มือคู่อบอุ่นไล้ผ่านหน้าท้องเชียนหลานก่อนเธอจะร่างกายอ่อนยวบ
“จื่อเฉิน…”
“ผ่อนคลายครับ ผมไม่รังแกคุณหรอก” โม่จื่อเฉินพึมพำข้างหูเธอ
เชียนหลานหลับตาและค่อยๆ ผ่อนคลายลง จังหวะนี้เองที่เขาผละออกไปถอดเสื้อตัวเอง
เธอลืมตาขึ้นเห็นรูปร่างแข็งแกร่งโม่จื่อเฉิน เธอทึ่งไปไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาร่วมเตียงด้วยกัน เธอก็ไม่เคยเห็นร่างกายของเขาชัดๆ สักครั้ง
ที่แท้เขาก็แค่ดูอ่อนแอ แต่เมื่อถอดเสื้อผ้าออก จริงๆ แล้วเขาก็แข็งแรงมาก
แน่นอนว่ารอยแผลเป็นบนร่างของเขาทำให้เชียนหลานปวดใจ
ไม่นานเขาก็โน้มกายเหนือตัวเธออีกครั้ง เชียนหลานมองรอยแผลเป็นบนแผ่นอกและไล้มือผ่านมันไปอย่างแผ่วเบา “เจ็บมากไหมคะ”
แววตาของโม่จื่อเฉินค่อยๆ ทอประกายเร้นลับ ไม่นานเขาก็ทนไม่ไหวและเริ่มละเลียดชิมริมฝีปากของเธอ อ่อนโยนราวกับพยายามดื่มด่ำรสชาติของเธอ
เชียนหลานเพิ่งทานของหวานเสร็จ รสชาติเนยหวานฉ่ำยังติดอยู่กับเธอ
เขาปล่อยใจตามต้องการไปครู่หนึ่งพร้อมกับอุณหภูมิของคู่รักที่เริ่มระอุขึ้น…
เชียนหลานหลุดเสียงครางที่โม่จื่อเฉินพบว่ามันทั้งน่าหลงใหลและยั่วเย้าออกมาเบาๆ
“เชียนหลาน…ผมทนไม่ไหวแล้วครับ”
เธอสบตาเขาอย่างงุนงง แววตาอ่อนโยนราวกับสายน้ำของเขา ตอนนั้นเองที่ทั้งคู่โอบกอดกันและกันแน่น ก่อนจุมพิตที่นุ่มนวลของพวกเขาจะกลับกลายเป็นร้อนเร่า
ในค่ำคืนแสนหวานอันอบอุ่น โม่จื่อเฉินไม่ทนอีกต่อไปขณะที่ปลดเปลื้องทุกความยับยั้งชั่งใจ ก่อนก้าวล่วงเข้าไปในส่วนต้องห้ามของเธอ
มันเป็นบางสิ่งที่ชวนให้ยิ่งปรารถนา
เดิมทีเชียนหลานคิดว่าเขาคงผละออกไปหลังจากจบไปรอบหนึ่งด้วยมันเป็นครั้งแรกของเขา หากแต่ดูท่าแล้วเขาคงไม่คิดหยุดแต่อย่างใดขณะที่มีแต่เรียกร้องมากขึ้นกระทั่งเธอหมดซึ่งเรี่ยวแรง
เขาไม่เคยรู้ว่าการแนบชิดกับคนที่เขารักจะชวนให้ติดใจขนาดนี้ ไม่แปลกที่ผู้คนจะคลั่งไคล้มันนัก
ค่ำคืนนั้นยาวนานแต่กลับรู้สึกสั้นนัก โม่จื่อเฉินรู้สึกว่าตัวเองยังไม่เต็มอิ่มแต่เขาไม่อาจทรมานเชียนหลานต่อไปได้ เพราะแผลบนหลังของเธอยังไม่หายดีนัก
ทั้งคู่ผล็อยหลับไปในท้ายที่สุดขณะโอบกอดกันไว้
…
เช้าวันต่อมา เชียนหลานตื่นขึ้นเหมือนอย่างเคย หากแต่วันนี้ไม่เพียงแต่จะมีชายคนหนึ่งกอดเธอจากด้านหลัง ส่วนหนึ่งของร่างกายเขายัง…
ใบหน้าของเธอขึ้นสีระเรื่อพลางพยายามลุกออกจากเตียง ทว่าโม่จื่อเฉินรั้งเธอกลับมา “อยู่กับผมอีกนิดนะครับ”
“ขอฉันไปอาบน้ำนิดนึงนะคะ” เธอตอบ “นอนคนเดียวไปก่อนค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น โม่จื่อเฉินพลิกตัวขึ้นมาและตรึงเชียนหลานไว้ใต้ร่าง “คุณจะไปไหนครับ”
“ถ้าคุณทำอย่างนี้ คุณก็ต้องอดทนสักหน่อยนะคะ ฉันปวดตัวไปหมดแล้ว”
“คุณควรจะชดเชยกับห้าปีที่ผ่านมาไม่ใช่เหรอครับ” โม่จื่อเฉินบอกขณะสนุกกับท่าทีตกใจของเธอ “มันผ่านไปแค่คืนเดียวเองนะครับ”
“แต่ว่า…ฉันเหนื่อยมากจริงๆ นะคะ” เชียนหลานว่าขึ้น “ต่อกันวันอื่นเถอะนะคะ”
เขาไม่ได้ฝืนใจเธอ กลับพลิกผ้าห่มออกและลุกออกจากเตียง ขณะที่เธอมองเขาเดินเปลือยเปล่าไปที่ห้องน้ำ เขาทำตัวปกติขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
เมื่อคิดเช่นนั้น เชียนหลานก็นึกโกรธขึ้นมาบ้าง แต่ในจังหวะที่กำลังจะลุกตามเขาไป เธอก็พบว่าตัวเองไม่อาจยืนได้ด้วยตัวเอง
เธอไม่มีทางเลือกนอกจากเรียกเขากลับมา “เฮ้คุณ…มาอุ้มฉันหน่อยสิคะ ฉันขยับตัวไม่ได้ค่ะ”
โม่จื่อเฉินเดินออกมาจากห้องน้ำและอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน แต่หลังจากที่เข้ามาในห้องน้ำเขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอลง “ถ้าคุณเรียกผมว่าคุณสามี ผมถึงจะปล่อยคุณลง”
“โม่จื่อเฉิน ปกติคุณไม่เป็นอย่างนี้นี่คะ” เชียนหลานโวยวาย
“ถ้าคุณไม่ทำงั้นก็ต้องอยู่ในอ้อมแขนผมครับ”
เชียนหลานดิ้นแม้จะกลัวว่าตัวเองจะตกจากวงแขนของเขา หลังขัดขืนอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดเธอก็ออกปากเรียกเขา “คุณสามีคะ”
โม่จื่อเฉินเลิกแกล้งเธอด้วยรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องหยุด เขาวางเธอลงในอ่างอาบน้ำอุ่นเธอจะได้คลายความเหนื่อยล้า
เชียนหลานผ่อนลมหายใจอย่างพึงพอใจขณะที่นอนสบายตัวในอ่างอาบน้ำ เธออยู่ในนั้นอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะลุกขึ้น ตอนนั้นโม่จื่อเฉินเองอาบน้ำในห้องนอนแขกเสร็จแล้วและเตรียมอาหารเช้าไว้
เชียนหลานนั่งลงที่ทานข้าว โม่จื่อเฉินส่งแก้วนมให้เธอ “เมื่อไหร่คุณจะยื่นเอกสารขออนุญาตแต่งานกับทางกองทัพครับ”
“กลับไปเมื่อไหร่จะยื่นทันทีค่ะ” เธอตอบ
“เชียนหลาน ผมบอกคุณไปแล้วนะว่าเราอาจจะไม่มีงานแต่งงานกันด้วยซ้ำ” โม่จื่อเฉินบอกด้วยความจริงจัง “เพราะผมเปิดเผยตัวกับสาธารณะไม่ได้และมีบางคนที่ใช้คุณเป็นเครื่องมือข่มขู่”
“ฉันเข้าใจค่ะ” เชียนหลานระบายยิ้ม “เราจะแค่แต่งงานและเซ็นเอกสารกันค่ะ แค่คุณปฏิบัติกับฉันเป็นภรรยาของคุณฉันก็เป็นภรรยาของคุณค่ะ”
โม่จื่อเฉินบีบแก้มเธออย่างรู้สึกผิดก่อนพยักหน้า “พอเรื่องของครอบครัวคุณคลี่คลาย เราจะแต่งงานกันทันทีครับ”
ถังหนิงกำลังจัดการกับตระกูลเชียนตามที่รับปากไว้
ดังนั้นเพื่อช่วยลูกชาย ถังหนิงปรากฏตัวที่บ้านตระกูลเชียนในไม่กี่วันให้หลังพร้อมบอดีการ์ดของเธอ
เชียนฮุ่ยแสนเกียจคร้านถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นคนดังที่หน้าประตู
“แม่คะ หนูฝันไปหรือเปล่า ถังหนิงจริงๆ เหรอคะ”
“สวัสดีค่ะ คุณนายเชียนและคุณเชียน” ถังหนิงสุภาพอย่างเคย เธอไม่ได้ทำตัวเหมือนคนดัง แต่ท่าทีของเธอก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะรับมือได้
“สวัสดีค่ะ…” คุณนายเชียนตอบกลับทันที
“ฉันมาที่นี่เพราะลูกชายของฉัน โม่จื่อเฉิน และการแต่งงานของเขากับเชียนหลานค่ะ”
เมื่อเชียนฮุ่ยได้ยินเช่นนี้เธอก็อึ้งไปเล็กน้อย เธอนึกไม่ถึงว่าตระกูลโม่จะเห็นว่าการแต่งงานของโม่จื่อเฉินกับเชียนหลานสำคัญขนาดนี้
ตอนนี้ตระกูลมาถึงที่นี่เพื่อสู่ขอเชียนหลานอย่างเป็นทางการ บางทีเธออาจเกาะพวกเขาสักหน่อยและได้ชีวิตคุณหนูคืนมา
“คุณโม่ คุณเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ” คุณนายเชียนเอ่ย “วันนี้ไม่ว่าคุณจะมาคุยเรื่องการแต่งงานหรือไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่จื่อเฉินดูแลเชียนหลานให้ดีค่ะ”
“เราไม่มีมารยาทไม่ได้หรอกค่ะ คุณเชียนอยู่บ้านไหมคะ”
“เขาออกไปข้างนอกค่ะ” คุณนายเชียนตอบ
ถังหนิงระบายยิ้ม อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ตั้งใจอยู่รอคุณพ่อเชียน เธอจึงยื่นซองออกมายื่นให้สองแม่ลูก
“ฉันคุยกับคนที่จัดงานแต่งมาก่อน พวกเขาบอกว่านี่เป็นวิธีที่เหมาะสมในการให้ของขวัญรับหมั้น ฉันเลยเอานี่มาให้ค่ะ”
เมื่อเห็นซอง เชียนฮุ่ยยื่นมือไปรับทันที ทว่าคุณนายเชียนรีบห้ามเธอไว้
“ทำอะไรของลูก นั่นของน้องสาวลูกนะ…”
“เชียนหลานกำลังจะแต่งงานเข้าตระกูลมีฐานะอยู่แล้ว ถ้าหนูขอสักหน่อยจะเป็นอะไรไปล่ะคะ”