ตอนที่ 592

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ร่มหมื่นตาข่าย

“น้องชาย!” ต้าเถี่ยโถวรีบคลานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันรีบพุ่งไปหลบด้านหลังหลิงฮันและกล่าวกับเฝิงเหว่ยฉีอย่างอวดดี “พบหัวหน้าของข้าแล้วยังไม่รีบคุกเข่าลงอีกรึ?”

ชายผู้นี้ช่างเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก

เฝิงเหว่ยฉีแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ต้าเถี่ยโถวที่มักจะกล่าวประจบประแจงมันเป็นประจำกลับกล้าพูดจากับมันเช่นนี้? เฝิงเหว่ยฉีจ้องไปยังหลิงฮันและแสยะยิ้ม “ต้าเถี่ยโถว เจ้ากินอะไรผิดสําแดงเข้าไปรึเปล่าถึงได้ไปอยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้าหนูโสโครกเช่นนั้น?”

“ไร้สาระ หลิงฮันไม่ได้โสโครกซะหน่อย!” ฮูหนิวตะโกนและชี้ไปยังเฝิงเหว่ยฉี

“ใช่แล้ว ฮันฮันไม่โสโครกเลยสักนิด!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพูดโพล่งขึ้นมาพร้อมกับดมตัวหลิงฮันเพื่อพิสูจน์

“น้องชาย หมอนั่นกล้าพูดจาดูถูกเจ้า สังหารมันเลย!” ต้าเถี่ยโถวพูดยั่วยุ เหตุผลที่มันย้ายฝั่งก็เพราะมีเพียงการตายของเฝิงเหว่ยฉีเท่านั้นถึงจะทำให้มันมีชีวิตรอดต่อไปได้ แม้จะต้องหักหลังหัวหน้าของตัวเองมันก็ยอม

หลิงฮันยิ้มและพูด “ตกลง งั้นเจ้าลุยก่อนเลย!”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘เจ้าลุยก่อนเลย’ ต้าเถี่ยโถวก็ยิ้มแห้งและกล่าว “น้องชาย ข้าทำไม่ได้!”

“เป็นบุรุษทั้งคน เจ้ากล้าพูดว่าทำไม่ได้ได้อย่างไร?” หลิงฮันกล่าว

“น้องชาย ข้าไม่ใช่บุรุษ!” ต้าเถี่ยโถวพูดอย่างไร้ยางอาย มันยอมถูกหลิงฮันตัดส่วนสงวนดีกว่าที่จะต้องไปสู้กับเฝิงเหว่ยฉี

“รีบๆไปสู้ซะ!” หลิงฮันเตะต้าเถี่ยโถวกระเด็นไปยังทิศทางของเฝิงเหว่ยฉี

“แส่หาความตาย!” เฝิงเหว่ยฉีพูดอย่างเย้นชา มันนำกระบี่โลหิตสีชาดเล่มใหญ่ออกมาและแทงเข้าใส่ต้าเถี่ยโถว ขณะที่มันแทงกระบี่ออกไป ปราณกระบี่เก้าเล่มได้ปรากฏออกมา แสดงให้เห็นว่ามันมีศักยะภาพในวิถีกระบี่มากขนาดไหน

“ช่วยด้วย!” ต้าเถี่ยโถวกรีดร้องในขณะที่เห็นปราณกระบี่พุ่งเข้ามา

ต้าเถี่ยโถวมีพลังบ่มเพาะระดับบุปผาผลิบานขั้นสอง ในขณะที่เฝิงเหว่ยฉีมีพลังบ่มเพาะระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้า แถมมันยังไม่ใช่อัจฉริยะอีกด้วย ด้วยพลังต่อสู้ของมันแล้ว มันจะต้านทานการโจมตีของเฝิงเหว่ยฉีได้อย่างไร? เพียงแค่ถูกปราณกระบี่สองเล่มเข้าปะทะ โลหิตของมันก็สาดกระจายและกระเด็นลอยมาตกอยู่ตรงเท้าหลิงฮัน

“นี่เจ้าจะกลับมาทำไม ไม่ใช่ข้าบอกให้ไปจัดการหมอนั่นหรอกรึ?” หลิงฮันหัวเราะและเตะต้าเถี่ยโถวให้กระเด็นอีกครั้ง

ต้าเถี่ยโถวกระอักเลือดออกมา ครั้งนี้มันกอดรัดขาของหลิงฮันเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ร่างลอยกระเด็น “น้องชาย อย่าทำกับข้าเช่นนี้!”

“กอดรัดแน่นขนาดนั้น ดูเหมือนเจ้าจะยังมีพลังเหลืออยู่สินะ” หลิงฮันเตะต้าเถี่ยโถวกระเด็นออกไปอีกครั้งโดยไม่รู้สึกสงสารแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าจนถึงตอนนี้มีกี่คนแล้วที่ถูกมันสังหารไปและร้องขอความเมตตาแบบมันในตอนนี้

“หัวหน้า ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้ว!” ต้าเถี่ยโถวเปลี่ยนฝ่ายอีกครั้งและคุกเข่าต่อหน้าเฝิงเหว่ยฉี “หัวหน้า เจ้าหนูนั่นขู่ว่าจะตัดความเป็นชายของข้าทิ้ง ข้าจึงต้องทรยศหัวหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

เฝิงเหว่ยฉีนั้นผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วนและได้พบเห็นคนไร้ยางอายมามากมาย แต่ไม่มีใครเลยที่ไร้ยางอายเท่ากับต้าเถี่ยโถว เฝิงเหว่ยฉีแสยะยิ้มและพูด “ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงไปสังหารเจ้าหนูนั่นซะ ข้อหาที่มันบังอาจข่มขู่เจ้าเช่นนั้น”

“เอ่อ…” ต้าเถี่ยโถวไม่รู้จะทำอย่างไรดี ไม่ว่าใครก็คิดจะใช้มันเป็นผู้เปิดศึก

“ไม่ไปสู้รึ?” เฝิงเหว่ยฉีกำกระบี่ในมือแน่น

“ไป ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” ต้าเถี่ยโถวรีบลุกขึ้นและหันหน้าไปทางหลิงฮัน ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยน้ำตา มันเดินเข้าหาหลิงฮันและกล่าว “น้องชาย… หัวหน้า… พวกเรามานั่งดื่มน้ำชาแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับวิถีวรยุทธด้วยกันดีหรือไม่?”

“หายไปซะ!” เฝิงเหว่ยฉีอดทนต่อไปไม่ไหวและมันแทงกระบี่ออกไป ‘ฉัวะ’ ร่างของต้าเถี่ยโถวถูกแยกออกเป็นสองส่วนทันที จากนั้นเฝิงเหว่ยฉีก็หันมองหลิงฮันด้วยแววตาที่เย็นชา “ถ้าเข้ามาที่นี่แล้วก็อย่างคิดว่าจะได้กลับออกไป”

“งั้นรึ?” หลิงฮันยิ้มและหันไปมองรอบๆ “ที่นี่คือที่ไหนกัน?”

“จะตายอยู่แล้วยังอยากรู้อีกรึ?” เฝิงเหว่ยฉีพูดอย่างเย็นชาและนำร่มขนาดเล็กที่ดูประณีตและงดงามออกมา เมื่อเฝิงเหว่ยฉีโยนร่มขึ้นไปบนฟ้า ตัวร่มก็กางออกมาเองและเริ่มขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ในเมื่อข้าจะตายอยู่แล้ว ให้ข้ารู้สักหน่อยจะเป็นอะไรไป?” หลิงฮันยิ้ม

“มีคำกล่าวว่าคนตายไม่จำเป็นต้องรู้เยอะ!” เฝิงเหว่ยฉีคำราม ทันใดนั้นร่มที่ลอยอยู่ก็ปลดปล่อยอำนาจลึกลับออกมา สภาพของชั้นบรรยากาศโดยรอบได้เปลี่ยนไปทันที

“อะไรกัน?” หลิงฮันตกตะลึง เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณแห่งธาตุทั้งห้าได้

“ฮ่าๆๆ เจ้ารู้สึกผิดปกติแล้วสินะ?” เฝิงเหว่ยฉีหัวเราะ “นี่คือร่มหมื่นตาข่ายที่ตกทอดมาจากยุคบรรพกาล มันสามารถปกคลุมท้องฟ้าและปิดผนึกพลังวิญญาณแห่งธาตุทั้งห้าได้!”

ที่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานแข็งแกร่งก็เป็นเพราะพวกเขาสามารถชักนำพลังของสวรรค์และปฐพีมาเสริมอำนาจให้กับตนเองได้ พลังวิญญาณที่หยิบยืมมาจะทำให้พลังโจมตีของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นหลายร้อยเท่า แต่ตอนนี้ธาตุทั้งห้าได้ถูกร่มหมื่นตาข่ายปิดผนึกเอาไว้แล้ว ดังนั้นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานที่ไม่สามารถหยิบยืมพลังวิญญาณห้าธาตุจากสวรรค์และปฐพีได้ก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณมากนัก

หลิงฮันประหลาดใจและพูด “ร่มนั่นเป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยม” เขานั้นบ่มเพาะทักษะกายาที่ทรงพลัง ถ้าหากปิดผนึกธาตุทั้งห้าได้ล่ะก็ แม้จะเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ไม่สามารถอะไรเขาได้

“ตาย!” เฝิงเหว่ยฉีลงมือโจมตี กระบี่ของมันสั่นไหวและปรากฏสายฟ้าพันรอบกระบี่

“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเลือกปิดผนึกธาตุทั้งห้า ที่แท้เจ้าก็บ่มเพาะทักษะอัสนีที่ไม่รวมอยู่ในห้าธาตุหลักนี่เอง” หลิงฮันหยิบดาบออกมาตอบโต้ แน่นอนว่าดาบของเขาไม่มีธาตุอะไรผสานเอาไว้เพราะธาตุทั้งห้าถูกปิดผนึกอยู่ พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ลดลงอย่างมาก

“ถูกต้อง แต่ถึงจะรู้ก็สายไปแล้ว!” เฝิงเหว่ยฉีสะบัดกระบี่โลหิตสีชาดเข้าจู่โจมอีกครั้ง

เมื่อกระบี่เข้าปะทะกับดาบก็เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ

“อะไรกัน!” เฝิงเหว่ยฉีเปิดเผยสีหน้าหวาดผวาออกมา การโจมตีของมันไม่สามารถทำให้ร่างของหลิงฮันปลิวกระเด็นไปได้! หรือว่าเจ้าหนูนี่ก็บ่มเพาะทักษะอัสนีเหมือนกัน ถึงได้ยังสามารถยืมพลังอำนาจจากสวรรค์และปฐพีได้?

ไม่สิ ดาบที่หลิงฮันใช้อยู่ไม่มีร่องรอยของปราณอัสนีแม้แต่น้อย

“เจ้าต้านทานกระบี่ของข้าได้อย่างไร?” เฝิงเหว่ยฉีอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้

“อยากรู้รึ?” หลิงฮันหัวเราะ “งั้นก็มาแลกเปลี่ยนความลับกันเป็นไง!”

“เหอะ ฝันไปเถอะ!” เฝิงเหว่ยฉีคำรามและใช้กระบี่โจมตีใส่หลิงฮันอีกครั้ง

“ตาย! ตาย! ตาย!” เฝิงเหว่ยฉีใช้กระบี่กระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่อง มันหวังจะสับร่างของหลิงฮันให้ขาดออกเป็นชิ้นๆ

หลิงฮันไม่หวาดกลัว ร่างของเขานั้นแข็งแกร่งและทนทานมาก แม้จะไม่มีพลังวิญญาณห้าธาตุจากสวรรค์และปฐพี แต่แค่ปราณก่อเกิดในร่างของเขาก็ทำให้พลังต่อสู้ของเขาบรรลุขีดจำกัดสิบห้าดาวแล้ว

เมื่อใดที่เขาเอาจริง เขาสามารถซัดร่างของเฝิงเหว่ยฉีให้ปลิวกระเด็นได้ทันที