ตอนที่ 752 : มังกรกระดูกวิวัฒนาการ

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

จ้านเฉียงไม่ทราบ ว่าฉินหยุนจะหาทางป้องกันการบุกโจมตีของชนเผ่าหมาป่าคลั่งได้อย่างไร

กระนั้นเขาก็เชื่อ ว่าฉินหยุนจะต้องมีหนทาง ตอนนี้ เขาได้แต่ต้องยืนหยัดที่นี่ เพื่อต่อสู้ต้านรับกองทัพหมาป่าคลั่งพร้อมฉินหยุน

ฉินหยุนทราบกระจ่างชัดดี ว่าเหตุใดในชาติภพก่อน ตัวเขาจึงฝากฝังสมบัติอันล้ำค่าไว้กับชนเผ่านักรบ นั่นก็เพราะเขาชื่นชอบและชื่นชมตัวตนของพวกเขาเหล่านี้

ผ่านมาหนึ่งหมื่นปี ผู้นำชนเผ่านักรบได้แปรเปลี่ยนกันไปหลายต่อหลายรุ่น กระนั้น พวกเขาก็ยังตั้งรับอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่เคยยอมแพ้ที่จะให้การปกปักษ์ต่อจารึกวิญญาณนายหญิงจันทรา

เพียงเรื่องนี้ ฉินหยุนก็ไม่มีวันยอมให้ชนเผ่านักรบต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชนเผ่านักรบถูกบุกทำลายไปหลายครั้งหลายหน ทุกครั้ง พวกเขาจะต้องกล้ำกลืนความโกรธ และยืนหยัดขึ้นอย่างแข็งแกร่งเพื่อสร้างบ้านเกิดของพวกเขาขึ้นมากันใหม่

พอคิดถึงเรื่องนี้ ฉินหยุนยิ่งรู้สึกโกรธแค้นอยู่ภายในหัวใจ

“ชนเผ่าหมาป่าคลั่ง พวกเจ้าได้สังหารคนของชนเผ่านักรบไปมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา วันนี้ ข้าจะให้พวกเจ้าได้ชดใช้หนี้เลือดด้วยเลือดของพวกเจ้า!”

น้ำเสียงกราดเกรี้ยวของฉินหยุน มันมาพร้อมพลังสั่นไหวที่เข้าสั่นสะเทือนทั้งผืนดินและฟากฟ้า

พร้อมกันนี้ เขาได้ปลดปล่อยความสามารถเทวะแผ่นดิวไหวมุ่งตรงสู่พื้นที่รกร้างตรงด้านหน้า

กำลังพลนับแสนที่พุ่งเข้ามา เวลานี้ ผืนแผ่นดินกลับปริแตกแยกออกและยุบตัวพังทลายเป็นแนวยาวหลายร้อยเมตร!

ฉินหยุนในตอนนี้ สามารถควบคุมความสามารถเทวะแผ่นดินไหวได้อย่างแม่นยำ

มีแต่พื้นที่ตรงหน้าจึงได้รับผลกระทบ บ้านเมืองของชนเผ่านักรบที่อยู่เบื้องหลัง หาได้มีความเสียหายใดเกิดขึ้นไม่!

เพียงอึดใจ กองทัพนับแสนของชนเผ่าหมาป่าคลั่งจึงจมดิ่งลงสู่พื้นปฐพี

หมาป่ายักษ์หลายตัวเริ่มเผ่นหนีอย่างตื่นตระหนก นักรบชนเผ่าหมาป่าคลั่งหลายคนต่างต้องสั่นกลัว

จ้านเฉียงและผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่ง พวกเขาทั้งสองต่างแตกตื่น!

พวกเขาทราบดี ว่านี่เป็นพลังที่ฉินหยุนปลดปล่อยออกมา!

“สังหารไอ้เด็กนั่นให้แก่ข้า!” ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งร้องคำราม

จ้านเฉียงพุ่งทะยานพร้อมตะโกนดัง “อย่าได้คิดว่าจะทำได้!”

พร้อมกันนี้ ฉินหยุนจึงปลดปล่อยจอมราชันดวงดาวอสูร!

จอมราชันดวงดาวอสูรของฉินหยุนมีค้อนเทวะเก้าตะวันอยู่ในมือ มันพุ่งเข้าปะทะใส่ราชันสงครามของชนเผ่าหมาป่าคลั่ง การโจมตีเป็นไปอย่างดุดัน

จอมราชันดวงดาวอสูรมีสามเศียรหกกร อำนาจการป้องกันของมันมากล้ำ กระทั่งว่าถูกผ่าร่าง มันก็จะไม่มีทางตายในทันที

ชนเผ่าหมาป่าคลั่งมีราชันสงครามเพียงกว่าสิบคน หาได้มีผู้ใดมีอาวุธในครอบครอง

เป็นที่ทราบกันว่า ครั้งฉินหยุนอยู่ที่ตำหนักเซียนดาบ เขาได้สังหารราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งไปมากมาย

จ้านเฉียงเดิมคิด ว่าตนเองอาจต้องเสี่ยงชีวิต อย่างไรแล้ว ครั้งนี้คือการถูกปิดล้อมโดยราชันสงครามหลายคน เขาพร้อมที่จะอุทิศชีวิต

แต่แล้วยามนี้ หลังได้เห็นจอมราชันดวงดาวอสูรปรากฏ จ้านเฉียงได้รู้สึกผ่อนคลาย ทั้งยังเกิดความตระหนกภายในใจ

ผู้คนชนเผ่าหมาป่าคลั่ง ย่อมไม่เคยนึกฝันว่าคนเถื่อนที่ดูอ่อนแอ แท้จริงกลับมีหลายสิ่งอย่างทรงอำนาจให้ใช้งานได้เพียงนี้

มันถึงขั้นที่ว่าสามารถกำราบกองทัพหมาป่าคลั่งได้ในอึดใจ ทั้งยังมีอสูรกายตัวใหญ่ทรงพลัง

แรงกดดันของจ้านเฉียงลดทอนลงไปมาก เพราะเขาแทบไม่ต้องดิ้นรนอีก เพียงแต่หลบหลังจอมราชันดวงดาวอสูร

อาวุธของผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งถูกทำลายไปแล้ว ตอนนี้ เขาได้แต่ต้องใช้กระบี่หักของตนเองสับฟันเข้าที่ร่างจอมราชันดวงดาวอสูร กระนั้น มันกลับไม่อาจสร้างความเสียหายใดได้

กองทัพหมาป่าคลั่งยังคงแข็งแกร่ง นักรบหลายคนพร้อมสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลก

กระนั้น ยามเมื่อพวกเขาคลุกคลานออกมาจากธรณีสูบ ฉินหยุนจึงใช้ความสามารถเทวะแผ่นดินไหวอีกครั้งหนึ่ง!

แผ่นดินไหวรุนแรงบังเกิดขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ผู้คนนับแสนในหลุมยักษ์ต้องจมดิ่งลงไปลึกยิ่งขึ้น!

“ชนเผ่าหมาป่าคลั่ง ข้าจะเปลี่ยนชนเผ่าเจ้าเป็นชนเผ่าหมูตายซาก!” ฉินหยุนหัวเราะเสียงเย็นพร้อมปลดปล่อยมังกรกระดูกออกมา

ยามเมื่อมังกรกระดูกปรากฏตัว กองกำลังหมาป่าคลั่งนับแสนที่ติดอยู่ภายในหลุมยักษ์ เวลานี้กลับกลายเป็นบังเกิดความหวาดกลัวและสิ้นหวังอย่างไม่มีที่จบสิ้น

โฮก… โฮก…

มังกรกระดูกร้องคำรามเสียงต่ำ มันบินลงจากฟากฟ้าสู่ก้นบึ้งของหลุมยักษ์พร้อมเผยการโจมตีดุดัน

จากที่ภายในหลุมยักษ์ เสียงร้องตะโกนโหยหวนดังให้ได้ยินไม่ขาด

กลิ่นเลือดคละคลุ้งลอยฟุ้งอาบไล้ทั้งพื้นดินและฟากฟ้า

มังกรกระดูกสีขาวได้ถูกย้อมเป็นสีเลือด!

ที่ทำฉินหยุนตระหนก คือหลังมังกรกระดูกสังหารกองกำลังหมาป่าคลั่ง เลือดและเนื้อที่ร่างของมันคล้ายได้เติบโตขึ้น

ตอนนี้เอง ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งตกอยู่ในห้วงความหวาดกลัว เพราะราชันสงครามหลายคนเคียงข้างที่แข็งแกร่งทัดเทียมเขา เหล่านั้นสิ้นชีพกันแทบหมดสิ้นแล้ว

ด้วยเพราะอาจตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จ้านเฉียงจึงทะยานออกบุกโจมตีรุนแรง ฝูงชนสิ้นชีพประหนึ่งไก่ที่ถูกเชือด

สำหรับชนเผ่านักรบ ชนเผ่าหมาป่าคลั่งคือฝันร้ายอันไม่รู้จบที่เกาะกุมหัวใจพวกเขามาแสนนาน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักรบของพวกเขาหลายคนที่ออกไปล่าต่างถูกสังหาร แม้เป็นการพบหน้าโดยไม่ตั้งใจก็ยังถูกสังหาร

ตั้งแต่ที่จ้านเฉียงขึ้นเป็นผู้นำชนเผ่า เขาแทบไม่อาจจำได้ ว่าชนเผ่านักรบถูกทำลายไปกี่ครั้งครา

ทุกครั้งที่เขาได้เห็นชนเผ่าตนเองถูกทำลาย เขาทำได้เพียงแต่เงียบงันและอดทนต่อความหยามเหยียด พวกเขาอ่อนแอเกินกว่าจะต่อสู้กับชนเผ่าหมาป่าคลั่งที่ยิ่งใหญ่ได้

และตอนนี้ จ้านเฉียงในที่สุดค่อยมีโอกาสได้สังหารผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่ง!

ตราบเท่าที่สังหารผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่งได้ ชนเผ่านักรบจึงค่อยมีแสงแห่งความหวังจุดประกายแรงใจ!

ฉินหยุนตอนนี้กำลังพุ่งเน้นไปที่การควบคุมจอมราชันดวงดาวอสูร โดยการรับมือกับราชันสงครามอยู่หลายคน

แม้จอมราชันดวงดาวอสูรถูกเฉือนหั่นร่างหลายครั้ง มันก็แทบไม่นับเป็นอะไร รอยแผลที่ผิวหนังภายนอก เพียงไม่นานมันก็ฟื้นคืนกลับ

“หลังจากที่จอมราชันดวงดาวอสูรได้กลืนกินภูเขาผลึกแก้วเข้าไป มันจึงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะซุกซน “เช่นนี้ จงสังหารพวกวายร้ายเหล่านี้ให้สิ้น!”

ภายในหลุมยักษ์ มันมีแต่กลิ่นเลือดเหม็นคละคลุ้ง มังกรกระดูกคล้ายอาบไล้ไปด้วยเนื้อและเลือดของผู้คน ทั้งร่างของมันถูกย้อมเป็นสีเลือดจนดูน่าหวาดกลัว

ต้องทราบว่ากำลังพลหมาป่าคลั่งมีจำนวนนับแสน รวมถึงหมาป่าอีกนับแสนตัว ทั้งหมดนั้นครอบครองร่างกายอันแข็งแกร่ง

และมังกรกระดูก ก็คล้ายทราบวิธีการดูดกลืนพลังจากเลือดเนื้อ

ตู้ม!

ฉินหยุนควบคุมจอมราชันดวงดาวอสูรเข้าทุบฟาดใส่ราชันสงครามจนถึงแก่ความตาย เขายังคงพุ่งตรงเข้าหาเป้าหมายถัดไป

และจ้านเฉียง เวลานี้ได้สังหารราชันสงครามไปอีกสอง

เวลานี้ ชนเผ่าหมาป่าคลั่งหลงเหลือราชันสงครามเพียงสี่

จอมราชันดวงดาวอสูรร่วมผสานงานกับจ้านเฉียง ลงมือสังหารราชันสงครามอีกสามคนอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ ที่เหลือก็เพียงแต่ผู้นำหมาป่าคลั่ง

“ผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่ง วันนี้คือวันตายของเจ้า!” จ้านเฉียงระเบิดเสียงหัวเราะดังออกมา

“เจ้าคนเถื่อน…” ผู้นำหมาป่าคลั่งทราบดี ถึงสาเหตุว่าทำไมชนเผ่าหมาป่าคลั่งของเขาจึงถูกกวาดล้าง นั่นก็เพราะพลังอำนาจของฉินหยุน

ก่อนหน้านี้ เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดจ้านเฉียงจึงเรียกฉินหยุนเป็นประมุข ตอนนี้ เขาค่อยได้ทราบ นั่นก็เพราะฉินหยุนมีความสามารถสมกับเป็นประมุข

จ้านเฉียงหัวเราะยินดีออกจากใจ พร้อมเข้าไปบั่นเศียรของผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่ง!

“ผู้อาวุโส ขอแสดงความยินดีที่ล้างแค้นสำเร็จ!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

“ท่านประมุข ทั้งหมดนี้เพราะท่านช่วยเหลือ! ชาติภพก่อนของท่าน ก็ได้ช่วยชนเผ่าของเราเอาไว้ ข้าไม่นึกเลยว่าในชีวิตนี้ ท่านจะได้มาช่วยเหลือพวกเราอีกครั้งหนึ่งเช่นนี้!” จ้านเฉียงที่ตื่นเต้นยินดี เขาแทบจะคุกเข่าลงกราบกราน กระนั้นฉินหยุนกลับเร่งรีบห้ามปรามไว้

เวลานี้ ฉินหยุนหันมองไปทางหลุมยักษ์

มังกรกระดูกอยู่ที่ด้านในนั้น เวลานี้ มันกำลังหันร่างไปและบิดมา

“หยุนเอ๋อ เกิดอะไรขึ้นกับมังกรกระดูก? มันกำลังดูดกลืนเลือดเนื้อด้วยตัวของมันเอง!” ฉินหยุนตื่นตะลึงยามได้เห็นเรื่องนี้กับตา

“สมควรเกี่ยวข้องกับโทเทมมังกรที่เจ้าแกะสลักเอาไว้ ทำให้มันมีพลังเป็นของตนเอง!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เจ้าสิ่งนี้หาได้แปลกอันใดไม่…”

ใบหน้าของจ้านเฉียงเผยความตื่นตะลึงยามจับจ้องที่พื้นเบื้องล่าง

“สัตว์เลี้ยงข้าเกิดอาการบางอย่างขึ้นมา ทว่าก็ไม่คล้ายใช่เรื่องใหญ่อันใด!” ฉินหยุนหัวเราะ “ผู้อาวุโส ท่านให้คนในชนเผ่าอยู่ในสวนเป็นการชั่วคราว อย่าได้ให้พวกเขาออกมาตอนนี้ ข้าเกรงว่าสัตว์เลี้ยงตัวน้อยนั่นจะเสียการควบคุมจนทำร้ายพวกเขาเข้า!”

“เสี่ยวหยุน ไม่ใช่ว่าเจ้าจับตัวมังกรชั่วร้ายที่เมืองซือหลงมาได้หรือ? หลังผนึกมันเอาไว้ในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร เจ้าก็ได้นำมันไปเก็บไว้ในกระเป๋าสัตว์!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

“จริงด้วย!” ฉินหยุนนึกเรื่องมังกรชั่วร้ายขึ้นมาได้ มันเป็นตัวตนที่หุบเขาเซียนโอสถเลี้ยงดูมา

“เร่งรีบปล่อยมันออกมา ให้มันเป็นอาหารแก่มังกรกระดูก!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

อย่างรวดเร็ว เขานำเอากระเป๋าสัตว์ออกมา จากนั้นจึงปล่อยมังกรชั่วร้ายลงในหลุมลึกตรงหน้า

มังกรชั่วร้ายเพียงถูกผนึกไว้ และอยู่ในห้วงการจำศีล ตอนนี้ ผนึกได้คลายออก มันคำรามพร้อมบินขึ้นฟากฟ้า

โฮก!

มังกรกระดูกฉับพลันทะยานขึ้นจากพื้น!

ฉินหยุนตื่นตะลึงยามได้เห็นมังกรกระดูกเร่งรีบขึ้นมาด้านบน

ร่างของมังกรกระดูกมีเนื้อสีแดงฉานปกคลุม พวกมันคล้ายโคลนสีแดง ทั่วทั้งร่างมีรยางค์โยงใยจนดูไปแล้วน่าหวาดกลัวยิ่ง

มังกรกระดูกโบยบินพร้อมกัดมังกรชั่วร้ายอย่างดุดัน!

มังกรชั่วร้ายที่ถูกกัด มังกรกระดูกจึงเร่งรีบใช้กรงเล็บฉีกร่างมันออก

ทันทีที่มังกรชั่วร้ายถูกคลายผนึก มันกลับต้องร่างแหลกสลายเพราะมังกรกระดูก

อย่างรวดเร็ว มังกรกระดูกเข้ากลืนกินมังกรชั่วร้าย เลือดและเนื้อตามร่างของมันเริ่มกระตุกไปมา

ฉินหยุนไม่ทราบว่านี่คือเรื่องราวอันใด เขาเพียงทราบ ว่ามังกรกระดูกกำลังวิวัฒนาการ

“เป็นเวลาที่เลือดเนื้อจะถือกำเนิดขึ้นอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนเดิมวางแผนหาเวลาว่าง คิดใช้กระดูกสัตว์สวรรค์จำนวนมากที่มีเพื่อขัดเกลาเลือดและเนื้อให้แก่มังกรกระดูก

ยามนึกถึงกระดูกสัตว์สวรรค์ เขาจึงบังเกิดความคิดจนเอ่ยถาม “หยุนเอ๋อ ข้ามีกระดูกสัตว์นับแสนจิน คิดว่ามังกรกระดูกจะกินพวกมันได้หรือไม่?”

“ลองดู!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

ฉินหยุนนำกระดูกสัตว์สวรรค์กองใหญ่ออกมา มังกรกระดูกพุ่งเข้ามาพร้อมเข้ากัดกินพวกมัน

“วิเศษนัก!” ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงนำกระดูกสัตว์สวรรค์ออกมาเพิ่ม ตัวเขาได้เหลือไว้หนึ่งหมื่นจินสำหรับใช้งานภายหน้า

กระดูกสัตว์สวรรค์แข็งแกร่ง พวกมันเป็นราวขนมยามเมื่อมังกรกระดูกบดเคี้ยว มันกินอย่างสำราญใจ

“น้ำมันสัตว์ น้ำมันสัตว์!” หลิงหยุนเอ๋อตะโกนดัง “น้ำมันสัตว์ประกอบด้วยพลังงานมหาศาล บางทีมังกรกระดูกอาจดูดกลืนมันได้!”

คิดเช่นนี้ได้ ฉินหยุนจึงเร่งรีบบินขึ้นกลางอากาศ นำเอาขวดลึกลับออกมา เขาราดน้ำมันสัตว์ปริมาณมหาศาลจากขวดลงสู่หลุมใหญ่เบื้องล่าง

จิตของมังกรกระดูกและฉินหยุนเชื่อมถึงกัน มันพร้อมกระโจนร่างลงสู่หลุมยักษ์โดยทันที

ฉินหยุนควบคุมอัตราการไหลออกจากขวด เพื่อให้มังกรกระดูกได้จมร่างของมันที่ภายในนั้น

ต่อมา จ้านเฉียงจึงกลับเข้าไปในสวน ปลอบประโลมคนในชนเผ่า เป็นเขาเร่งรีบกลับเข้าไป เนื่องเพราะตัวเขาเองก็หวาดกลัวมังกรกระดูก

มังกรกระดูกแช่ในน้ำมันสัตว์ ฉินหยุนสัมผัสได้ ว่ามังกรกระดูกกำลังดูดกลืนพลังงานจากน้ำมันสัตว์

“วิเศษมาก! เจ้าตัวนี้กำลังจะวิวัฒนาการ สงสัยนักว่ามันจะวิวัฒนาการได้ถึงที่เท่าใด!” ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าเรื่องราวจะออกมาเป็นเช่นนี้ได้

“เสี่ยวหยุน ข้ามีความคิด นำจอมราชันดวงดาวอสูรของเจ้าลงไปในบ่อ!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “มังกรนี้คล้ายมีความสามารถผสานรวมอันแข็งแกร่ง มันน่าจะสามารถผสานรวมกับสิ่งอื่นได้อีก!”

ฉินหยุนยามได้ยินความคิดหลิงหยุนเอ๋อ เขาต้องสูดลมหายใจเย็นเยือกเข้าปอด

“แน่นอนว่ามันอาจมีความผิดพลาดได้! พวกเราอาจต้องสูญเสียทุกสิ่งไป!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

“แล้วหากพวกมันผสานรวมกันได้ อย่างนั้นจะเกิดอันใดขึ้น?” หัวใจของฉินหยุนมีความหวาดกลัวเกาะกุม

“ข้าไม่อาจทราบ” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะเบา “เป็นไปได้เช่นกันว่าอาจไม่มีอันใดเกิดขึ้น!”