“หลิวเหยียน ระหว่างฉันกับนายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องคุยกันแล้วล่ะ แล้วไม่ว่านายจะมีหรือไม่มีลูก นายก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านายเคยทรยศฉัน ยิ่งตอนนี้นายเป็นคนเจ้าเล่ห์แบบนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง!” 

 

 

หลินเหยามองหลิวเหยียนเหมือนมองเห็นสิ่งสกปรก แล้วหลินเหยาก็เห็นว่าหลิวเหยียนกำลังโกรธ เธอเมินเฉยอย่างไม่สนใจ ทีแรกเธอคิดว่าหลิวเหยียนจะเดินออกไปเลยด้วยความฉุนเฉียว แต่คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ เขาจะยิ้มออกมา และยังนั่งอยู่ที่เดิมด้วย ดูท่าว่าหลายปีมานี้ความอดทนของเขาจะเพิ่มขึ้นมากเลย 

 

 

“เหยาเหยา ตอนนี้เธออาจจะยังโกรธอยู่ก็เลยไม่ได้คิดให้ดี แต่ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าเธอยังมีความรู้สึกดีๆ กับฉันอยู่” หลิวเหยียนพูดจบก็จากไป หลินเหยามองดูเงาจากด้านหลังเขา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงได้หลงไปกับภาพลวงตาของเขาได้ขนาดนี้กันนะ? 

 

 

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่หลิวเหยียนคนที่เธอรักมากคนนั้นอีกต่อไปแล้ว เขาอยู่ในสังคมที่ผ่านการทำงานหนัก ความคิดความอ่านเลยไม่เหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งเขายังไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงเชื่อมั่นว่าเธอยังคงรักเขาอยู่? 

 

 

ตอนแรกหัวใจของหลินเหยาก็ยังดูลังเล แต่เมื่อผ่านการสนทนาครั้งนี้กับหลิวเหยียนแล้ว ทำให้เธอตัดสินใจได้เด็ดขาด เธอไม่มีทางกลับไปกินหญ้าเน่าๆ ต้นนี้แน่นอน 

 

 

หลินเหยาเพิ่งจะกลับมาถึงสำนักพิมพ์นิตยสาร ก็มีพนักงานจากส่วนประชาสัมพันธ์คนหนึ่งเข้ามาบอกกับเธอว่ามีคนมาขอพบเธอ เธอแปลกใจมาก วันนี้เป็นวันอะไรกัน ทำไมถึงได้มีแต่คนอยากมาหาเธอ “ได้บอกไหมว่าเป็นใคร” 

 

 

“ไม่ได้บอกค่ะ เธอบอกแค่ว่ามาหาคุณ” 

 

 

หลินเหยาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ให้เธอเข้ามาได้” 

 

 

ประตูห้องของหลินเหยาถูกเปิดออกอีกครั้ง หญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาท่าทางดูดี แต่งตัวแฟชั่นทันสมัยเดินเข้ามาในห้องทำงานของเธอ หากเป็นเวลาปกติ หลินเหยาคงจะพูดทักทายอย่างเป็นกันเอง แต่ผู้หญิงคนนี้กลับโผล่มาในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะไม่ควร เธอไม่รีบไล่ออกไปก็ถือว่าใจดีมากแล้ว 

 

 

“หลินเหยา ไม่เจอกันนานเลยนะ” ผู้มาเยือนยิ้มพลางทักทายเธอ ใบหน้าแต่งด้วยเครื่องสำอางชั้นดีดูเนียนละมุน กลิ่นหอมอบอวลไปด้วยน้ำหอมของชาแนล 

 

 

“ใช่ ไม่เจอกันนานเลย สวีเฉินซี” 

 

 

‘ไม่ได้เจอกันมานานเท่าไรแล้วนะ? หนึ่งปี สองปี สามปี…’ หลินเหยาเคยคิดไว้ว่าชาตินี้คงไม่มีทางได้เจอสวีเฉินซีกับหลิวเหยียนอีก คิดไม่ถึงเลยจริงๆ สองคนนี้ตกลงกันมาก่อนหรืออย่างไร เดี๋ยวคนนี้คนนั้นก็มาหาเธอ? 

 

 

“เธอมาหาหลิวเหยียนใช่ไหม โทษทีนะ คงต้องทำให้เธอผิดหวังแล้วล่ะ เขาเพิ่งจะกลับไป” หลินเหยาหมุนปากกา นั่งอยู่บนเก้าอี้เบาะหนัง เธอมองตรงไปยังสวีเฉินซี รู้สึกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้คนตรงหน้าเธอไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด ดูเหมือนว่าจะไปกันได้ไม่เลวเลยกับหลิวเหยียน 

 

 

สวีเฉินซีเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่เหมาะสมอะไรออกมาเมื่อได้ยินชื่อของหลิวเหยียน เธอเพียงหัวเราะเบาๆ “หลินเหยา เธอเข้าใจผิดแล้ว วันนี้ฉันไม่ได้มาหาเขา ฉันตั้งใจมาหาเธอโดยเฉพาะ” 

 

 

“หาฉัน? ระหว่างเรามีอะไรต้องพูดกันด้วยเหรอ เรื่องพัวพันระหว่างพวกเราสามคนไม่ได้จบกันไปตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วเหรอ พวกคุณสองคนต่างก็มาหาฉัน ต้องการอะไรกันแน่” 

 

 

“เธอถือสาไหมถ้าฉันจะชวนเธอออกไปดื่มกับฉันสักแก้ว” สวีเฉินซีทัดผมที่หล่นลงมาไว้ข้างหู กระเป๋าหลุยส์สีขาวที่ถืออยู่ในมือก็โดดเด่นขึ้นมา 

 

 

หลินเหยานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในสำนักพิมพ์เริ่มวุ่นวายแปลกๆ ตอนแรกการมาของหลิวเหยียนก็ทำให้พนักงานข้างนอกอยากรู้อยากเห็นมากพอแล้ว ตอนนี้ยังมีสวีเฉินซีมาอีกคน พวกเธอจะยังทำงานกันต่อได้อยู่อีกไหม 

 

 

หลินเหยาหยิบเสื้อคลุมที่พาดอยู่บนเก้าอี้ “ไปกันเถอะ” 

 

 

สวีเฉินซีรู้ดีว่าหลินเหยาจะต้องตอบตกลง หลินเหยาไม่เปลี่ยนไปเลยในหลายปีที่ผ่านมานี้ ยังคงมีแววตาหยิ่งผยองเหมือนเดิม ในตอนนั้นเธอก็ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้นี่แหละ ถึงสามารถทำให้หลินเหยาเป็นฝ่ายขอเลิกกับหลิวเหยียนได้ 

 

 

หลินเหยามองไปยังสวีเฉินซีที่นั่งอยู่ตำแหน่งที่หลิวเหยียนเพิ่งจะนั่งไป จู่ๆ เธอก็รู้สึกเอือมระอา สองคนนี้เป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม มาหาฉันทีละคนสองคน เห็นอยู่ชัดๆ ว่าฉันกับหลิวเหยียนไม่ได้เกี่ยวข้องกันตั้งหลายปีแล้ว ทะเลาะกันเองแล้วกลับยังมาดึงฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยจนได้อีก! 

 

 

สวีเฉินซีดื่มกาแฟด้วยอารมณ์ที่ดูมีความสุขมาก แต่หลินเหยาไม่อยากเล่นสงครามประสาทกับเธอ “เธอพูดออกมาเถอะว่ามีธุระอะไรถึงมาหาฉัน” 

 

 

สวีเฉินซีส่งบัตรเชิญสีแดงให้หลินเหยา หลินเหยาสังหรณ์ใจเล็กน้อย “นี่เป็นบัตรเชิญงานหมั้นของฉันกับหลิวเหยียน เชิญเธอไปร่วมงานด้วยนะ” 

 

 

‘ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง’ หลินเหยามองสวีเฉินซี ‘เธอทำแบบนี้ต้องการอะไร แค่อยากจะมาอวดฉันเท่านั้นเหรอ’ 

 

 

“เธอไม่กลัวว่าฉันจะแย่งเขาคืนบ้างเหรอ” หลินเหยาเอียงหัวพลางถามกลับไป หลิวเหยียน คนหลอกลวง ยังกล้าดีมาบอกว่าจบกับสวีเฉินซีไปแล้ว ช่างไม่กลัวฟ้าผ่าเอาเสียเลย! 

 

 

“ถ้าคิดว่าแย่งไปได้ก็ลองดูสิ” สวีเฉินซีพูดอย่างมั่นใจ หากหลิวเหยียนยังอยากจะมีทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเช่นตอนนี้ เขาก็จำเป็นต้องแต่งงานกับเธอ แต่หากหลิวเหยียนไม่สนใจทั้งหมดนั่นแล้ว อย่างนั้นเธอก็คงไม่มีทางเลือก 

 

 

หลินเหยาสงสัยว่าจริงๆ แล้วสวีเฉินซีคิดอย่างไรกันแน่ เห็นๆ อยู่ว่าใจของผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ที่เธอ กลับยังอยากจะจัดงานแต่งงานกับเขาเพื่ออะไรกัน แล้วหลินเหยาก็พูดตามสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมา สวีเฉินซีหัวเราะขึ้นมาทันที 

 

 

“หลินเหยา ผู้ชายทุกคนบนโลกนี้ก็เหมือนกันหมด แล้วทำไมฉันจะไม่เลือกคนที่ฉันสามารถควบคุมได้ล่ะ หากวันหนึ่งพวกเราเกิดรักกันขึ้นมาได้จริงๆ นั่นก็ถือเป็นเรื่องดีที่สุด แต่หากมันเป็นไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ยังไงซะสมบัติตระกูลสวีหลังจากนี้ก็ต้องเป็นของฉันทั้งหมด หากหลิวเหยียนยังอยากได้ทุกอย่างก็แค่พึ่งฉันไปตลอดชีวิต” 

 

 

คำพูดนี้ของสวีเฉินซีช่างไร้เหตุผลเสียจริง ถ้าหากหลินเหยาไม่รู้จักเธอล่ะก็ คงจะลุกขึ้นปรบมือให้เธอแล้ว แต่หลินเหยาไม่เพียงแค่รู้จักเธอ ยังถูกเธอแย่งแฟนไปอีก จากเรื่องราวในวันนี้ทำให้หลินเหยารู้ได้เลยว่า แท้จริงแล้วบนโลกใบนี้ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ปกติ! 

 

 

“เอาเถอะ ฉันกับเธอมันอยู่กันคนละโลกอยู่แล้ว นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องอะไรอีกไหม” หลินเหยาถามตัดบท ในเมื่อยิ่งพูดคุยก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผล ฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันต่อแล้ว และเธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องส่วนตัวของสวีเฉินซี ผู้หญิงคนนี้จะรักหรือไม่รักใครก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอ 

 

 

สวีเฉินซีเข้าใจว่าหลินเหยายียวนเธอ ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเยียบเย็นขึ้นมา “หลินเหยา เธออย่าได้เชื่อคำพูดหลอกลวงของหลิวเหยียนเชียวนะ ถ้าหากเธอกับเขากลับมาคบกันอีกครั้ง ฉันจะไม่ทนพูดอย่างใจเย็นแบบนี้หรอก!” 

 

 

หลินเหยาไม่ได้สนใจท่าทางคุกคามของสวีเฉินซี “ถ้าฉันกลับไปคบกับเขา เธอจะทำอะไรฉันงั้นเหรอ สวีเฉินซี ฉันขอแนะนำนะ ถ้าเธออยากให้เขาสนใจ เธอก็ควรจะให้ใจกับผู้ชายคนนี้มากกว่านี้หน่อย ทำไมต้องเอาฉันเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ถ้าหากเขาไม่มีใจจะอยู่ตรงนี้จริงๆ ต่อให้ไม่ใช่ฉันก็เป็นคนอื่นอยู่ดี” 

 

 

แต่สวีเฉินซีกลับไม่คิดอย่างนั้น ตอนนี้คนที่อยู่ในหัวใจของหลิวเหยียนมีเพียงหลินเหยาคนเดียวเท่านั้น เขาไม่มีทางไปรักคนอื่นได้ และตราบใดที่หลินเหยายังคงเมินเฉยเขาอยู่ หลิวเหยียนก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ 

 

 

แม้ว่าสวีเฉินซีจะพูดต่อหน้าหลินเหยาราวกับไม่สนใจว่าหลิวเหยียนจะรักเธอหรือไม่ แต่จะมีผู้หญิงคนไหนกันที่ไม่อยากได้รับความรักจากสามี ใครอยากจะเป็นคนสองคนที่นอนร่วมเตียงแต่ฝันถึงคนต่างกัน สวีเฉินซีรู้แค่เพียงว่าเธอไม่สามารถบังคับหลิวเหยียนได้ มิเช่นนั้นเขาก็มีแต่จะรังเกียจเธอมากขึ้น 

 

 

“ฉันไม่สนผู้หญิงคนอื่นหรอก ฉันสนแค่เธอ หลินเหยา ฉันไม่ได้พูดเล่นๆ นะ ถ้าเธอพูดออกมาแล้วว่าไม่ขอเกี่ยวข้อง เธอก็ต้องทำให้ได้ อย่าบังคับให้ฉันต้องทำร้ายเธอเลย ไม่อย่างนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเผลอทำอะไรลงไปบ้าง” 

 

 

หลินเหยารู้สึกว่า สวีเฉินซีเริ่มบ้าไปแล้วจริงๆ หลิวเหยียนเป็นคนดีที่คู่ควรขนาดนั้นเชียวหรือ? 

 

 

“เธอวางใจได้ ฉันไม่มีทางกลับไปยุ่งกับเขาอีก อย่าเพิ่งรีบดีใจไปล่ะ นี่ไม่ใช่เพื่อเธอ เพียงแต่ฉันไม่อาจมองเขาเป็นคนเดิมได้แล้วก็เท่านั้นเอง ถือว่าเป็นโชคดีของเขาแล้วกันที่มีเธอที่รักเขามากขนาดนี้ ฉันก็ขออวยพรล่วงหน้าให้พวกเธอมีความสุขมากๆ นะ” 

 

 

หลินเหยาหยิบบัตรเชิญแล้วเดินไปยังประตูทางออกของร้านกาแฟ สวีเฉินซีเดินตามมาข้างหลังแล้วพูดว่า “หลินเหยา จำสิ่งที่เธอพูดในวันนี้ไว้ให้ดีล่ะ!” 

 

 

หลินเหยาโบกมือให้อย่างสง่างาม ผลักประตูกระจกแล้วเดินออกมา ข้างนอกลมหนาวกำลังพัดผ่าน ก่อนหน้านี้อยู่ข้างในยังไม่รู้สึก แต่เมื่อเดินออกมาข้างนอกแล้ว ลมหนาวอันเย็นยะเยือกก็เหมือนจะทะลุเข้าไปในเสื้อแบบฉับพลัน 

 

 

 

 

 

ถังโจวโจวที่เตรียมตัวลงไปทำขนมในห้องครัว เติมอาหารลงท้องตัวเองสักหน่อย ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดัง ตี๊ด! ถังโจวโจวเปิดดูข้อความนั้น สีหน้าของเธอพลันบึ้งตึงขึ้นมาทันที 

 

 

ถังโจวโจวกดโทรศัพท์โทรกลับไปอย่างไม่รอช้า อีกฝ่ายก็รับสายอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล หันฮุ่ยซิน?” 

 

 

“ถังโจวโจว ฉันเอง เห็นที่ฉันส่งไปให้เมื่อกี้นี้แล้วใช่ไหม” เสียงที่มาพร้อมรอยยิ้มของหันฮุ่ยซินดังก้องอยู่ในหูของถังโจวโจว 

 

 

ถังโจวโจวนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งเห็นเมื่อสักครู่ เธอไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอให้หันฮุ่ยซินรับรู้ เธอจึงตั้งใจถามกลับอย่างใจเย็นว่า “คุณต้องการอะไร” 

 

 

“ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากให้คุณได้รู้ความจริงบางอย่างก็เท่านั้นเอง!” น้ำเสียงหันฮุ่ยซินฟังดูมีความสุขมาก อาจเป็นเพราะว่าเธอสามารถทำให้ถังโจวโจวเสียใจได้สำเร็จ 

 

 

ถังโจวโจวไม่เข้าใจ “ถ้าเป็นรูปพวกนั้นที่คุณส่งมา ฉันไม่เชื่อหรอก” เธอไม่เชื่อว่าลั่วเซ่าเชินจะทำแบบนั้นกับเธอได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็อธิบายทุกอย่างหมดแล้วตั้งแต่แรก และเขาไม่ได้ทำอะไรเลย ถังโจวโจวเองก็เชื่อในตัวเขามาตลอด ถึงไม่เคยถามอะไรเขาอีก 

 

 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือหันฮุ่ยซินกลับทำให้เธอได้เห็นความจริงอย่างนี้ นี่เท่ากับตบหน้าเธอเลยใช่ไหม? 

 

 

“ถังโจวโจว ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะความจริงมันเป็นแบบนี้ อ้อ! นอกจากนี้ฉันยังมีอีกเรื่องที่อยากบอกคุณ …วันนั้นที่คุณแท้งลูกเป็นวันเดียวกับวันที่จัดงานเปิดสตูดิโอของฉันเอง” 

 

 

“คุณพูดว่าอะไรนะ” ถังโจวโจวยังยืนอยู่ที่เดิม แต่เหมือนตัวเองหลุดออกไปอยู่นอกโลก 

 

 

“ได้ยินไม่ชัดเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันจะพูดให้ฟังอีกรอบ ฉันพูดว่า วันนั้นอาเชินอยู่เป็นเพื่อนฉันตลอด จนกระทั่งคุณเกิดเรื่อง ฉันกับเขาถึงได้รีบไปโรงพยาบาลด้วยกัน” 

 

 

ทันใดนั้นถังโจวโจวก็เข้าใจทั้งหมดแล้ว มิน่าล่ะ ตอนนั้นที่เธอถามลั่วเซ่าเชินว่าอยู่ที่ไหน เขาเหมือนกำลังปิดบังอะไรอยู่ ได้แต่บอกปัดๆ เธอไป ตอนนี้มานึกดูแล้วก็คือเขาจงใจไม่ให้เธอรู้ความจริง! 

 

 

ถังโจวโจวนึกถึงลูกของตัวเองที่เสียไป เมื่อมาผนวกกับความจริงที่ว่าลั่วเซ่าเชินทำกับเธอแบบนี้ ตอนนี้ภายในใจเธอก็มีแต่จะเกลียดเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะไปคิดบัญชีกับเขา “หันฮุ่ยซิน แล้วคุณเอาเรื่องพวกนี้มาบอกฉันทำไม” 

 

 

“ถังโจวโจว ก็ในเมื่อคุณรู้แบบนี้แล้ว คุณยังอยากจะคบกับอาเชินอยู่อีกเหรอ” หันฮุ่ยซินไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว หลังจากที่ลั่วเซ่าเชินเสียลูกไป กี่ครั้งที่เธอบอกให้เขามาหา เขาก็ไม่เคยมาเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอพบว่า ทุกครั้งเขาก็รับปากเธอส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง 

 

 

หันฮุ่ยซินทนไม่ได้กับความเย็นชาแบบนี้ของลั่วเซ่าเชิน เมื่อเอาเรื่องคืนวันนั้นออกมาต่อรอง ในสายตาของลั่วเซ่าเชินก็เต็มไปด้วยความเสียใจ แต่ก็ยังไม่เต็มใจที่จะใส่ใจเธอมากขึ้นเลย หันฮุ่ยซินเห็นว่าวิธีนี้เริ่มไร้ประโยชน์ ทางที่ดีเธอต้องลงมือจากฝั่งของถังโจวโจวบ้างแล้ว 

 

 

“หันฮุ่ยซิน คุณคิดว่าถ้าฉันจะขอหย่า เซ่าเชินก็จะยอมหย่ากับฉันอย่างนั้นหรือ คุณคิดตื้นเกินไปมาก คนที่อยากแต่งงานกับฉันตั้งแต่แรกคือเซ่าเชินนะ ใช่ว่าฉันต้องการติดพันเขาจนไม่ยอมปล่อยเขาไปหรอก” 

 

 

หันฮุ่ยซินที่มองถังโจวโจวเป็นศัตรูหัวใจมาตลอดจึงต้องการทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามีดเล่มนั้นได้หวนกลับมาแทงเข้าในใจของตัวเธอเอง 

 

 

เธอคิดว่าคำพูดของถังโจวโจวช่างไร้สาระ หันฮุ่ยซินคิดไม่ถึงว่า การแต่งงานระหว่างลั่วเซ่าเชินกับถังโจวโจวนั้นแท้จริงแล้วเป็นความปรารถนาของลั่วเซ่าเชินเอง จะเป็นไปได้ยังไง เห็นกันอยู่ว่าคนที่อาเชินรักก็คือฉัน แล้วเขาจะเป็นฝ่ายขอถังโจวโจวแต่งงานได้ยังไง ฉันไม่เชื่อ! 

 

 

“ไม่จริง! ในใจของอาเชินมีแต่ฉันคนเดียวมาตลอด ขนาดตอนนั้นเขาเมาแล้ว ก็ยังเรียกแต่ชื่อของฉัน!” หันฮุ่ยซินจงใจพูดเพื่อให้ถังโจวโจวจิตใจปั่นป่วน ทั้งที่จริงแล้วคืนนั้นคนที่ลั่วเซ่าเชินละเมอเพ้อถึงไม่ใช่เธอ