ตอนที่ 136 พาเขากลับบ้าน

 

 

           สายตาขอร้องให้ช่วยของเจียงมู่เฉินส่งหาซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนมองคุณแม่เจียง ก่อนเอ่ยปาก “น้าครับ แผลของมู่เฉินไม่เป็นไรแล้ว หมอตรวจดูอาการเรียบร้อย บอกว่าอีกสองวันก็หายแล้วครับ”

 

 

           คุณแม่เจียงเพิ่งจะเห็นซือเหยี่ยนก็ตอนนี้ ตอนเธอเข้ามาเอาแต่เป็นห่วงลูกชายสุดที่รักของเธอ จึงมองข้ามคนรอบข้างไปโดยปริยาย

 

 

           “เสี่ยวเหยี่ยนก็อยู่ด้วยเหรอจ๊ะ”

 

 

           “ผมมาเป็นเพื่อนเจียงมู่เฉินตรวจดูอาการครับ”

 

 

           “งั้นต้องขอบใจเสี่ยวเหยี่ยนด้วยนะ เฉินเฉินของน้าก่อเรื่องวุ่นวายอยู่เรื่อย ทำให้เสี่ยวเหยี่ยนลำบากไม่เบาเลยใช่ไหม”

 

 

           “ไม่หรอกครับ เขา……ไม่ดื้อเลย”

 

 

           เจียงมู่เฉินแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองตายอยู่แล้ว คาดไม่ถึงว่าซือเหยี่ยนไอ้คนระยำอยู่ต่อหน้าแม่เขาจะบอกว่าเขาไม่ดื้อ

 

 

           เขาถลึงตาใส่ซือเหยี่ยนทันที ส่งแววตาตักเตือน

 

 

           คุณแม่เจียงหันมาเห็นเจียงมู่เฉินถลึงตาใส่ซือเหยี่ยนพอดี จึงต่อว่าในทันใด “เฉินเฉิน ลูกเป็นอะไรของลูก ซือเหยี่ยนหวังดีมาส่งลูกหาหมอ ลูกยังถลึงตาใส่เขาอีก”

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่เข้าใจ เขาไม่ใช่ลูกรักของแม่เขาแล้วเหรอ

 

 

           ‘ทำไมตอนนี้ถึงช่วยซือเหยี่ยนแล้วมาต่อว่าเขาได้’

 

 

            “ยังไม่ขอโทษซือเหยี่ยนอีก!”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองซือเหยี่ยนด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างจะซับซ้อน เขาไม่เคยขอโทษใครมาก่อน นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ยังต้องมาขอโทษซือเหยี่ยนอีก

 

 

           เขามองซือเหยี่ยนคนต้นเหตุ “นายอยากให้ฉันขอโทษนายเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้น ใบหน้าสงบเสงี่ยม “ถ้าเฉินเฉินอยากขอโทษ ก็ขัดไม่ได้อยู่แล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินอยากจะกระอักเลือด ไอ้หมอนี่ ไม่คิดเลยว่าต่อหน้าแม่เขายังจะเอาเปรียบเขาอีก มาเรียกชื่อเล่นเขาต่อหน้าแม่เขาก็ช่างเถอะ แต่ยังจะอยากให้เขาขอโทษอีกเหรอ

 

 

           เจียงมู่เฉินอดจะถลึงตาใส่เขาอีกไม่ได้

 

 

           คุณแม่เจียงรอมาตั้งนานก็ไม่เห็นว่าเจียงมู่เฉินจะขอโทษสักที เธอจึงรีบตีเขาเดี๋ยวนั้น “เกิดอะไรขึ้น ยังไม่ขอโทษอีก”

 

 

           ฝ่ามือเธอโดนเข้าที่แผลของเขาพอดี เจียงมู่เฉินเจ็บจนอีกนิดเดียวก็จะกัดฟันแตกได้แล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเจ็บปวด ใจก็กระตุกจนอีกนิดเดียวจะพุ่งตัวไปอยู่ข้างกายเจียงมู่เฉินและกอดเขาไว้แล้ว

 

 

           ยังดีที่เขายังพอเหลือสติอยู่บ้าง ระงับการกระทำของตัวเองที่คิดเอาไว้ลงก่อน ถ้าต่อหน้าคุณแม่เจียง เขาโผเข้าไปกอดเจียงมู่เฉิน เกรงว่าพวกเขาทั้งสองคนจะอธิบายกันให้ชัดเจนไม่ได้

 

 

           “แม่ครับ นี่แม่จะลอบฆ่าลูกชายตัวเองใช่ไหม” เจียงมู่เฉินเจ็บจนเหงื่อออกท่วมหัว

 

 

           คุณแม่เจียงมองเจียงมู่เฉินที่เจ็บจนตัวงออย่างช่วยอะไรไม่ได้ “ลูกแม่ ลูกไม่เป็นไรนะ แม่ไม่ได้ตั้งใจ”

 

 

           เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้ มีแม่ที่ไหนขุดหลุมฝังลูกชายตัวเองแบบนี้ไหม ตกลงแล้วเขายังเป็นลูกแท้ๆ ของแม่เขาหรือเปล่า

 

 

           บาดแผลที่หายสนิทโดนฝ่ามือคุณแม่เจียงฟาดจนฉีกขาด หมอต้องรีบเข้ามาเย็บแผลใหม่ให้

 

 

           เจียงมู่เฉินเจ็บจนหน้าซีด สูดลมหายใจไป ถอนลมหายใจไป “แม่ครับ ปกติแม่อยู่บ้านไม่มีอะไรทำก็เลยฝึกวิชาฝ่ามือเหล็ก[1]ใช่ไหม หรือเกิดอะไรขึ้น มือถึงได้หนักขนาดนี้ครับ”

 

 

           ‘แผลเขาเพิ่งจะหายสนิทเองนะ อยากร้องไห้แล้ว’

 

 

           ตอนเจียงมู่เฉินเย็บแผล ซือเหยี่ยนก็ยืนอยู่ข้างๆ คิ้วขมวดกันแน่น กดเก็บความรู้สึกสงสารจับใจในแววตา

 

 

           หลังจากเย็บแผลเสร็จ คุณแม่เจียงก็เอ่ยเสนอขึ้นมา “เจ้าลูกชาย กลับไปพักที่บ้านไหม แม่จะดูแลลูกเอง รับรองลูกจะหายอย่างไวเลย”

 

 

           เจียงมู่เฉินชะงักไป เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร

 

 

           ตามนิสัยของแม่เขาแล้ว ต้องพาเขากลับบ้านอยู่แล้ว เจียงมู่เฉินมองซือเหยี่ยนแวบหนึ่ง เขาไม่อยากกลับบ้านนี่หน่า

 

 

           หลังจากคุณแม่เจียงเอ่ยปาก แววตาสุขุมของซือเหยี่ยนก็ลุกวาวขึ้นมา เขารีบมองไปทางเจียงมู่เฉินแทบจะเดี๋ยวนั้น เห็นเจียงมู่เฉินกะพริบตาเบาๆ ให้ตัวเอง ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้น

 

 

           “เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวกลับกับแม่นะ” คุณแม่เจียงเห็นเจียงมู่เฉินไม่พูดไม่จา จึงพูดสรุปเองเสียเลย

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นแม่ตัวเองพูดเองเออเองแบบนี้ก็ร้อนรนแล้ว “อย่าเลยครับแม่ ผมจะกลับบ้านไปเพิ่มภาระให้แม่ทำไมล่ะ”

 

 

           คุณแม่เจียงถลึงตาใส่เขา “ลูกเป็นลูกชายแม่นะ การที่แม่ดูแลลูกจะเรียกว่าเพิ่มภาระได้ยังไง”

 

 

           เจียงมู่เฉินฉวยโอกาสตอนที่คุณแม่เจียงไม่ทันได้สังเกต เตะเท้าซือเหยี่ยน ส่งสายตาบอกเขา

 

 

 

 

 

 

 

[1] วิชาฝ่ามือเหล็ก ว่าด้วยวรยุทธ์วิชามือเหล็กนั้นเป็นวิชาฝ่ามือสายหยางที่แกร่งกร้าวรุนแรงมาก ผู้ฝึกต้องฝึกโดยการทิ่มแทงฝ่ามือบนทรายเหล็กร้อนที่คั้วบนกระทะ คล้ายๆทรายคั่วลูกเกาลัด และทรายนี้ยังอาบไปด้วยพิษอันร้ายกาจ คนฝึกไม่เพียงต้องโคจรพลังต้านความร้อนเท่านั้น ยังต้องต้านพิษในทรายเหล็กอีกด้วย

 

 

 

 

ตอนที่ 137 ปล่อยเขาไปเลย

 

 

           ‘ไอ้หมอนี่ปกติฉลาดหลักแหลม ทำไมตอนนี้ถึงได้ทื่อเป็นไม้ไปได้ ไม่พูดอะไรสักอย่าง ไม่เห็นหรือไงว่าแฟนตัวเองจะถูกแม่ชิงตัวกลับบ้านไปแล้ว’

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเจียงมู่เฉินแวบหนึ่ง แล้วก็มองไปทางคุณแม่เจียง เขาเงียบสักพัก ก่อนเอ่ยปาก “เฉินเฉินคุณกลับไปด้วยกันกับน้าเจียงเถอะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่กล้าเชื่อหูตัวเองว่าได้ยินอะไร ซือเหยี่ยนไอ้คนระยำคาดไม่ถึงว่าจะเป็นฝ่ายปล่อยให้เขากลับไปกับแม่เขาได้

 

 

           “นายพูดจริงๆ เหรอ” เจียงมู่เฉินกัดฟันถาม

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขาอย่างใจเย็น “มีน้าเจียงดูแลคุณ เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวของแผล”

 

 

           เจียงมู่เฉินโกรธจนไม่ไหว เดิมทีเขาคิดว่าซือเหยี่ยนจะออกปากรั้งเขาไว้ แต่กลับตาลปัตร อุตส่าห์รอเขาเต็มใจ เขาดันปล่อยให้แม่เขาพาเขากลับบ้านได้

 

 

           “ใช่ๆ ลูกดูสิ ที่เสี่ยวเหยี่ยนพูดมาใช่มากๆ เลย” คุณแม่เจียงถือโอกาสพูดสนับสนุน

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ มองหมอที่อยู่ข้างๆ “ฉันโอเคหรือยัง ไปได้หรือยัง”

 

 

           หมอโดนเขามองแบบนี้ก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมา จึงรีบตอบไป “ได้แน่นอนครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินลุกยืนขึ้น ไม่พูดอะไรสักคำ แล้วมุ่งหน้าเดินออกไปข้างนอก ซือเหยี่ยนเห็นเขาโมโหเป็นฟืนเป็นไฟก็อดจะรั้งแขนเขาเบาๆ ไม่ได้ “จะไปไหน”

 

 

           เขาสะบัดมืออีกคนออก “คุณชายจะกลับบ้าน!”

 

 

           ซือเหยี่ยนมองตามแผ่นหลังของเจียงมู่เฉินไป แล้วขมวดคิ้ว ว่ากันมาตั้งนานกว่าจะกำมือแล้วผ่อนลมหายใจได้

 

 

           “เรื่องของเจียงมู่เฉินทางนี้นายช่วยดูแลด้วย มีเรื่องอะไรรีบบอกฉัน” ซือเหยี่ยนกำชับหมอที่อยู่ข้างๆ

 

 

           “วางใจเถอะครับ บอสซือ ผมรับรองจะติดตามตลอดครับ”

 

 

           “อืม งั้นฉันไปก่อนแล้วกัน”

 

 

           ซือเหยี่ยนออกจากโรงพยาบาลก็พุ่งตรงไปบริษัททันที ไป๋จิ่งเห็นซือเหยี่ยนมาที่บริษัทพอดีก็ชะงักงันไป

 

 

           “นายไปเป็นเพื่อนคุณชายน้อยเจียงหาหมอไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาบริษัทได้”

 

 

           “ฉันต้องไปดูงานนอกสถานที่ ประมาณสามวันถึงจะกลับมา”

 

 

           “ไม่ใช่มั้ง จู่ๆ นายจะไปดูงานอะไรนอกสถานที่ ด่วนขนาดนี้เชียวเหรอ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะได้ยินนายเคยพูดไว้เลย”

 

 

           ซือเหยี่ยนกุมขมับ “ไม่มีอะไร กำหนดการชั่วคราว”

 

 

           เขายกเคสที่ค่อนข้างจะยุ่งยากให้ไป๋จิ่งทั้งหมด ส่งมอบงานอะไรเสร็จแล้วก็ออกไปเลย

 

 

           ไป๋จิ่งจ้องมองตามแผ่นหลังของซือเหยี่ยนที่รีบร้อนเดินออกไป ไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณชายน้อยเจียงไม่พอ ตัวเองยังรีบร้อนไปอเมริกาอีก นี่ซือเหยี่ยนมีเรื่องอะไรกะทันหันนะ

 

 

           อีกฝั่งหนึ่ง เจียงมู่เฉินกลับมาบ้านตระกูลเจียงพร้อมคุณแม่เจียง ตลอดทางในใจเขาเหมือนมีหินก้อนใหญ่อุดตันอยู่ กดทับจนหายใจไม่สะดวก

 

 

           เดิมทีเขาคิดว่าซือเหยี่ยนจะลงเรือลำเดียวกันกับเขา จะช่วยเขาพูดสักคำ แต่เขากลับไม่ช่วยพูดอะไรสักอย่าง ปล่อยเขาไปเลย

 

 

           พวกเขายังไม่ได้อยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่เลย ซือเหยี่ยนก็เริ่มจะรำคาญเขาแล้วเหรอ

 

 

           เจียงมู่เฉินโกรธจนตามืดมัว

 

 

           เข้าข้างในบ้านแล้ว เจียงมู่เฉินกินข้าวเสร็จก็ลากสังขารตัวเองขึ้นชั้นบนไปนอนทันที ตาไม่เห็น ใจไม่หงุดหงิด ซือเหยี่ยนไม่อยู่ เขาก็ไม่มีเรื่องอะไรอย่างอื่นแล้ว

 

 

           กว่าเขาจะตื่นมา ท้องฟ้าก็มืดแล้ว เจียงมู่เฉินหยิบมือถือมา หน้าจอมืดดำ อย่าพูดถึงสายโทรเข้าเลย แม้แต่ข้อความสั้นๆ ก็ยังไม่มีมาสักข้อความ

 

 

           เจียงมู่เฉินโมโหจนเขวี้ยงมือถือลงข้างตัว ถอนหายใจเงียบๆ ทำได้แค่ใช้ลิขิตแห่งการตกหลุมรักก่อนมายึดพื้นที่ปลอบใจตัวเอง

 

 

           เขาลุ่มหลงงมงายกับซือเหยี่ยน แต่ซือเหยี่ยนกลับเอาแต่ลอยตัวสบายๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว

 

 

           ‘เสียใจนะ……’

 

 

           …………

 

 

           การเดินทางสิบกว่าชั่วโมง ซือเหยี่ยนถึงอเมริกาก็เรียกรถไปร้านกาแฟที่นัดไว้ทันที

 

 

           ไมเคิลรอเขาอยู่ในร้านกาแฟเรียบร้อยแล้ว

 

 

           “ขออภัยที่ฉันมาสาย” ซือเหยี่ยนนั่งลงตรงข้ามไมเคิล

 

 

           “ซือ ทำไมนายถึงบินมาจากถานโจวกะทันหันแบบนี้” ไมเคิลจู่ๆ ก็ได้รับสายโทรศัพท์จากเขา ยังค่อนข้างรู้สึกแปลกใจอยู่

 

 

           หลังจากตอนนั้นที่เขากลับจากอเมริกาไป หลายปีแล้วที่ไม่ได้มาหาเขา

 

 

           “ช่วยฉันตรวจสอบคนคนหนึ่งที”

 

 

           ไมเคิลขมวดคิ้ว “ใคร”

 

 

           “ซังจิ่ง”