ฉินหยุนยังลังเล ว่าเขาควรนำจอมราชันดวงดาวอสูรไปไว้ในบ่อด้วยหรือไม่
เขาเป็นกังวล ว่าจะสูญเสียทั้งจอมราชันดวงดาวอสูรและมังกรกระดูก
พวกมันทั้งสองคือหุ่นเชิดที่ดีเยี่ยม หากต้องสูญเสียหนึ่งในพวกมัน ก็เป็นเรื่องปวดใจมากล้ำแล้ว
นอกจากนี้ หุ่นเชิดทั้งสองยังถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมศักยภาพให้เติบโตอย่างมหาศาล
ตั้งแต่ที่ฉินหยุนได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวและนายหญิงจันทรา ตัวเขาเวลานี้สามารถแกะสลักอักขระดวงดาวและจันทราให้แก่พวกมัน เมื่อนั้น พวกมันจะยิ่งเป็นหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“หากหุ่นเชิดทั้งสองนี้ผสานรวมเข้าด้วยกัน พวกมันจะมีแต่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!” ฉินหยุนเกิดความลังเลภายในใจ เขาเอ่ยถาม “หยุนเอ๋อ ข้าควรลองหรือ?”
“นั่นขึ้นอยู่กับเจ้า ข้าเพียงเสนอแนะ ครั้งนี้ข้าไม่อาจช่วยเจ้าตัดสินใจ หากพลาด เจ้าเพียงกล่าวโทษข้าก็ได้!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะตอบ “หากเจ้าคิดเลือกสตรีผู้งดงาม ถึงตอนนั้นข้าค่อยช่วยเจ้าตัดสินใจได้อย่างดีเยี่ยม!”
“เจ้านี่นะ!” ฉินหยุนสบถออกเสียงเบา
เขามองที่ภายในหลุมซึ่งมีแต่น้ำมันสัตว์ เวลานี้ยิ่งสับสน
“มีแต่ต้องลอง!” ฉินหยุนกัดฟันแน่น เขาควบคุมให้จอมราชันดวงดาวอสูรกระโดดลงไป
หลังจากที่จอมราชันดวงดาวอสูรลงไปแล้ว มังกรกระดูกที่แช่ในน้ำมันสัตว์ เลือดและเนื้อนั้นคล้ายเต้นร่าก่อนจะม้วนวนรัดพันรอบจอมราชันดวงดาวอสูร
เพียงไม่นาน ปากกว้างใหญ่ของมังกรจึงกัดเข้าใส่ร่างจอมราชันดวงดาวอสูร
“ไม่ดีแล้ว! มันกำลังกิน!” ฉินหยุนยิ่งวิตกกังวล
มังกรไม่อาจฉีกกระชากร่างจอมราชันดวงดาวอสูร เพราะร่างนั้นทนทานแข็งแกร่ง คิดฉีกร่างอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องง่าย
มังกรร่างใหญ่เวลานี้ประหนึ่งงูเหลือมคิดกลืนกินเหยื่อ มันกำลังกลืนจอมราชันดวงดาวอสูรเข้าไปทีละนิดจนกระทั่งหายเข้าไปทั้งร่าง
จอมราชันดวงดาวอสูรที่ถูกกินเข้าไป ร่างใหญ่โตของมังกรจึงระเบิดเอาแสงสีทองคำออกมา
จากนั้นแสงสีทองคำค่อยเข้าดูดกลืนน้ำมันสัตว์ปริมาณมหาศาลเข้าสู่ร่างมังกร
ร่างมังกรใหญ่ยักษ์เริ่มบิดเบี้ยวกลายเป็นทรงกลม ทั้งร่างของมันเผยหมอกสีทองคำออกมา
อย่างคาดไม่ถึง มังกรนั้นเริ่มคายใยออกจากปาก มันก่อเกิดขึ้นเป็นรังไหม
“สวรรค์! มังกรนั่นคายเอาใยออกมา!” หลิงหยุนเอ๋อร้องอย่างตื่นตระหนก
“มังกรนั่นไม่น่าจะใช่มังกรธรรมดาแล้ว!” ฉินหยุนตอนนี้ผ่อนคลายได้มาก นี่หมายความถึงมังกรกำลังวิวัฒนาการ เขาจะไม่สูญเสียมันไป
“เสี่ยวหยุน เจ้าได้รับมังกรตัวนั้นมาจากเทือกเขาเมฆมังกร มันไม่น่าใช่มังกรธรรมดาแล้ว!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เป็ดน้อยหยางหยางได้เข้าสู่ขั้นตอนวิวัฒนาการก็หลังจากกินเนื้อมังกรนั่นไป!”
“อืม สงสัยนักว่ากว่ามังกรตัวนี้จะออกจากรังไหมต้องใช้เวลาอีกเพียงใด!” ฉินหยุนมองที่รังไหมยักษ์สีทอง เขาสูดลมหายใจเข้ายาว ตอนนี้เขาผ่อนคลายได้มากแล้ว
รังไหมทองคำขนาดใหญ่ยักษ์นี้ ยังถือเป็นสัญลักษณ์ในการขยับขยายชนเผ่าของจ้านเฉียง
ชายชราผู้ซึ่งใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน นี่คือครั้งแรกที่เขาได้พบเห็นสิ่งเช่นนี้ มันมากพอที่จะให้ขวัญกำลังใจแก่เขาอีกหลายปี
ฉินหยุนเก็บรังไหมทองคำยักษ์ไป พร้อมหันไปยิ้มกล่าวกับจ้านเฉียง “ผู้อาวุโส นี่นับเป็นข่าวดี! ชนเผ่าท่านปลอดภัยแล้ว!”
“ขอบคุณท่านประมุขแล้ว!” จ้านเฉียงพยักหน้ายิ้มรับ “ท่านประมุขช่างมากล้นความสามารถ ถึงขั้นกวาดล้างชนเผ่าหมาป่าคลั่งได้โดยลำพัง!”
ฉินหยุนและจ้านเฉียงเดินกลับเข้าในเมืองของชนเผ่า พวกเขาพูดคุยกันพลางหัวเราะ
จ้านเฉียงให้คนของชนเผ่าด้านในสวนออกมา พร้อมทั้งให้มากล่าวขอบคุณต่อฉินหยุน
หลังได้พูดคุยกับคนของชนเผ่านักรบไปชั่วครู่ ฉินหยุนจึงค่อยเดินกลับมายังห้องของจ้านเฉียง
“ผู้อาวุโส ท่านทราบวิธีการออกไปจากเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬแห่งนี้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“เรื่องนี้… ตำนานกล่าวว่าที่แห่งนี้มีหุบเหวจันทราเงียบงัน เบื้องล่างมันคือก้นบึ้งไร้สิ้นสุดที่สามารถใช้ออกไปจากโลกแห่งนี้ได้!” จ้านเฉียงกล่าว “ทว่าที่แห่งนั้นอันตรายอย่างยิ่ง!”
“อันตรายอันใด?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“หุบเหวแห่งนั้น มีแต่สัตว์ใต้พิภพอันชั่วร้ายและวิญญาณร้าย!” จ้านเฉียงขมวดคิ้วกล่าว “ท่านประมุข หากท่านไป เช่นนั้นต้องเตรียมตัวให้มาก!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ข้าทราบดี!”
ช่วงระยะเวลาที่มี ฉินหยุนได้เตรียมตัว เขาสร้างยันต์ไว้จำนวนหนึ่ง
โชคดีที่เขามีเซียนทรงพลังอำนาจเช่นเหยาเฟิงช่วยเหลือ ดังนั้นจึงสามารถสร้างยันต์ได้หลากหลาย
นอกจากนี้ เขายังช่วยเหลือจ้านเฉียงขยับขยายอาคมป้องกันให้ปกคลุมทั่วทั้งเมือง
เช่นนี้ หากถูกโจมตีอีกครั้งหนึ่ง ชนเผ่านักรบจะได้ไม่ตกอยู่ในมือของศัตรู
ศีรษะของผู้นำชนเผ่าหมาป่าคลั่ง ได้ถูกแขวนเอาไว้ที่ด้านหน้าทางเข้าชนเผ่านักรบ
เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพตนเองในการขัดเกลาอุปกรณ์ ฉินหยุนยังได้สร้างอุปกรณ์ลึกล้ำหลายชิ้นไว้ให้แก่ชนเผ่านักรบ
ตัวเขาตอนนี้ สามารถใช้ค้อนเทวะเก้าตะวันและจารึกวิญญาณได้อย่างดีเยี่ยม คิดสร้างอุปกรณ์ลึกล้ำที่ดีจึงเป็นเรื่องง่าย มันไม่ต่างอะไรกับหยิบอาหารเข้าปากด้วยซ้ำ
“เราตอนนี้สามารถสร้างอุปกรณ์ลึกล้ำระดับสูงได้แล้ว!” ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ฉินหยุนได้เตรียมตัวอย่างพร้อมสรรพ
ยามเมื่อทำการหลอม เขาจะใช้ห้องใต้ดินของจ้านเฉียง ที่แห่งนั้นมีแหล่งพลังงานคงอยู่ มันถูกใช้เพื่อคงสภาพค่ายอาคมใหญ่ของชนเผ่า
และเวลานี้ มันก็ถือเป็นสถานที่เก็บตัวฝึกฝนของฉินหยุน
ชนเผ่านักรบได้ทราบว่าฉินหยุนคิดเดินทางจากไป พวกเขาต่างอาลัยยามต้องแยกจาก
พวกเขาล้วนได้รับอุปกรณ์ลึกล้ำทรงพลังอำนาจ รวมถึงกระเป๋ามิติเก็บของ ทุกคนล้วนซาบซึ้งต่อฉินหยุนพร้อมเข้ามากราบไหว้เคารพบูชา
แน่นอนว่า จ้านเฉียงก็คิดอยากให้ฉินหยุนอยู่ต่อ ทว่าเขาทราบดี ว่าฉินหยุนมีเรื่องอื่นที่สำคัญให้ต้องไปกระทำ
ฉินหยุนตอนนี้กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ นั่นก็คือการควบแน่นผลึกแก้วเต๋าวิญญาณลึกล้ำที่ใกล้สำเร็จแล้ว
เขาใช้หยกผลึกแก้วเต๋า และผลึกแก้วหัวใจลึกล้ำที่ได้รับจากเย่ว์โยวมาจนหมดสิ้น
เหยาเฟิงยังคอยอยู่ข้างกายฉินหยุนตลอดช่วงหลายวันที่เป็นช่วงเวลาสำคัญ
ระหว่างฉินหยุนฝึกฝน เขาสัมผัสได้ ว่าภายในแก่นเต๋าตะวันทมิฬ มันได้หมุนวนอย่างรุนแรงพร้อมรวบรวมพลังงานมหาศาลไว้ที่ภายใน
พลังงานในเลือดเนื้อและกระดูกของเขา กำลังไหลเวียนเข้าสู่แก่นเต๋าตะวันทมิฬอย่างบ้าคลั่ง
“มันต้องสำเร็จ!” ฉินหยุนขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกำหมัดแน่น
ฟู่!
อย่างกะทันหัน ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงไอน้ำรุนแรงทะลักล้นจากร่าง มันส่งเสียงดังพร้อมหมอกฟุ้ง
ร่างกายฉินหยุนปลดปล่อยคลื่นพลังเก้าสี เรื่องนี้ทำเหยาเฟิงตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด
“ฉินหยุน เจ้าสามารถดูดกลืนพลังเก้าตะวันผ่านทางวิญญาณเทวะเก้าตะวัน! ภายหน้า เจ้าย่อมสามารถฝึกฝนร่างเทวะเก้าตะวันได้แน่!” เหยาเฟิงอุทานกล่าว
“ร่างเทวะเก้าตะวัน? ตอนนี้ข้าครอบครองร่างเซียนอสูร พื้นที่เติบโตยังมีอีกมากมายนัก!”
ฉินหยุนลืมตาขึ้น เขาฝึกฝนผลึกแก้วเต๋าวิญญาณลึกล้ำได้สำเร็จ ตอนนี้ เขาสามารถควบแน่นพลังลึกล้ำที่อ่อนจางขึ้นมาได้แล้ว!
“ขีดสุดของร่างเซียนอสูร ก็เพียงแค่ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูร! กระนั้นร่างเทวะเก้าตะวัน นั่นจึงเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุด! แน่นอนว่าร่างเทวะเก้าตะวัน มีอยู่เพียงแค่ในตำนานเท่านั้น” เหยาเฟิงบอกเล่าออกมา
นางรับชมฉินหยุนเลื่อนระดับพลังได้สำเร็จ ก่อนจะกลับเข้าสู่ไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
ฉินหยุนลองปลดปล่อยพลังลึกล้ำออกมาเล็กน้อย เท่าที่มีตอนนี้ไม่อาจใช้ในการศึก จุดประสงค์หลักของมันคือใช้เพื่อแปรเปลี่ยนแก่นเต๋า ให้เป็นแก่นเต๋าลึกล้ำ และกระบวนการจะเป็นไปอย่างยาวนาน
ตราบเท่าที่เขาฝึกฝนแก่นเต๋าลึกล้ำ เขาจะสามารถปลดปล่อยพลังเต๋าลึกล้ำอันทรงพลังออกมาได้!
ฉินหยุนก้าวเดินออกจากห้องลับใต้ดิน กลับขึ้นไปด้านบนเพื่อบอกลาต่อจ้านเฉียง
จ้านเฉียงและกลุ่มคนได้คุ้มกันเขาออกมาส่งที่ด้านนอกชนเผ่า ทั้งยังจัดพิธีอำลาอย่างยิ่งใหญ่
ฉินหยุนไปจากชนเผ่านักรบ มุ่งหน้าสู่ทางตะวันตก! เป้าหมาย คือหุบเหวจันทราเงียบงัน
“พี่สาวเหยาเฟิง ท่านพบเจอเรื่องราวจากความทรงจำของจอมจักรพรรดิอสูรเซียนบ้างหรือยัง?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ความทรงจำของมัน มีพระสูตรโลกาวินาศเก้าตะวันคงอยู่จริง!” เหยาเฟิงกล่าว “ทว่าความทรงจำนี้กระจัดกระจาย ข้าต้องใช้เวลารวบรวม!”
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ฉินหยุนไม่อาจติดต่อหาเซี่ยฉีโหรว เรื่องนี้ทำเขากังวลไม่ใช่น้อย
“พี่สาวเหยาเฟิง มีวิญญาณดวงตะวันใดร่วงหล่นสู่แดนวิญญาณอ้างว้าง และแดนอสูรอ้างว้างบ้างหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ย่อมมี ทว่าพวกมันถูกนำไปเมื่อนานมาแล้ว!” เหยาเฟิงกล่าว “ย้อนกลับไป คนกลุ่มใหญ่จากแดนเซียนอ้างว้าง ได้ลงมายังแดนวิญญาณอ้างว้างและแดนอสูรอ้างว้าง เจ้าคิดว่าพวกเขาจะปล่อยวิญญาณดวงตะวันให้หลุดมือไปหรือ?”
“น่าเสียดายนัก!” ฉินหยุนถอนหายใจ
“เจ้าครอบครองสองวิญญาณดวงตะวัน ยังมีอันใดให้เสียดาย?” เหยาเฟิงกล่าว “เจ้าควรใช้งานวิญญาณดวงตะวันทั้งสองที่มีให้ดี!”
“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว!” ฉินหยุนรับชมหยางหยาง เวลานี้ยังคงเป็นบอลใหญ่ยักษ์หลับใหลอยู่
ฉินหยุนไม่มีอันใดให้ต้องหวาดเกรง หากต้องเผชิญหน้าอันตรายใด แม้เขาไม่มีจอมราชันดวงดาวอสูรแล้ว กระนั้นก็ยังมีเหยาเฟิง
เหยาเฟิงให้สัญญากับฉินหยุน ว่านางจะยังไม่เก็บตัวในช่วงระยะเวลานี้ จนกว่าเขาจะเดินทางถึงแดนวิญญาณอ้างว้างได้อย่างปลอดภัย
เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬกว้างใหญ่ ฉินหยุนบินอยู่หลายสิบวันก็ยังไม่พบเห็นหุบเหวที่พาดผ่านเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ
“หรือจะเป็นเพียงแค่ตำนาน?” ฉินหยุนเกิดความสงสัย
หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “อดทนอีกสักหน่อย มุ่งหน้าไปต่อ แม้เจ้าไม่พบเจอหุบเขาจันทราเงียบงัน อย่างน้อยก็ต้องไปจนถึงสุดขอบของเขตแดนอ้างว้าง!”
หลังฝึกฝนผลึกแก้วเต๋าวิญญาณลึกล้ำ กำลังกายของเขาเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล มันทำให้เขาสามารถใช้พลังต่อเนื่องบินด้วยความเร็วสูงล้ำได้
หลังจากบินอยู่ทั้งเดือน ฉินหยุนค่อยได้เห็นหุบเหวจันทราเงียบงัน!
หุบเหวจันทราเงียบงันกว้างหลายหมื่นเมตร มองจากด้านบน มันเปรียบดังแผลเป็นขนาดใหญ่ยักษ์บนพื้นแผ่นดิน
ฉินหยุนมองมันจากระยะไกลในช่วงเวลากลางวัน กระทั่งเขายังต้องอึ้ง
“ไม่ใช่เพียงแค่ตำนาน ดี!” ฉินหยุนที่ตื่นเต้น จึงเร่งรีบบินไปด้วยความเร็วสูงล้ำ
หลังจากที่ฉินหยุนบินเข้ามาใกล้ ฉับพลัน เขาได้เห็นกลุ่มคนอยู่ข้างหุบเหว
คนกลุ่มนี้ถือแท่งยาวในมือ กำลังนั่งอยู่ข้างหุบเหว แต่ละคนอยู่ห่างกันกว่าสิบเมตร ราวกับพวกเขากำลังตกปลา กระนั้น หุบเหวจันทราเงียบงันหาได้ใช้แม่น้ำไม่
อย่างกะทันหัน บุคคลที่ดุดันพลันยกแท่งนั้นขึ้น มวลอากาศสีดำจึงปรากฏขึ้นจากหุบเหว มังกรกิ้งก่าร่างยักษ์ถึงกับถูกดึงขึ้นมา! ผู้คนเหล่านี้กำลังตกปลาอยู่จริง ทว่านั่นไม่ใช่ปลา แต่เป็นมังกรกิ้งก่า!
ฉินหยุนยามได้พบเห็นจากระยะไกล เขายังต้องทึ่ง!
มังกรกิ้งก่าที่ถูกดึงตัวขึ้นมา คนกลุ่มนั้นจึงเร่งรีบถอยพร้อมลากมังกรกิ้งก่าออกห่างหุบเหว จากนั้น พวกเขาจึงเริ่มรุมโจมตีสังหารมังกรกิ้งก่า!
ฉินหยุนยามได้เห็นว่าคนกลุ่มนี้น่าจะพูดคุยด้วยง่าย เขาค่อยโล่งใจก่อนจะเดินเข้าไปหา
คนกลุ่มนี้ ชัดเจนว่าเป็นชนพื้นเมือง เพราะพวกเขาไม่ได้ใช้พลังพิเศษใด ทั้งยังดูค่อนข้างเป็นมิตร
ฉินหยุนที่เดินเข้าหา คนกลุ่มนี้จึงเริ่มให้ความสนใจ คราแรก พวกเขากังวล ทว่าภายหลังค่อยโล่งใจยามได้เห็นว่าไม่มีเจตนาร้าย
ฉินหยุนไม่กล่าวคำใด เขาเพียงแต่สงสัยและรับชมการตกมังกรกิ้งก่าจากด้านข้าง
“คนหนุ่ม เจ้าคิดอยากออกไปโดยใช้หุบเหวหรือ?” ชายชราที่สวมใส่หมวกไม้ไผ่ยิ้มเอ่ยถาม
ฉินหยุนเร่งรีบตอบ “ผู้อาวุโส ข้าสามารถออกจากเขตแดนอ้างว้างนี้ โดยอาศัยก้นบึ้งของหุบเหวจันทราเงียบงันได้หรือไม่?”
“ย่อมได้! ตำนานกล่าวไว้ ว่าที่นี่ได้เกิดศึกครั้งยิ่งใหญ่ และจอมจักรพรรดิปรโลก ได้ใช้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกเพื่อสับฟันลงมา และได้ฝากไว้เป็นหุบเหวแห่งนี้!” ชายชรากล่าว