หลังจากตอบโต้กันไปหลายสิบกระบวนท่า หลิงฮันก็ปัดกระบี่โลหิตสีชาดของเฝิงเหว่ยฉีกระเด็นและนำปลายดาบไปจ่อที่คออีกฝ่าย หลิงฮันยิ้มและพูด “พวกเราจะพูดคุยกันได้รึยัง?”
“ถ้าจะสังหารก็ลงมือซะ!” เฝิงเหว่ยฉีไม่แสดงท่าทีหวาดกลัว มันมองไปยังหลิงฮันอย่างเย็นชา “แต่ในไม่ช้าเจ้าจะตายตามข้าไป!”
“โอ้ เจ้ามีสมบัติประเภทคำสาปอยู่ด้วยรึ?” หลิงฮันหัวเราะ ถ้าอีกฝ่ายมีสมบัติที่เหมือนกับขวดหยกต้องสาปอยู่ล่ะก็ เขาคงรู้สึกอิจฉาไม่น้อย
“บุตรชายข้าคือจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นปลายที่แข็งแกร่ง!” เฝิงเหว่ยฉีหัวเราะ “ถ้าเจ้าสังหารข้า ไม่ว่าเจ้าจะไปหลบซ่อนอยู่ที่ใด บุตรข้าก็จะตามหาเจ้าและสังหารอย่างเหี้ยมโหด!”
“ข้านึกว่าเจ้าไม่หวั่นเกรงต่อความตายเสียอีก ที่แท้เจ้าก็หวาดกลัวและพูดจาข่มขู่ข้า!” หลิงฮันส่ายหัว “แต่นั่นก็ไม่แปลก ใครบ้างจะไม่หวั่นเกรงความตาย ไม่ว่าใครก็ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไปทั้งนั้น”
“ขอแค่เจ้าบอกสถานการณ์ของสถานที่แห่งนี้มาก็พอแล้ว เพราะอย่างไรพวกเราก็ไม่มีความเป็นปฏิปักษ์ แต่ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าก็คงไว้ชีวิตเจ้าไม่ได้”
เฝิงเหว่ยฉีแสยะยิ้ม “เหอะ บุตรของข้าคือราชันกระบี่น้อยแห่งนิกายกระบี่ไร้พ่าย ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ไปถามคนอื่นดูได้”
หลิงฮันลูบคางและครุ่นคิด “ปกติแล้วข้าจะพบเห็นเพียงแค่รุ่นเยาว์ที่ใช้ผู้อาวุโสของตนเองในการข่มขู่ ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่ยกสถานะบุตรของตนเองมาข่มขู่ด้วยความภาคภูมิใจเช่นนี้”
หลิงฮันตบเฝิงเหว่ยฉีให้หลบและนำตัวเข้าไปในหอคอนทมิฬ เขาวางแผนจะทำการทรมานอีกฝ่าย
“ร่มคันนี้ช่างงดงามนัก” เมื่อสูญเสียการควบคุมจากเฝิงเหว่ยฉี ร่มหมื่นตาข่ายก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าและถูกเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกับฮูหนิวนำไปเล่น
หลิงฮันมองไปยังร่มหมื่นตาข่ายและขมวดคิ้ว “ดูเหมือนมันจะไม่ใช่ของแท้แต่เป็นของเลียนแบบ”
รูปแบบอักขระที่สลักอยู่บนตัวร่มนั้นลึกลับเป็นอย่างมาก แต่ร่องรอยของการสลักนั้นยังใหม่และไม่เหมือนกับสิ่งของที่ตกทอดมาจากยุคบรรพกาลแม้แต่น้อย
เขาจะต้องไต่สวนเฝิงเหว่ยฉีให้ละเอียด
หลิงฮันและฮูหนิวเข้าไปยังหอคอยทมิฬในขณะที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนถูกทิ้งให้เบื่อหน่ายอยู่คนเดียว
“บอกข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำมาให้ข้าโดยละเอียด” หลิงฮันมองไปยังเฝิงเหว่ยฉีและพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“ฮ่าๆๆ ฝันไปเถอะ!” ท่าทีของเฝิงเหว่ยฉียังคงหยิ่งยโส แต่แววตาของมันนั้นปรากฏร่องรอยของความหวาดกลัว เมื่อกี้มันอยู่ในถ้ำแท้ๆ แต่ทำไมจู่ๆมันถึงมาปรากฏในดินแดนที่กว้างใหญ่แห่งนี้ได้? เรื่องนี้มันเหนือกว่าสามัญสำนึกเกินไป
หรือว่ามันจะสลบไปหลายวัน?
หลิงฮันยิ้ม “ในที่แห่งนี้ ไม่มีใครปฏิเสธข้าได้ เจ้าเองก็ไม่มีข้อยกเว้น ข้ามีวิธีที่จะจัดการกับเจ้า ลองดูแล้วกันว่าเจ้าจะทนมันได้รึไม่”
“ก็ลองดูสิ ถ้านายท่านผู้นี้พูดร้องขอความเมตตากับเจ้าล่ะก็ ข้าจะยอมเป็นหลานเจ้าเลย” เฝิงเหว่ยฉีพูดอย่างองอาจ
……
ผ่านไปครึ่งวัน
“บอกแล้ว ข้าจะบอกทุกอย่างเลย!” เฝิงเหว่ยฉีโอดครวญ ครึ่งวันที่ผ่นามานี้มันต้องพบเจอภัยพิบัติที่ทรมานมานับไม่ถ้วน มันยอมตายเสียดีกว่าที่จะมีชีวิตอยู่
“เจ้าคือบิดาของราชันกระบี่น้อย?” หลิงฮันถาม
“ถูกแล้ว ข้าเป็นบิดาของเขา” เฝิงเหว่ยฉีเหนื่อยหอบ แววตาของมันล่องลอยราวกับเป็นบ้า
“ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่ถ้ำนั่น?” หลิงฮันถาม
“บุตรของข้าเดินทางสำรวจโบราณสถานในถ้ำแห่งนั้นและพบเข้ากับสมบัติโบราณต่างๆ” เฝิงเหว่ยฉีกล่าว “แต่เขาต้องใช้เวลาไปกับการบ่มเพาะพลัง ข้าจึงต้องเป็นคนมาดูแลการสำรวจที่นี่แทน”
“แล้วถ้ำแห่งนั้นมันคืออะไร?”
“ข้าก็ไม่แน่ใจนัก ข้ารู้เพียงแค่ว่ามันเป็นถ้ำที่อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโบราณเมื่อหลายแสนปีก่อน” เฝิงเหว่ยฉีกล่าว และประโยคถัดไปที่มันพูดออกมาก็ทำให้หลิงฮันตกตะลึง “จักรวรรดิโบราณต้องการเปิดสวรรค์เพื่อพาทวีปฮงเทียนขึ้นไปยังดินแทนศักดิ์สิทธิ แต่พวกเขาก็ทำไม่สำเร็จและหลงเหลือไว้เพียงแค่ซากปรักหักพังและสมบัติต่างๆ”
คำว่าเปิดสวรรค์อีกแล้ว!
“บอกมาว่าเจ้าขุดสมบัติขึ้นมาได้กี่ชิ้น?”
เฝิงเหว่ยฉีอธิบายทีละชิ้นโดยละเอียด ยิ่งได้ฟัง จิตใจของหลิงฮันก็เริ่มเกิดอาการตกตะลึงมากขึ้น
สิ่งที่พวกมันขุดค้นพบก็คือหุ่นเชิดเหล็ก หุ่นเชิดเงิน หุ่นเชิดทองคำ และที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นก็คือหุ่นเชิดเพชรซึ่งถูกราชันกระบี่น้อยนำติดตัวไปด้วย หุ่นเชิดเพชรนั้นมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาและเป็นหุ่นเชิดชนิดเดียวที่มีความคิดเป็นของตนเอง
นอกจากหุ่นเชิดแล้วก็ยังมีเรือรบที่หลิงฮันเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ เรือรบที่พวกมันค้นพบมีแค่เรือรบทมิฬกับเรือรบทองคำ เรือรบทมิฬนั้นสามารถคุกคามจอมยุทธระดับบุปาผผลิบานได้ จำนวนที่ค้นพบคือหนึ่งร้อยลำ ส่วนเรือรบทองคำนั้นสามารถสังหารได้แม้กระทั่งจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ จำนวนที่ค้นพบมีเพียงสิบลำ
โชคดีที่เรือรบทองคำไม่ได้อยู่ข้างกายเฝิงเหว่ยฉี ไม่เช่นนั้นหลิงฮันคงจัดการมันได้ไม่ง่าย
เรือรบทองคำนั้นไม่เพียงแค่ทรงพลัง มันยังเป็นอาวุธวิญญาณที่สามารถบินได้ด้วย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเผาผลาญผลึกก่อเกิดจำนวนมหาศาล
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีอาวุธวิญญาณต่างๆอีกไม่น้อยที่ถูกค้นพบ อย่างเช่นร่มหมื่นตาข่ายที่เป็นของเลียนแบบ แม้มันจะไม่ใช่ของจริงแต่ก็ยังสามารถทำให้จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาไม่สามารถชักนำพลังวิญญาณจากสวรรค์และปฐพีได้ นับว่าเป็นอาวุธที่น่าสะพรึงกลัวมาก
หลิงฮันถอนหายใจ จักรวรรดิแห่งยุคบรรพกาลนั้นทรงพลังเกินไป แค่อาวุธวิญญาณชิ้นเดียวที่ค้นพบก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวแล้ว
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในถ้ำแห่งนี้ก็คือแท่นหินที่กำลังถูกขุดขึ้นมา ปราณอัสนีที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากแท่นหินนั้นหนาแน่นเป็นอย่างมาก
จากข้อมูลที่เฝิงเหว่ยฉีได้รับมาจากราชันกระบี่น้อย จักรวรรดิโบราณนั้นมีทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่สี่ทักษะ แต่ละทักษะถูกผนึกเอาไว้ในสถานที่ที่ต่างกัน ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ที่อ่อนแอที่สุดถูกเรียกว่า ‘อสนีบาตเก้าทิวา’ ส่วนทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดที่สามารถผลิกผันต่อต้านได้แม้แต่ความเป็นและความตายถูกเรียกว่า ‘ทักษะเก้าสวรรค์ย่อยยับ’
ราชันกระบี่น้อยต้องการทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกผนึกเอาไว้ในแท่นหินในถ้ำแห่งนี้อย่างมาก เขามักจะสอบถามถึงความก้าวหน้าในการขุดแท่นหินอยู่เรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามีสถานะพิเศษในนิกายกระบี่ไร้พ่าย เขาคงจะมาพำนักอยู่ที่นี่ด้วยตนเองแล้ว
“ทักษะระดับศักดิสิทธิ์งั้นรึ… ช่างเป็นข่าวดีจริงๆ” หลิงฮันกล่าว