วันนี้ถังโจวโจวได้รับโทรศัพท์จากหลินเหยาอย่างกะทันหัน เมื่อถังโจวโจวดูเวลา ตอนนี้ควรจะเป็นเวลาที่หลินเหยาทำงานอยู่สิ ทำไมจู่ๆ เธอถึงได้โทรมาล่ะ หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

 

 

ความคิดวูบหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในใจของถังโจวโจวถูกสลัดทิ้งไป เมื่อเธอกดรับสายอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล เหยาเหยา ว่ายังไง”

 

 

 “…โจวโจว เขากลับมาแล้ว” หลินเหยาพูดประโยคนี้ด้วยเสียงแผ่วเบา แต่ถังโจวโจวก็เข้าใจได้ทันที

 

 

 “เขา? …หลิวเหยียนเหรอ”

 

 

 “ใช่ เขากลับมาหาฉันแล้ว” น้ำเสียงของหลินเหยานั้นฟังดูไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน แน่นอนว่าถังโจวโจวเข้าใจความรู้สึกของเธอ ไม่ว่าจะเป็นแฟนเก่าของใครกลับมาก็ตาม ล้วนไม่ดีต่อความรู้สึกทั้งนั้น

 

 

 “เขาพูดอะไรกับเธอ” ถังโจวโจวเพียงแต่รู้สึกแปลกใจ เหยาเหยาเคยบอกว่าหลิวเหยียนคบกับผู้หญิงที่เป็นเศรษฐีใหม่ไปแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้กลับมายื้อความสัมพันธ์กับหลินเหยาอีกล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้อยู่ต่างประเทศอย่างมีความสุขไปแล้วหรือ กลับมาทำไมกัน?

 

 

“เขาบอกว่าเขาอยากกลับมาคืนดีกับฉัน โจวโจว ตอนนี้ในใจฉันสับสนมากเลย เธอออกมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม” หลินเหยาคิดไม่ถึงเลยว่าหลิวเหยียนจะกลับมา เพราะว่าก่อนหน้านี้เธอไม่มีความสุขที่จะคบกับเขาแล้วจึงต้องเลิกรากัน แต่หลิวเหยียนยังมีหน้ากลับมาหาเธอในตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

 

 

แม้ว่าปากของหลินเหยาจะพูดว่าไม่ใส่ใจ แต่ก็ยากจะเป็นไปได้ ความรู้สึกที่มีต่อคนคนหนึ่งมานานหลายปี จะมาบอกว่าปล่อยก็ปล่อยได้เลยอย่างนั้นหรือ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นหลินเหยาเองก็มีความคิดอยากจะแต่งงานกับหลิวเหยียนด้วย ใครจะไปรู้เล่าว่าเขาร่วมทุกข์กับเธอได้ แต่กลับแพ้ความร่ำรวยของผู้หญิงคนอื่นเสียนี่ หลินเหยาได้แต่เกลียดตัวเองที่มองคนผิด

 

 

 “เหยาเหยา ทำไมเขาถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขายังมีหน้ากลับมาหาเธออีก เธอคงไม่ได้ตอบรับอะไรเขาไปหรอกใช่ไหม” ดูเหมือนว่าถังโจวโจวจะโมโหมากกว่าหลินเหยาเสียอีก ต้องโทษหลิวเหยียนที่หน้าไม่อาย เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นรวยมาก เขาถึงทิ้งเหยาเหยาไป เธอเกลียดผู้ชายนิสัยแย่ๆ แบบนี้ที่สุดเลย

 

 

“โจวโจว เธอออกมาก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวฉันจะเล่าให้เธอฟังอย่างละเอียดเลย”

 

 

“ได้ ฉันจะรีบออกไป”

 

 

ถังโจวโจวมาถึงร้านกาแฟก็เห็นว่าหลินเหยานั่งอยู่ตรงที่นั่งริมหน้าต่าง เอาแต่เหม่อลอยมองออกไปข้างนอก ถังโจวโจวพบว่าหลังจากที่หลินเหยากลับมา เธอก็ไม่เคยเห็นหลินเหยาหมดอาลัยตายอยากแบบนี้มาก่อน เห็นอย่างนี้แล้ว ดูท่าหลินเหยาคงยังปล่อยวางไม่ได้จริงๆ

 

 

ถังโจวโจวก็เข้าใจ ความรู้สึกแบบนี้ใช่ว่าพูดแล้วจะทำได้เลย หลังจากถังโจวโจวนั่งลงแล้วก็สั่งเพียงน้ำร้อนแก้วหนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็มองเห็นว่าดวงตาของหลินเหยาแดงก่ำ

 

 

“เหยาเหยา เธอร้องไห้เหรอ!” ถังโจวโจวมองหลินเหยาด้วยความตกใจ ในสายตาของเธอหลินเหยาเป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวมาโดยตลอด อีกทั้งตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอและหลินเหยาก็สนิทกันมาก เธอไม่เคยเห็นหลินเหยาร้องไห้เลยสักครั้ง

 

 

หลินเหยารีบปาดน้ำตาออก “ไม่เป็นไร ฉันก็แค่นึกถึงอดีตน่ะ พอกลับมามองตัวเองตอนนี้ มีบางอย่างที่ไม่อยากจะเชื่อก็แค่นั้นเอง”

 

 

หลังจากที่หลินเหยาเลิกกับหลิวเหยียน หลินเหยาก็รู้ถึงความคิดในใจของเขา เธอกับเขาทั้งสองคนเกิดในครอบครัวธรรมดาๆ เมื่อต้องออกไปใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศ แน่นอนว่าย่อมไม่คุ้นชิน ต้องทำงานไปเรียนไป ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

 

 

แล้วในตอนนั้นหลินเหยากับหลิวเหยียนก็อยู่กันคนละที่ แต่หลินเหยาก็มักจะหาเวลามาหาหลิวเหยียนบ่อยๆ ขณะที่หลิวเหยียนในช่วงนั้นก็ถูกสาวบ้านรวยคนหนึ่งตามจีบอย่างบ้าคลั่ง

 

 

ตอนแรกหลิวเหยียนก็ไม่ได้ชอบพออะไรกับหญิงสาวคนนั้น แต่พอเวลาผ่านไปใจก็เริ่มเปลี่ยน เขาค่อยๆ ชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ หลิวเหยียนเริ่มมองเห็นข้อดีของเธอ ส่วนเธอทันทีที่รู้ว่าหลิวเหยียนต้องทำงานพาร์ทไทม์ตลอด และได้ค่าตอบแทนไม่มากสักเท่าไร เธอจึงฝากเขาเข้าทำงานที่บริษัทของตัวเองให้

 

 

รายได้ของหลิวเหยียนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้ชีวิตก็ไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อน รวมทั้งหญิงสาวก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าหลินเหยาไม่อยู่ข้างเขาตลอดเวลา เขาจึงเริ่มใจอ่อน ค่อยๆ ไปมาหาสู่กับหญิงสาวคนนั้นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ

 

 

แล้วเพียงแค่เมาครั้งเดียวก็ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เดิมทีหลิวเหยียนมองเธอเป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น แล้วเขายังปิดบังหลินเหยามาได้ตั้งนานอีกด้วย ดังนั้น หลินเหยาถึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติไป

 

 

การเมาในครั้งนั้น ทำให้หลิวเหยียนกับหญิงสาวคนนั้นเกิดความสัมพันธ์เกินเลยกันขึ้น เดิมทีเธอก็ไม่ได้เอ่ยปากขอให้เขารับผิดชอบอะไร แต่เป็นหลิวเหยียนเองที่รู้สึกละอายใจ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรับผิดชอบ

 

 

หลังจากนั้นหลินเหยาก็ได้รับรู้เรื่องนี้ ในตอนแรกหลินเหยาแทบไม่อยากจะเชื่อ สุดท้ายหลิวเหยียนก็ออกมายอมรับด้วยตัวเอง หลินเหยาจึงขอเลิก แต่หลิวเหยียนไม่ยอม ภายหลังหญิงสาวคนนั้นบอกว่าเธอท้องแล้ว นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หลิวเหยียนจำต้องเลิกกับหลินเหยา

 

 

ต่อมาเมื่อหลินเหยาเรียนจบ เธอก็ไม่ได้ติดตามข่าวคราวของหลิวเหยียนกับผู้หญิงคนนั้นอีกเลย หลังจากนั้นหลินเหยาก็กลับประเทศ จิตใจเธอสงบลงได้มาตั้งนาน แต่จู่ๆ หลิวเหยียนก็กลับมาหาเธออย่างนี้ หลินเหยาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธอกำลังเผชิญกับสถานการณ์แบบไหน

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ถังโจวโจวฟังหลินเหยาเล่าเรื่องของเธอกับหลิวเหยียนอย่างละเอียด ก่อนหน้านี้หลินเหยาเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงมาโดยตลอด ถังโจวโจวเองก็ไม่อยากบังคับ เมื่อฟังจบ ถังโจวโจวกับหลินเหยาต่างก็เงียบกันไปอยู่นาน

 

 

“เหยาเหยา เธออยากกลับไปคบกับเขาเหรอ แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ? เลิกกับเขาไปแล้วเหรอ” ถังโจวโจวคิดว่า ถ้าหากหญิงสาวคนนั้นรักหลิวเหยียนมาก คงไม่มีทางยอมง่ายๆ แน่ ไม่ใช่ว่าพวกเขามีลูกด้วยกันแล้วคนหนึ่งหรือ?

 

 

หลินเหยาส่ายหัว “ฉันไม่ได้ถาม และฉันก็ไม่อยากรู้ด้วย ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ” ในใจของหลินเหยาว้าวุ่นมาก เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะกลับไปคบกับหลิวเหยียนได้อย่างไร

 

 

เธอยังไม่สามารถข้ามผ่านอุปสรรคภายในใจไปได้ ถังโจวโจวเห็นว่าเธอกำลังสับสนถึงเพียงนี้ จึงเสนอความเห็นออกมา “เหยาเหยา เธอทำตามหัวใจตัวเองก็พอ ลองกลับไปติดต่อเขาดูก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็แค่ไม่ต้องสนใจเขาอีก เท่านี้ก็พอแล้ว”

 

 

หลินเหยาได้ยินถังโจวโจวพูดแบบนี้ก็หลุดยิ้มออกมา “โจวโจว ความหมายของเธอคือต้องการให้ฉันทดลองสินค้าก่อนอย่างนั้นเหรอ”

 

 

ถังโจวโจวเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดจาแปลกๆ “อ๊ะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ก็เธอไม่ได้บอกเองเหรอว่าเธอไม่รู้ว่าใจตัวเองกำลังคิดยังไง? ฉันก็เลยแนะนำให้เธอพิสูจน์กับความเป็นจริงเท่านั้นเอง ถ้าหากในใจของเธอยังลืมความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเขาในอดีตไม่ได้ หรือว่าเธอยังรักเขาอยู่ก็ตาม ถ้าอย่างนั้นเธอก็แค่ให้อภัยเรื่องในอดีตของเขาซะ”

 

 

 “แต่ฉันลืมการหักหลังของเขาในอดีตไม่ได้ เรื่องนั้นมันฝังอยู่ในใจฉัน ดึงเท่าไรก็ดึงไม่ออก พอไปโดนก็รู้สึกเจ็บอีก” หลินเหยาจับหน้าอกแสดงให้รับรู้ว่าเธอเจ็บสุดๆ

 

 

ถังโจวโจวเปลี่ยนไปนั่งข้างๆ เธอ แล้วก็กอดเธอเอาไว้ “เหยาเหยา เธออยากร้องก็ร้องเถอะ ร้องออกมาให้หมดเลยก็ได้นะ” ถังโจวโจวรู้ดีว่าในใจของหลินเหยาเจ็บปวด จึงทำได้แค่เพียงปลอบใจอยู่ข้างๆ เธอเท่านั้น

 

 

“โจวโจว ใจของฉันมันเจ็บปวดมากจริงๆ ฮือ… ฮือ… เขาจะกลับมาทำไม” ถังโจวโจวไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี เธอทำได้แค่ตบบ่าของหลินเหยาเพื่อปลอบประโลมเท่านั้น

 

 

หลังจากที่ร้องไห้อยู่นาน อารมณ์ของหลินเหยาก็สงบลงมาก “เหยาเหยา ตอนนี้เธอดีขึ้นมากแล้วใช่ไหม เธอไม่ต้องคิดมากแล้ว ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะนะ”

 

 

“ได้ ฉันเชื่อเธอ จะไม่คิดมากแล้ว คิดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น” ถึงแม้ว่าหลินเหยาจะไม่ได้ถามหลิวเหยียนถึงหญิงสาวคนนั้นว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน แต่เธอคิดว่า หล่อนไม่มีทางปล่อยหลิวเหยียนมาง่ายๆ แบบนี้แน่

 

 

ปีนั้นก็บอกว่าท้องแล้ว ถ้าหากเด็กคนนั้นยังอยู่ล่ะ ตอนนี้ก็คงอายุหนึ่งถึงสองขวบแล้วสิ แต่จากที่สังเกตดูหลิวเหยียนในครั้งนี้ ไม่เห็นเขาพูดถึงปัญหานี้เลย ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจปิดบังเอาไว้ หรือว่าเด็กคนนั้นไม่มีตัวตนอยู่ตั้งแต่แรกแล้วกันแน่?

 

 

จากนั้นถังโจวโจวก็ไปเป็นเพื่อนหลินเหยาทุกที่ ทั้งสองคนดื่มกินกันอย่างเพลิดเพลิน หลินเหยายังอยากให้ถังโจวโจวไปบาร์เป็นเพื่อน แต่ถังโจวโจวรีบปฏิเสธทันที ตอนนี้มีแค่พวกเธอที่เป็นผู้หญิงกันสองคน เธอกลัวว่าหากเธอกับหลินเหยาเข้าไปดื่มกันต่อในบาร์แล้ว เกิดเมามายจนควบคุมตัวเองกันไม่ได้ขึ้นมาจะทำอย่างไร

 

 

ถ้าหากพวกเธอดื่มกันอย่างบ้าคลั่งแล้วดันไปเจอคนไม่หวังดี ถึงเวลานั้นพวกเธอก็คงยากจะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ ดังนั้น ถังโจวโจวจึงปฏิเสธสุดกำลัง

 

 

หลินเหยาไม่มีกะจิตกะใจจะกลับไปทำงานอีก เธอจึงตรงกลับบ้านเสียเลย เมื่อเข้าห้องมาแล้วเธอก็ได้แต่มองห้องที่ว่างเปล่า จู่ๆ เธอก็คิดว่าหากมีใครสักคนมาร่วมใช้ชีวิตด้วยกัน ช่วยทำให้ห้องนี้มีชีวิตชีวามากขึ้นก็คงจะดี

 

 

หลังจากนั้นไม่กี่วัน หลิวเหยียนก็มาพบกับหลินเหยาอีกครั้ง พนักงานในสำนักพิมพ์ต่างให้ความสนใจเขามาก พูดได้เลยว่าที่หลิวเหยียนสามารถทำให้หญิงสาวบ้านรวยคนนั้นมาชอบพอเขาได้ ก็เพราะใบหน้านี้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมาก

 

 

อีกทั้งวันนี้หลิวเหยียนก็ใส่สูท ดูดีกว่าเมื่อก่อนมากจนผิดหูผิดตา อย่างน้อยหลินเหยาก็เคยเห็นเขาในสภาพที่ย่ำแย่ที่สุด เมื่อนึกเปรียบเทียบกับตอนนี้แล้ว ต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆ

 

 

หลินเหยาไม่อยากให้คนในสำนักพิมพ์นิตยสารนินทาเธอกับหลิวเหยียน ดังนั้น เมื่อหลิวเหยียนกำลังเดินเข้ามาในสำนักงานของเธอ เธอจึงพาเขาออกไปข้างนอก หลินเหยาเดินนำหน้า หลิวเหยียนเดินตามหลังอย่างเชื่อฟัง

 

 

พวกเขาไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟใกล้ๆ แห่งหนึ่ง เมื่อพนักงานเสิร์ฟกาแฟของพวกเขาเสร็จแล้ว หลินเหยาก็ถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “นายมีธุระอะไรกับฉัน”

 

 

หลิวเหยียนเห็นว่าหลินเหยายังคงเหมือนเมื่อก่อน กล้ารักและกล้าเกลียด การแสดงสีหน้าท่าทางก็ยังคงชัดเจนเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

หลิวเหยียนมองหลินเหยานิ่งๆ หลินเหยาเองก็สังเกตเห็นแววตาของเขา จู่ๆ ในใจของหลินเหยาก็เกิดความรู้สึกเกลียดชังขึ้นมา นี่เขาคิดจะทำอะไร มาแสดงให้เห็นว่าความรักที่ลึกซึ้งของเขาเป็นยังไงในตอนนี้อย่างนั้นหรือ?

 

 

“อาเหยา เรากลับมาคบกันเถอะ! ฉันเลิกกับเฉินซีไปแล้ว ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเฉินซีอีกแล้ว” หลิวเหยียนพูดอย่างจริงใจ แต่หลินเหยากลับรู้สึกว่าเขาน่ารังเกียจ

 

 

หลินเหยาคิดว่าหลิวเหยียนช่างน่าตลกสิ้นดี เพียงแค่เขาเลิกรากับผู้หญิงคนนั้น เธอก็ควรให้อภัยเขาง่ายๆ เลยอย่างนั้นหรือ? หลินเหยารู้สึกว่าเมื่อก่อนตัวเองเจ็บปวดจนทำให้เสียพลังใจไปมาก มาตอนนี้ถึงเพิ่งคิดได้ว่า ทำไมตอนนั้นเธอจะต้องเสียอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองเพื่อผู้ชายแบบนี้ด้วย

 

 

“หลิวเหยียน แล้วเธอยินยอมด้วยหรือเปล่า ทุกอย่างที่นายมีตอนนี้ ให้ฉันเดาก็คงเป็นสิ่งที่เธอให้นายหมดเลยสินะ? แล้วถ้านายเลิกกับเธอ อาชีพของนายจะไม่ได้รับผลกระทบไปด้วยเหรอ” หลินเหยาเพียงแค่เดาไปอย่างนั้นเอง แต่สีหน้าของหลิวเหยียนกลับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่หลินเหยาคาดคะเนนั้นเป็นเรื่องจริง

 

 

ความจริงแล้วหลิวเหยียนเป็นฝ่ายเดียวที่พูดเรื่องเลิกรากับสวีเฉินซี แต่สวีเฉินซีไม่ได้ยินยอมด้วยเลย เธอกับเขาทะเลาะกันอย่างหนัก หลิวเหยียนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาลืมรักเก่าไม่ได้ หรือเป็นเพราะเขาทนเธอไม่ไหวอีกต่อไปกันแน่ สุดท้ายก็ตัดสินใจแน่วแน่โดยเลือกเดินออกมาเอง

 

 

แต่ตอนนี้หลิวเหยียนก็ยังไม่ได้ออกจากบริษัทของตระกูลสวี แค่อ้างว่าถูกสำนักงานใหญ่ส่งมายังสาขาในประเทศในฐานะผู้จัดการทั่วไปเท่านั้น

 

 

“อาเหยา เธอวางใจได้ ตอนนี้ฉันสามารถอยู่คนเดียวได้แล้ว เธอสบายใจที่จะมาอยู่กับฉันได้เลย เฉินซีไม่มีทางมายุ่งวุ่นวายกับเธอได้อีกแล้ว” หลิวเหยียนทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นเหมือนว่าที่เขากับหลินเหยาต้องเลิกรากันนั้นเป็นเพราะสวีเฉินซีบังคับเขามาโดยตลอด

 

 

หลินเหยารู้สึกว่าหลิวเหยียนเปลี่ยนไป นับวันจะยิ่งเจ้าเล่ห์ขึ้นเรื่อยๆ “หลิวเหยียน นายเองก็เป็นลูกผู้ชาย นายกล้าทำทำไมถึงไม่กล้ารับล่ะ” หลินเหยารู้สึกว่าหลิวเหยียนเปลี่ยนไปจนเป็นคนที่เธอแทบไม่รู้จักแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าแท้จริงแล้วเป็นเธอที่เปลี่ยนไปหรือเขาเปลี่ยนไปกันแน่?

 

 

“อาเหยา เฉินซีต่างหากเป็นฝ่ายบังคับให้พวกเราต้องเลิกกัน ฉันไม่ได้พูดอะไรผิดเลยนะ” หลิวเหยียนพูดด้วยความมั่นใจ

 

 

หลินเหยากลับยิ่งคิดว่าเขาไร้ยางอายมากเหลือเกิน เรื่องที่ตัวเองเป็นคนทำกลับโยนความผิดไปให้ผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าหลินเหยาจะไม่ค่อยเต็มใจพูดแทนสวีเฉินซีสักเท่าไร แต่เธอไม่อาจยอมรับพฤติกรรมแบบนี้ของหลิวเหยียนได้มากกว่า นี่คือหมดประโยชน์แล้วก็เลยคิดจะทิ้งหล่อนอย่างนั้นหรือ?

 

 

“เอาเถอะ แม้ว่านายจะคิดว่ามันเป็นความผิดของเธอ แล้วลูกของนายล่ะ เรื่องนี้ฉันคงไม่ได้จำผิดหรอกนะ?”

 

 

หลิวเหยียนร้อนรนมากขึ้นไปอีก “อาเหยา ไม่มีเรื่องลูกอะไรนั่นเลย เฉินซีหลอกฉันมาตั้งแต่แรก ไม่มีเรื่องลูกอะไรทั้งนั้น”

 

 

หลิวเหยียนใช้เวลาไปตั้งนานหลายปีกว่าจะกลับมาหาหลิวเหยาได้ในตอนนี้ เพราะเขาอยากจะเปิดธุรกิจของตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยอิทธิพลของสวีเฉินซีอีก ตอนนี้เขาใกล้จะทำความฝันนั้นสำเร็จแล้ว ขณะเดียวกันความคิดถึงที่เขามีต่อหลินเหยาก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ แล้วก่อนหน้านี้เขาก็เพิ่งทะเลาะกับสวีเฉินซีมาอีก หลิวเหยียนจึงเดินทางกลับประเทศมาเลย