“จื่อเฉิน นายจะสู้ชนะเธอได้ไหมเนี่ย” หลงเจี่ยเอ่ยเย้า
“น้าหลงครับ ผมเป็นคนอ่อนไหวนะครับ” โม่จื่อเฉินปกป้องเชียนหลานและแสร้งทำเป็นอ่อนแอทันที
“นายเป็นแค่อาจารย์ มาดูกันว่าจะหงอที่บ้านแค่ไหน” หลินเฉี่ยนว่าเสริม
“น้าหลินครับ แม้แต่น้ายังไม่ปล่อยให้ผมรอดไปได้เหรอครับ”
“พอได้แล้ว ลูกไม่ได้บอกว่าอยากจะพาเชียนหลานไปที่ห้องของลูกเหรอ ไปสิ เดี๋ยวเหยียนเอ๋อร์กลับมาแล้วแม่จะไปเรียกทีหลัง” ถังหนิงบอกกับโม่จื่อเฉิน
เขาพยักหน้ารับ แม่ของเขายังคงเยี่ยมยอดที่สุด หลังจากนั้นเขาจับมือเชียนหลานพาขึ้นไปห้องของเขาก่อนจะปิดประตู
“เป็นยังไงบ้างครับ
“คุณไม่รู้สึกเหมือนอยู่ในวงนินทาบ้างเหรอ” เขาเอ่ยขณะที่กอดเชียนหลานและกดจมูกเข้าหาเธอ
“เฮ้! เราอยู่ที่บ้านของครอบครัวคุณนะคะ” ซีกแก้มเชียนหลานขึ้นสีระเรื่อทันที
“เราเป็นผู้ใหญ่กันแล้วนะครับ มีอะไรที่พวกท่านไม่เข้าใจบ้างล่ะ” โม่จื่อเฉินบอกขณะจุมพิตริมฝีปากของเธอและค่อยๆ ละเลียดพวกมันอย่างแผ่วเบา
เชียนหลานไม่เคยจูบมาก่อน เธอเป็นมือสมัครเล่นตัวจริง ในขณะที่อีกฝ่ายหยอกเย้าเธอ เธอก็นึกหงุดหงิดขึ้นมาทันควัน “เมื่อก่อนคุณจูบผู้หญิงมาเยอะเหรอคะ ถึงได้เชี่ยวชาญขนาดนี้”
“คุณไม่รู้เหรอว่าผมผ่านผู้หญิงมามากแค่ไหนแล้ว เรื่องบางอย่างก็เป็นไปตามสัมชาติญาณน่ะครับ” โม่จื่อเฉินเอ่ยแจงด้วยน้ำเสียงแผ่วขณะที่โน้มกลับลงไปประกบจูบริมฝีปากของเธออย่างรักใคร่
ครั้งนี้เชียนหลานไม่อาจขัดขืนได้ เธอลงเอยบนเตียงก่อนที่จะรู้ตัวด้วยซ้ำ
“เฮ้ มันไม่เหมาะนะคะ…” เชียนหลานบอกพลางรั้งมือของเขาไว้
เขาปัดมือเธอออกและคว้าเอวของเธอไว้ ซบศีรษะลงบนลำคอของเธอราวกับพยายามฝืนความปรารถนาของตัวเอง “ถ้าเราอยู่ที่ห้อง ผมคงได้กินคุณไปแล้ว…”
“ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยจะได้ไม่ถูกจับได้เถอะค่ะ”
โม่จื่อเฉินไม่ได้เซ้าซี้ขณะที่ลุกขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีร่องรอยทิ้งไว้บนลำคอขาวของเชียนหลาน
เชียนหลานไม่ทันได้สังเกตมัน แต่ทุกคนที่เห็นต่างรู้ว่าที่มาของรอยนั้นคืออะไร
ไม่นานโม่จื่อเหยียนก็เลิกเรียนและกลับมาถึงบ้าน ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้านเธอก็วิ่งไปหาพี่สะใภ้ของตัวเอง ทว่าเมื่อเคาะประตูและเขาไปในห้องโม่จื่อเฉิน เธอก็จับได้ว่าทั้งคู่อยู่ในท่าทางที่ชวนประหม่า
ดูเหมือนโม่จื่อเหยียนจะเข้าใจบางอย่างพลางชี้ไปทางโม่จื่อเฉินก่อนเอ่ย “พี่รอง หนูไม่เคยรู้ว่าพี่จะผิดกับภาพลักษณ์ภายนอกขนาดนี้เลยนะคะ! ”
“เธออยากให้พี่เอานิยายรักของเธอให้พ่อดูไหม”
“หนูรู้ว่าพี่พยายามข่มขู่หนูอยู่นะ” โม่จื่อเหยียนฮึดฮัดก่อนจะหันไปสนใจเชียนหลาน
เมื่อมองชุดเครื่องแบบทหารแสนเท่บนตัวเชียนหลาน เธอพลันเข้าใจว่าทำไมพี่ชายคนโตของเธอถึงชอบเป็นทหารขึ้นมา “พี่คะ หนูลองใส่ชุดเครื่องแบบได้ไหมคะ”
“จื่อเหยียน” โม่จื่อเฉินออกปากเตือน
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่มีชุดดีๆ ที่ฐานทัพอีกชุด ถ้าเธอชอบพี่จะให้คนเอามาให้พรุ่งนี้แล้วกันนะ”
หลังได้ยินคำตอบของเชียนหลาน โม่จื่อเหยียนยกนิ้วชื่นชมให้โม่จื่อเฉิน “พี่สะใภ้เยี่ยมไปเลยค่ะ! ในเมื่อหนูยอมรับของขวัญของพี่มาแล้วหนูก็จะไม่ทำให้พี่ลำบากค่ะ พ่อกลับมาแล้ว ทำไมพี่ไม่รีบลงไปข้างล่างล่ะคะ”
โม่จื่อเฉินพยักหน้าและพยักพเยิดคางบอกให้โม่จื่อเหยียนออกไป
โม่จื่อเหยียนแลบลิ้นให้และรีบหันออกไปทันที
เมื่อเห็นดังนั้น เชียนหลานอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “น้องสาวของคุณน่ารักจริงๆ นะคะ”
“ตอนนี้เธอเรียนปริญญาเอกอยู่ครับ” โม่จื่อเฉินหัวเราะ “ไปเจอพ่อของผมชั้นล่างกันเถอะครับ”
“โอเคค่ะ” เชียนหลานพยักหน้า แม้เธอจะกลัวคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนายใหญ่แห่งวงการบันเทิงอยู่บ้าง
ถึงโม่ถิงจะออกสื่ออยู่บ่อยครั้ง แต่การได้เจอเขาตัวจริงก็ทำให้เชียนหลานหวาดกลัว
โม่ถิงรักษารูปลักษณ์ภายนอกไว้ได้ดี แม้ว่าเขาจะอายุปาเข้าไปสี่สิบกว่าแล้วก็ตาม ดูท่าว่ากาลเวลาจะใจดีกับเขาและภรรยามาก บางทีอาจเป็นเพราะความรักของพวกเขา พวกเขาถึงได้รับการบำรุงที่ดีที่สุดในทุกๆ วัน
ขณะที่ทั้งคู่เดินลงมาชั้นล่าง พวกเขาพบว่าโม่ถิงได้นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว
โม่จื่อเฉินจับมือเชียนหลาน และพาเธอไปหาพ่อตัวเองก่อนเอ่ยสั้นๆ “พ่อครับ นี่เชียนหลานครับ”
โม่ถิงเหลือบมองเธอก่อนพยักหน้ารับ “ดี”
เชียนหลานไม่กล้าสบตาโม่ถิงตรงๆ เพราะความน่ายำเกรงที่มากเกินไปของเขา ว่าแต่ ดี ของเขาหมายถึงอะไรกันล่ะ
คนนอกอาจไม่เข้าใจ แต่ถังหนิงกับคนอื่นๆ เห็นชัดว่าโม่ถิงกำลังพูดถึงเรื่องที่ถังหนิงไม่ต้องเป็นห่วง โม่จื่อเฉินอีก เพราะมีใครบางคนมาทำหน้าที่แทนเธอแล้ว
“พอได้แล้วค่ะ นี่เป็นแค่การเจอกันแบบเป็นกันเองนะคะ ไม่จำเป็นต้องจริงจังขนาดนั้นสักหน่อย ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ” ถังหนิงว่าขณะที่ก้าวออกมาจากในครัว ในตอนนี้เองที่เชียนหลานเห็นว่าสายตาของถัง
หนิงที่มองโม่ถิงนั้นอ่อนโยนเป็นพิเศษ
หลังจากทุกคนนั่งลงที่โต๊ะอาหาร ถังหนิงเข้าไปหาโม่ถิง ช่วยเขาถอดเสื้อแจ็กเกตก่อนรับกระเป๋าเอกสารของเขาไป
“คุณยังปวดคออยู่ไหมคะ”
“ครับ” โม่ถิงตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคืนนี้ฉันนวดให้นะคะ”
โม่ถิงพยักหน้าและจุมพิตที่ศีรษะภรรยาตัวเองในระหว่างที่ไม่มีใครเห็น
เชียนหลานไม่เคยเห็นคู่รักที่รักกันลึกซึ้งขนาดนี้ ราวกับว่าพวกเขาอายุยังน้อยและเพิ่งเจอกัน
“มองอะไรของคุณ” โม่จื่อเฉินถามพลางบีบจมูกของเชียนหลาน
“ความรักระหว่างพ่อแม่ของคุณเป็นอย่างที่ร่ำลือกันเลยค่ะ”
“ตลอดหลายปีมานี้ พวกท่านก็แทบจะตัวติดกัน ไม่มีใครห่างกันไปไหนหรอกครับ”
“ฉันชื่นชมพวกท่านนะคะ” เชียนหลานส่งยิ้มให้โม่จื่อเฉิน
“ผมเองก็อยู่ข้างๆ คุณไงครับ…” โม่จื่อเฉินว่าขึ้นเบาๆ
ตอนนี้เองที่อยู่ๆ หลงเจี่ยก็ถอนหายใจออกมา “ถ้าจื่อซีอยู่ที่นี่ด้วยก็คงดี ครอบครัวคงได้อยู่พร้อมหน้ากับเขาที่นี่”
“ช่างเถอะค่ะ ตำแหน่งของพี่ใหญ่ในกองทัพยุ่งแทบบ้า หนูไม่หวังให้พี่เขากลับมาหรอกค่ะ” โม่จื่อ
เหยียนโวยวาย “ว่าแต่ตอนนี้พี่รองมีภรรยาแล้ว เมื่อไหร่พี่ใหญ่จะมีบ้างล่ะคะ”
คืนนั้นเชียนหลานนั่งอยู่ท่ามกลางทุกคนและได้สัมผัสกับความอบอุ่นของตระกูลโม่ โม่ถิงเข้มงวดหากแต่เธอก็ชอบคุณพ่อสามีเช่นนี้อย่างไม่น่าเชื่อ
ทั้งคู่กลับมาถึงห้องในเวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้ว เดิมทีเชียนหลานว่าจะเข้านอนหลังจากอาบน้ำเสร็จ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อโม่จื่อเฉินช้อนตัวเธอไว้ในอ้อมแขนทันทีที่ก้าวผ่านประตูเข้ามาและอุ้มเธอตรงเข้ามาในห้องนอน “ผมบอกคุณก่อนหน้านี้แล้วว่าจะกินคุณที่บ้านไงครับ…”
“แต่ฉันยังไม่พร้อมเลยนะคะ” เชียนหลานขัดขืนเล็กน้อย
“คุณอยากให้ผมรอไปอีกนานแค่ไหนล่ะครับ” โม่จื่อเฉินถามเธออย่างจริงจัง
ใจของเธออ่อนยวบก่อนจะเลิกฝืนในทันใด
ทว่าเมื่อเขาวางเธอลงบนเตียง เธอก็อยากจะร้องไห้ออกมา เธอทั้งคาดหวังและกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น…
ในเมื่อเธอตกลงปลงใจกับเขาแล้ว เธอจึงรู้สึกคาดหวังมากกว่า…
บางอย่างที่ต้องเกิดขึ้น จะช้าจะเร็วก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี…