“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” เมื่อสวี่โยวพูดจบ เธอก็ยืนขึ้น ทันใดนั้นร่างของเธอก็เซล้มเข้าไปหาเซียวโม่ เซียวโม่กางแขนออกไปรับตัวเธอเอาไว้ กลายเป็นว่าสวี่โยวลงมานั่งอยู่บนตักของเซียวโม่ เธอขบฟันร้อง ซี้ด แล้วเธอก็จับขาของตัวเอง เมื่อครู่นี้ที่เธอคุกเข่าอยู่ เธอไม่รู้สึกอะไรเลย แต่เมื่อเธอยืนขึ้น เธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าขาของเธอชาไปหมดแล้ว

 

 

           สวี่โยวกลัวว่าเซียวโม่จะโกรธและรู้สึกว่าเธอกำลังแสร้งทำเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเขา เธอจึงรีบลุกขึ้นยืน แต่เธอลืมไปว่าขาของเธอยังชาอยู่ เธอจึงล้มลงไปอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งจะยืนขึ้น

 

 

“เอาละ นั่งดีๆ อย่าขยับไปขยับมาสิ” คำพูดของเซียวโม่ทำให้เธอนั่งนิ่งอยู่บนตักของเขาได้อย่างสบายใจ ชั่วขณะหนึ่งเธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

 

 

เมื่อเซียวโม่เห็นเธอรู้สึกเขินอาย ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงสมัยก่อนที่สวี่โยวพยายามไล่ตามเขา ตอนนั้นเธอสามารถทำได้ทุกอย่าง แต่หัวใจของเขากลับมีถังโจวโจวอยู่แล้ว เขาจึงแกล้งทำเป็นไม่เห็นพฤติกรรมเหล่านั้นของเธอ

 

 

สวี่โยวนั่งอยู่อีกพักหนึ่ง ก่อนจะรู้สึกว่าขาของเธอดีขึ้นมากแล้ว เธอเป็นฝ่ายลุกออกมาเอง จู่ๆ เธอก็ปรับความเข้าใจกับเซียวโม่ได้ เธอจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเพื่อทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ แต่เซียวโม่ดูออกว่าเธอไม่สบายใจ “คุณพักผ่อนเถอะ ผมจะลงไปข้างล่างหน่อย”

 

 

“ค่ะ” สวี่โยวพยักหน้าอย่างว่าง่าย และเมื่อเธอเห็นว่าเซียวโม่เดินออกไปแล้ว เธอก็นั่งลงบนเตียง พลางยิ้มอย่างมีความสุข

 

 

หลังจากที่ฉินอวิ๋นได้พบกับถังโจวโจว เธอก็หวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ยิ่งเธอคิดถึงมันมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เธอสั่งให้คนไปตรวจสอบประวัติของถังโจวโจวในช่วงที่ผ่านมา และยังให้สืบมาด้วยว่าถังโจวโจวเป็นลูกแท้ๆ ของคุณพ่อและคุณแม่ถังไหม

 

 

           ฉินอวิ๋นไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ และคนที่ต้องปิดไว้ไม่ให้รู้เด็ดขาดก็คือเมิ่งไหวเซิน ยิ่งตอนนี้ในขณะที่เธอยังไม่ทราบผล ฉินอวิ๋นก็ยังทำอะไรไม่ได้ เธอจึงทำได้แค่รออย่างอดทนเท่านั้น

 

 

           คุณแม่เซียวเห็นว่าหลังจากที่พวกเขาได้ปรับความเข้าใจกันไปแล้วในวันนั้น เซียวโม่ก็ใส่ใจสวี่โยวมากขึ้น ทั้งเธอและคุณพ่อเซียวมีความสุขมาก เมื่อได้เห็นว่าทั้งสองคนไปด้วยกันได้ดี พวกเขายิ้มและมองดูปฏิกิริยาที่เซียวโม่และสวี่โยวมีต่อกัน บรรยากาศภายในบ้านตระกูลเซียวนั้นดีขึ้นมาก ราวกับว่าไม่เคยผ่านช่วงเวลาน่าอึดอัดกันมาก่อน

 

 

           คุณแม่เซียวยังคงจำได้ขึ้นใจ ตอนนี้สวี่โยวท้องก็ดีแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านั้นเธอต้องทนทุกข์ทรมานใจเพราะถังโจวโจว นี่ถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องหาโอกาสระบายความแค้นนั้นออกมา!

 

 

           คุณแม่เซียวเริ่มสนใจทิศทางการเคลื่อนไหวของถังโจวโจวในช่วงนี้ แต่เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะได้ยินข่าวดี คุณแม่เซียวเชื่อมั่นในข่าวนี้มาก เพราะว่ามันมาจากปากของคุณแม่ลั่วเอง มันจะยังเป็นเรื่องเท็จได้อีกหรือ? แต่หากว่ามีเค้าว่าเรื่องนั้นอาจจะไม่เป็นความจริง เธอก็ยังสามารถรู้ได้จากถังโจวโจวเอง

 

 

           อายุครรภ์ของถังโจวโจวตอนนี้น่าจะประมาณสามหรือสี่เดือนแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องพอดูออกได้บ้าง แต่ถ้ามันเป็นอย่างที่เธอได้ข่าวมาว่าถังโจวโจวได้สูญเสียลูกของเธอไปแล้ว แบบนั้นก็จะดีมากเลย

 

 

           เสียแรงที่เธอคับแค้นใจ ที่แท้ก็รักษาลูกเอาไว้ไม่ได้ คุณแม่เซียวไม่สนใจหรอกว่าความจริงแล้วมีคนชนถังโจวโจว หรือว่าถังโจวโจวลื่นล้มไปเอง ขอแค่ถังโจวโจวมีชีวิตที่ไม่ดี แค่นี้เธอก็สุขใจแล้ว

 

 

           เดิมทีคุณแม่เซียวก็ไม่ได้เกลียดชังถังโจวโจวมากถึงขนาดนี้ แต่เนื่องจากตอนนั้นเซียวโม่อาละวาดเพราะเรื่องของเธอหนักมาก ขนาดแม่ผู้ให้กำเนิดของเขายังสู้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เลย แม้ว่าเซียวโม่จะกลับใจแล้วในตอนนี้ แต่คุณแม่เซียวก็ยังคงเจ้าคิดเจ้าแค้น จากเหตุการณ์นั้นไม่มีทางที่เธอจะรู้สึกดีกับถังโจวโจวได้หรอก!

 

 

           นอกจากนี้ เมื่อตอนที่ถังโจวโจวตั้งท้อง คุณแม่เซียวยังจำท่าทางภูมิอกภูมิใจของเธอได้เป็นอย่างดี ถ้าถังโจวโจวรู้ว่าคุณแม่เซียวคิดเช่นนี้กับเธอ เธอคงจะโกรธมาก เพราะในวันนั้นเธอไม่ได้ทำท่าภาคภูมิใจตรงไหนเลย

 

 

           ในวันนี้ คุณแม่เซียวพาสวี่โยวออกมาเดินเล่น พวกเธอมาที่ร้านเสื้อผ้าเด็กแห่งหนึ่ง ทั้งสองคนช่วยกันเลือกดูเสื้อผ้าเด็กที่อยู่ในนั้น จิตใจของคุณแม่เซียวและสวี่โยวเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข

 

 

           สวี่โยวสัมผัสหน้าท้องที่ยังไม่นูนเด่นของเธอและนึกถึงการที่เซียวโม่ทำดีกับเธอมากในช่วงนี้ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าเธอช่างเป็นคนที่โชคดีมาก ในที่สุดพวกเขาก็มีวันนี้

 

 

“โยวโยว เราซื้อเสื้อผ้ากลับไปให้เจ้าหนูน้อยที่อยู่ในท้องของหนูกันดีกว่าจ้ะ” คุณแม่เซียวจับตัวนั้น หยิบตัวนี้ เธอรู้สึกชอบมากจนวางไม่ลง เธอต้องเตรียมข้าวของของหลานเธอให้พร้อมทุกอย่าง

 

 

แม้ว่าสวี่โยวจะรู้สึกชอบอยู่เหมือนกัน แต่เธอก็ยังคิดถึงความเป็นจริง “มันไม่เร็วไปหน่อยหรือคะ คุณแม่ ตอนนี้เพิ่งจะสองเดือนกว่าเอง อีกสักพักค่อยมาซื้อก็ได้ ไม่สายเกินไปหรอกค่ะ”

 

 

เมื่อคุณแม่เซียวได้ฟังคำอธิบายของสวี่โยว ในที่สุดเธอก็หยุดความคิดที่จะซื้อเอาไว้ พนักงานขายที่ยืนถัดไปจากพวกเธอ เมื่อเห็นว่าพวกเธอสองคนทำท่าเปลี่ยนใจไม่ซื้อแล้ว ก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาเล็กน้อย แต่พวกเธอแต่งตัวดี พนักงานขายจึงไม่ได้แสดงสีหน้าออกมาให้เห็น

 

 

เมื่อคุณแม่เซียวเห็นว่าภายในร้านยังมีของสำหรับเด็กอีกมากมาย เธอก็เดินมองซ้ายมองขวา เดินวนอยู่รอบหนึ่ง ก่อนจะดึงสวี่โยวออกมาจากร้าน “โยวโยว อีกแค่ไม่กี่เดือนเองนะลูก แม่จะเตรียมของให้พร้อมก่อนที่ตาหนูจะออกมา”

 

 

คุณแม่เซียวมองไปที่หน้าท้องของสวี่โยวและยิ้มกว้างจนเต็มแก้ม “ย่ากำลังรอหนูอยู่นะจ๊ะ!” สวี่โยวรู้ว่าตั้งแต่ที่คุณแม่เซียวทราบว่าเธอตั้งท้อง คุณแม่เซียวก็ยิ้มแย้มได้ทุกวัน เด็กคนนี้มาได้ทันเวลาจริงๆ

 

 

สวี่โยวฉุกคิดเล็กน้อย “คุณแม่คะ เราไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตกันเถอะค่ะ หนูอยากไปซื้อของสักหน่อย”

 

 

“โอเคจ้ะ ตามใจหนู เราลงลิฟต์กันไปดีกว่านะ” คุณแม่เซียวยืนรอลิฟต์กับสวี่โยวอยู่ตรงนั้น เมื่อลิฟต์พาพวกเธอลงไปถึงชั้นใต้ดิน พวกเธอก็เดินเข็นรถเข็นเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต

 

 

คุณแม่เซียวรับหน้าที่เข็นรถเข็นเอง ในขณะที่สวี่โยวก็เดินอยู่ข้างๆ เธอ สวี่โยวเดินไปรอบๆ ตามใจชอบ เมื่อเธอพบสิ่งที่เธอสนใจ เธอก็จะหยิบมันใส่รถเข็น บางครั้งคุณแม่เซียวก็ต้องเตือนเธอว่ามีของชนิดไหนบ้างที่เธอไม่ควรกินในช่วงนี้ ดังนั้นสวี่โยวก็เลยวางมันกลับไปที่เดิม เธอเชื่อฟังคุณแม่เซียวเป็นอย่างมาก

 

 

ในขณะที่กำลังเดินชอปปิงกัน สายตาอันแหลมคมของสวี่โยวก็สังเกตเห็นคนรู้จักสองคน สวี่โยวหมายจะพาคุณแม่เซียวเดินไปอีกฝั่ง แต่คุณแม่เซียวก็มองไปตรงนั้นเช่นกัน เธอจำได้ในทันทีที่เห็น “นั่นมันยายถังโจวโจวไม่ใช่เหรอ”

 

 

คุณแม่เซียวจำลั่วเซ่าเชินได้ก่อน จากนั้นเธอก็ตั้งใจมองอีกครั้ง แล้วเธอก็พบว่าคนที่ยืนอยู่ข้างลั่วเซ่าเชินก็คือถังโจวโจว ผู้หญิงที่เธอเกลียดมากที่สุด! ทันใดนั้น คุณแม่เซียวก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที ตอนนี้โยวโยวท้องแล้ว เธอจะต้องไปอวดสักหน่อย

 

 

เนื่องจากถังโจวโจวยืนหันหลังให้พวกเธออยู่ คุณแม่เซียวจึงไม่แน่ใจว่าถังโจวโจวยังท้องอยู่หรือเปล่า แต่สวี่โยวไม่อยากเจอหน้าถังโจวโจวเลย แม้ว่าเธอไม่อยากจะยอมรับ แต่มันก็คือความจริง ตอนนี้เซียวโม่กำลังพยายามจะลืมถังโจวโจวให้ได้ แต่เธอก็รู้ว่าเขายังไม่สามารถลืมได้จนหมดใจ

 

 

สวี่โยวรู้สึกว่าชีวิตของเธอในตอนนี้มีความสุขมาก เธอไม่อยากจะหาเรื่องถังโจวโจวและทำให้ตัวเองไม่สบายใจอีก แต่คุณแม่เซียวก็ยังไม่ยอมปล่อยวาง

 

 

“คุณแม่คะ ไปกันเถอะค่ะ กลับกันเถอะ” สวี่โยวพยายามทำให้คุณแม่เซียวเลิกล้มความตั้งใจ แต่คุณแม่เซียวกลับจ้องไปที่ถังโจวโจวอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

 

“ไป โยวโยว ไปกับแม่ลูก แม่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้มันถึงเวลาที่เราจะเอาคืนแล้ว!”

 

 

คุณแม่เซียวลากสวี่โยวไปหาพวกเขา และเนื่องจากว่าเธอยังคงห่วงใยเด็กที่อยู่ในท้องของสวี่โยวจึงไม่ได้ออกแรงมากนัก แต่เมื่อสวี่โยวมองดูท่าทางที่เด็ดเดี่ยวของคุณแม่เซียวแล้ว เธอก็กลัวว่าถ้าเธอยับยั้งคุณแม่เซียวอีกครั้ง เธออาจจะโดนดุมากกว่านี้ก็เป็นได้ ดังนั้นเธอจึงฝืนใจเดินตามคุณแม่เซียวไป

 

 

ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินมองดูคนสองคนที่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอย่างกะทันหัน จากนั้นพวกเขาก็เห็นสีหน้าและท่าทางหาเรื่องของคุณแม่เซียวได้อย่างชัดเจน พวกเขาไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจเข้าอีก

 

 

ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินกำลังเลือกซื้อซี่โครงหมูกันอยู่ เพื่อเตรียมทำซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานในมื้อเย็น พวกเขาไม่ได้กินเมนูกันมานานแล้ว ก็เลยนึกอยากกินขึ้นมา

 

 

ในขณะที่พวกเขากำลังเลือกของกันอยู่ พวกเขาก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วพวกเขาก็เห็นคุณแม่เซียวยืนอยู่ตรงหน้า ถังโจวโจวพูดคุยกับคุณแม่เซียวอย่างสุภาพว่า “คุณป้าเซียว มีธุระอะไรกับฉันหรือคะ”

 

 

คุณแม่เซียวจับจ้องไปที่หน้าท้องของถังโจวโจว เมื่อเธอเห็นว่าหน้าท้องของเธอแบนราบ คุณแม่เซียวก็สามารถยืนยันข่าวที่เธอรู้มาได้แน่ชัดแล้ว เธอรู้สึกลำพองใจมากขึ้นเรื่อยๆ ฟ้าท่านช่างมีตาจริงๆ ตอนนี้ลูกสะใภ้ของฉันกำลังตั้งท้อง แต่ลูกของหล่อนน่ะแท้งไปแล้ว

 

 

แน่นอนว่าถังโจวโจวเองก็สังเกตเห็นสายตาของคุณแม่เซียว และเมื่อรู้ว่าคุณแม่เซียวจ้องมาที่หน้าท้องของเธอ ถังโจวโจวก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งสิ่งที่คุณแม่เซียวทำนั้น ทำให้ถังโจวโจวไม่พอใจอย่างมาก และทำให้เธออดคิดถึงเด็กที่ไม่มีบุญคนนั้นไม่ได้

 

 

แต่คุณแม่เซียวก็ยังคงสาดน้ำมันลงไปบนกองเพลิง “โจวโจว ป้าได้ยินมาว่า…” สายตาของเธอเหลือบมองไปที่ท้องของถังโจวโจวอีกครั้ง

 

 

ถังโจวโจยังไม่ทันได้พูดอะไร ลั่วเซ่าเชินก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน “ป้าเซียวครับ มีอะไรก็พูดมาเถอะครับ อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ทำไม”

 

 

คุณแม่เซียวยังคงรู้สึกกลัวลั่วเซ่าเชินอยู่เล็กน้อย แม้ว่าเขาจะดูไม่หยิ่งยโสเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ได้อ่อนโยนึ้นมากถึงขนาดนั้น “เซ่าเชิน ป้าก็แค่หวังดีเป็นห่วงเธอ ป้าก็เลยอยากจะมาพูดคุยด้วยสักหน่อย เธอก็อย่าคิดมากเลยนะ”

 

 

ถังโจวโจวส่งเสียง “เฮอะ!” ออกมาเบาๆ ในขณะที่ลั่วเซ่าเชินพูดอย่างสุภาพว่า “คุณป้าไม่ต้องกังวลเรื่องของผมกับโจวโจวหรอกครับ คุณป้าเอาเวลาไปดูแลลูกชายกับลูกสะใภ้ของคุณป้าจะดีกว่า!”

 

 

ทันทีที่คุณแม่เซียวจะพูดถึงลูกสะใภ้ของตัวเอง เธอก็กระตือรือร้นขึ้นมา “พอดีเลยเซ่าเชิน ป้ามีข่าวดีจะบอก โยวโยวท้องแล้วนะ ช่วงนี้ป้าเป็นห่วงโยวโยวมากๆ เลยล่ะ”

 

 

เมื่อถังโจวโจวได้ยินว่าสวี่โยวท้อง เธอก็ชะงักกึก พลางพูดออกมาทันที “ยินดีด้วยนะคะ!”

 

 

ทันใดนั้น คุณแม่เซียวก็รู้สึกว่าแบบนี้มันน่าเบื่อเกินไป เมื่อเธอเห็นว่าถังโจวโจวไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเป็นพิเศษ ทำไมเธอถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย คุณแม่เซียวเงียบลงทันทีและยืนอยู่ข้างๆ โดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ

 

 

เมื่อสวี่โยวเห็นว่าถังโจวโจวแสดงความยินดีกับเธอด้วยความจริงใจ เธอก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ขอบคุณนะ โจวโจว!” สวี่โยวรู้สึกขอบคุณถังโจวโจวจากใจจริง เมื่อก่อนเป็นเธอเองที่คิดมากเกินไป ความจริงแล้วถังโจวโจวไม่เหลือเยื่อใยให้เซียวโม่เลยสักนิด

 

 

แต่หัวใจของเธอบอบบางมากเกินไป แค่ลมพัดหญ้าไหวเธอก็คิดมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ที่ผ่านมาเซียวโม่ยังมีท่าทางแบบนั้นอีก ดังนั้นสวี่โยวจึงรู้สึกว่าไม่มั่นคง แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน เธอมีลูกเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแล้ว

 

 

ถังโจวโจวสังเกตดูที่หน้าท้องของสวี่โยว แต่มันก็ยังเห็นไม่ชัด “กี่เดือนแล้วเหรอ”

 

 

สวี่โยวลูบหน้าท้อง “สองเดือนกว่าแล้ว เราเพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี้เอง”

 

 

แววตาของถังโจวโจวดูเศร้าสลด ลั่วเซ่าเชินรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของเธอ “โจวโจว เราซื้อของเสร็จแล้ว กลับกันเถอะ”

 

 

“ค่ะ” ถังโจวโจวรีบก้าวออกมาจากความคิดของเธอในทันที หลังจากที่เธอและลั่วเซ่าเชินบอกลาคุณแม่เซียวและสวี่โยวแล้ว พวกเขาก็เดินไปยังจุดชำระเงิน

 

 

ลั่วเซ่าเชินโอบไหล่ถังโจวโจว “คุณไม่ต้องเสียใจไปนะ ถ้าเราพยายาม เราก็มีอีกคนได้”

 

 

“แต่ก็ไม่เหมือนกันนี่คะ ถึงจะมีอีกคน แต่เขาก็ไม่ใช่เด็กคนนั้น” แน่นอนว่าลั่วเซ่าเชินเข้าใจในสิ่งที่เธอพูด

 

 

เขาพูดเสริมว่า “แต่เราก็ต้องพยายามคิดในทางที่ดีไว้ แม้เขาจากเราไปแล้ว แต่เขาคงไม่อยากให้เราจมอยู่กับความทุกข์ในอดีตหรอก”

 

 

เมื่อได้คุยเรื่องลูกกับลั่วเซ่าเชินอีกครั้ง น้ำตาของถังโจวโจวก็เอ่อล้นขึ้นมา แต่หลังจากที่ลั่วเซ่าเชินปลอบเธอแล้ว เธอก็สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ “เอาเถอะค่ะ เราอย่าคุยกันเรื่องนี้เลย เรากลับกันเถอะค่ะ”

 

 

ลั่วเซ่าเชินลูบไหล่เธอเบาๆ ถังโจวโจวกลับมายิ้มได้อีกครั้ง พวกเขายืนอยู่ที่จุดชำระเงิน ลั่วเซ่าเชินเป็นคนที่หยิบบัตรเครดิตออกมา ถังโจวโจวก็ไม่ได้คิดที่จะจ่ายเงินอยู่แล้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็ถือของกลับไปที่รถและกลับบ้านด้วยกัน