คนได้เห็นว่ามันอยู่ในมือฉินหยุน กระนั้นตอนนี้ มันเลือนหาย ชัดเจนว่าต้องมีที่เก็บของซ่อนเร้น
“หากสังหารข้า ชนเผ่าเจ้าก็ไม่ได้รับอาวุธใด ภายหน้าพวกเจ้าจะขยับขยายชนเผ่าได้อย่างไร?” ฉินหยุนกล่าวคำถามขึ้น
อาวุธ ย่อมเป็นหัวใจสำคัญของชนเผ่าพื้นเมืองเหล่านี้
ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนได้มอบกระบี่แก่จ้านหยง เรื่องนั้นทำเอาอีกฝ่ายยินดีจนแทบตาย
ในสายตาผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่ง มูลค่าของกระบี่นั้นมากล้นยิ่งกว่าชีวิตของฉินหยุน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคิดจับตัวฉินหยุนเพื่อฉกชิงกระบี่ ไม่เช่นนั้นแล้ว แม้เขาจบชีวิตฉินหยุนไป มันก็มีแต่จะทำให้ฝ่ายเขาสูญเสียโดยไม่ได้รับกลับคืน
“ส่งกระบี่นั้นมา แล้วข้าจะยอมถอยทัพ!” ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งลดเสียงลง เขาไม่คิดอยากให้ผู้ใดในชนเผ่าได้ยินคำกล่าวเหล่านี้
“ข้าได้มอบกระบี่ที่ดีเลิศล้ำยิ่งกว่าให้แก่ผู้อาวุโสจ้านเฉียงแล้ว เจ้าคิดหรือว่าราชันยุทธ์เพียงจำนวนหนึ่งจะเอาชนะผู้อาวุโสจ้านเฉียงได้?” ฉินหยุนเผยสีหน้าสงบ การกระทำนี้ ยิ่งทำให้ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งต้องถอยเท้ากลับ
ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งทราบดี ว่าจ้านเฉียงครอบครองกระเป๋ามิติเก็บของ มันเป็นสิ่งที่เขาคิดอยากฉกชิงมาโดยตลอด
“อย่างนั้นเจ้าต้องการอะไร?” ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งเอ่ยถามเสียงเย็นเยือก
ฉินหยุนหัวเราะและกล่าวด้วยเสียงอันดัง “มีแต่แข็งแกร่งจึงคู่ควรได้ถือกระบี่ข้า! ส่งผู้คนที่มีกำลังทัดเทียมข้าออกมา หากสามารถเอาชนะ กระบี่ข้าก็เป็นของมันผู้นั้น! ยามเมื่อต่อสู้ จะไม่มีการใช้อาวุธใด!”
ผู้คนของชนเผ่าหมาป่าคลั่งเกิดอาการตื่นเต้นยินดีกันขึ้นมา
หากไม่ใช้อาวุธต่อสู้ เช่นนั้นผู้ที่เรียกขานตนเองเป็นนักรบลึกล้ำ ล้วนคิดว่าตนมีโอกาสสามารถชนะ
ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งรับรู้ได้ ว่าฉินหยุนหาได้ใช่ธรรมดา เพราะเขาเข้าใจตัวตนของ “คนเถื่อน” เหล่านั้นเป็นอย่างดี
“เจ้าตัดสินใจส่งผู้ใดออกมา?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “หากสามารถเอาชนะข้า ก็เอากระบี่ไปครอง! หากพ่ายแพ้ จงเร่งรีบถอนกำลังกลับไป!”
“สู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง นั่นจึงเป็นสิ่งที่นักรบแท้จริงควรกระทำ! ด้วยจำนวนกำลังพลนับแสนปิดล้อมคนไม่กี่พัน นั่นจึงเป็นคนเถื่อนกระทำ!”
ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งกัดฟันแน่น เขาปรารถนาทุบตีฉินหยุนจนตายตก กระนั้นเขาก็ยังกังวลเรื่องจ้านเฉียง
จ้านเฉียงต้องลอบนับถือต่อฉินหยุน ลำพังแค่เขา กลับสามารถสะกดสภาวะของทั้งกองกำลังชนเผ่าหมาป่าคลั่งเอาไว้ได้
“ดี ข้าจะส่งนักรบลึกล้ำที่เหนือชั้นของชนเผ่าหมาป่าคลั่งออกมา! หลางเว่ย จงก้าวเดินออกมา!” ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งร้องตะโกนดัง
ชายหนุ่มร่างกำยำกระโดดลงจากหลังหมาป่า พร้อมเร่งรีบพุ่งทะยานมาด้วยความเร็วสูงล้ำ
การกระทำนี้ ส่งผลให้กลุ่มคนของชนเผ่าหมาป่าคลั่งต่างโห่ร้องให้กำลังใจ
ความเร็วของหลางเว่ยเลิศล้ำ กระทั่งจ้านเฉียงยังต้องประทับใจ
กระนั้น ในสายตาของฉินหยุน นี่แทบไม่นับเป็นอะไร
“ท่านผู้นำ ข้าจะเอาชนะคนเถื่อนผู้นี้และคว้าเอากระบี่มันมาครอง จากนั้นข้าจะมอบมันให้แก่ท่านผู้นำ!”
หลางเว่ยตวัดสายตามองที่ฉินหยุน ยามได้เห็นว่าร่างกายฉินหยุนค่อนข้างผอมบาง เขาจึงเผยท่าทีนึกรังเกียจออกมา
“ก็ตามนี้!” ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งหัวเราะเสียงดัง “หลางเว่ย หากเจ้าชนะ เช่นนั้นข้าจะรับเจ้าเป็นบุตร!”
เรื่องนี้ทำให้หลายคนของชนเผ่าหมาป่าคลั่งต่างร้องอุทาน
เพราะผู้คนล้วนทราบ ว่าผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งไร้ซึ่งบุตร เพราะพวกเขาเหล่านั้นอ่อนแอและตายจากระหว่างที่เขามอบการฝึกฝนให้
หากหลางเว่ยได้เป็นบุตรแห่งผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่ง อย่างนั้นก็หมายความถึงเขาคืออนาคตผู้นำชนเผ่า
หลางเว่ยยิ่งตื่นเต้นยินดี เขามองที่ฉินหยุนพร้อมกล่าวอย่างนึกรังเกียจ “คนเถื่อน เจ้าอย่าได้กังวลไป ข้าจะไม่สังหารเจ้า! ไม่อย่างนั้นแล้ว ข้าก็จะไม่อาจได้รับกระบี่เจ้า! ทว่า ข้าจะทำให้ชีวิตเจ้าได้เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!”
จ้านเฉียงค่อนข้างกังวล เขาเอ่ยถามด้วยเสียงอันเบา “ท่านประมุข ท่านเอาชนะเจ้านี่ได้หรือ? มันคือผู้แข็งแกร่งที่สุดของนักรบลึกล้ำระดับต้นแห่งชนเผ่าหมาป่าคลั่ง!”
“ผู้อาวุโสวางใจ รบกวนจับตามองสหายเฒ่าชราเหล่านั้นแก่ข้า เพื่อที่พวกมันจะได้ไม่เล่นทีเผลอ!” เวลานี้ ฉินหยุนค่อนข้างสงบใจเป็นอย่างยิ่ง
จ้านเฉียงได้แต่ต้องเชื่อฉินหยุน เขาค่อยก้าวถอยให้
ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่ง รวมถึงยอดฝีมือของชนเผ่าต่างเร่งรีบถอยห่าง เพื่อเบิกกว้างออกเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่
ฉินหยุนยอมรับในกำลังกายของหลางเว่ย ชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ผ่านกระบวนการฝึกฝนพิเศษใดมา ทว่ากลับได้รับพลังอันแข็งแกร่งมาครอบครอง
ชนเผ่าพื้นเมืองที่นี่ล้วนเป็นเช่นเดียวกัน คือถือกำเนิดมาพร้อมร่างกายอันแข็งแกร่ง
“คนเถื่อน เจ้ากล้าดียั่วยุผู้นำชนเผ่าเรา ข้าจะสั่งสอนบทเรียนแก่เจ้าเสียที่นี่!” หลางเว่ยทะยานร่างเข้ามา ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ราวกับเป็นหมาป่าคลุ้มคลั่ง
ฉินหยุนยืนนิ่ง เขาพบเห็นการเคลื่อนไหวของหลางเว่ยกระจ่างชัด เพราะนั่นคือการเลียนแบบการเคลื่อนไหวของหมาป่า นอกจากนี้แล้ว มือทั้งสองข้างยังแปรเปลี่ยนเป็นอุ้งเท้าหมาป่าที่ตระเตรียมโจมตี
หลางเว่ยเมื่ออยู่ห่างจากฉินหยุนราวสิบเมตร ฉับพลันเขาจึงต่อยซึ่งหน้าพร้อมแปรเปลี่ยนร่างเป็นเงาดำ!
ความเร็วนี้ชวนตื่นตะลึง นักรบชนเผ่าหมาป่าคลั่งหลายคนต้องร้องอุทานกันออกมา
กระนั้น หลางเว่ยกลับโจมตีใส่อากาศว่างเปล่า เพราะฉินหยุนหลบเลี่ยงได้ในพริบตา
“สั่งสอนข้าหรือ? เจ้ายังไม่คู่ควร!” ฉินหยุนแค่นเสียงกล่าวคำ เขาให้หลิงหยุนเอ๋อปลดปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงมหาศาล เข้าใส่หลางเว่ยที่พุ่งทะยานเข้ามา
หลางเว่ยไม่อาจทราบว่าฉินหยุนใช้วิทยายุทธ์ใด อย่างกะทันหัน แรงโน้มถ่วงมหาศาลได้สะกดเขาที่ไม่ทันตั้งตัวลงกับพื้น
ฉินหยุนก้าวเดินไป กระทืบรุนแรงที่ร่างของหลางเว่ย เขาใช้พลังสั่นไหวแทรกผ่านฝ่าเท้าลงสู่พื้นจนสนั่นหวั่นไหว
ผู้คนใกล้เคียงต่างรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน!
ด้วยเพราะพลังสั่นไหวแทรกในร่าง หลางเว่ยจึงเริ่มกระอักเลือดออกพร้อมเสียงร้องอันรวดร้าว
สุดท้ายแล้ว ฉินหยุนจึงส่งร่างหลางเว่ยกระเด็นด้วยการเตะอีกฝ่าย ให้ไปกองที่แทบเท้าผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่ง
ผู้คนของชนเผ่าหมาป่าคลั่งล้วนตื่นตะลึงนิ่งอึ้ง!
“เจ้าพ่ายแพ้แล้ว เร่งรีบถอนกำลังไปเสีย!” ฉินหยุนกล่าว
ทันใดนี้ จ้านเฉียงได้เข้ามาเตรียมพร้อมข้างกายฉินหยุน
ผู้คนของชนเผ่าหมาป่าคลั่งพบว่าเรื่องราวยากเกินเชื่อได้!
พวกเขามาที่นี่กันอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยเพราะต้องการถล่มชนเผ่านักรบให้ราบเตียน
แต่แล้วตอนนี้ ผู้นำชนเผ่าพวกเขาสูญเสียกระบี่ซึ่งแข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังมีหลางเว่ยที่พ่ายแพ้อย่างสิ้นรูป มันทำให้พวกเขารู้สึกถึงการหยามเหยียดอย่างรุนแรง
“อย่าได้คิดว่าพวกเราจะถอย! เจ้าจงตาย!” ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งคำรามออกด้วยโทสะ “สังหาร! ถล่มชนเผ่านักรบให้ราบเตียนแก่ข้า!”
จ้านเฉียงทราบแต่แรกแล้ว ว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงตระเตรียมรออยู่ก่อนแล้ว
“ท่านประมุข เร่งรีบเข้าไปหลบด้านในสวน!” จ้านเฉียงกล่าว
“ข้าไม่ไป ตราบเท่าที่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกมันทำลายชนเผ่านี้!” ฉินหยุนจับจ้องไปยังกองทัพหมาป่าคลั่งที่พุ่งทะยานมา เขาหาได้มีร่องรอยความหวั่นเกรงแม้เพียงนิด