ตอนที่ 310 ข้าโง่ขนาดนั้นหรือ
“ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”
จูจิ่นตบไหล่หลิงอวี้จื้อเบาๆ
“เจ้าอยู่รอข่าวที่เมืองหลวงดีกว่า มั่วชิงต้องปกป้องสองคน ภาระหนักเกินไป ข้าอยากเหลือโอกาสรอดให้ตัวเองอีกสักหน่อย”
คำอธิบายนี้ไม่มีใครโต้ได้ จูจิ่นกลอกตาใส่หลิงอวี้จื้อ
“เช่นนั้นพวกเราต่างคนต่างไป”
“รักษาแผลเจ้าให้หายก่อนแล้วค่อยมาคุย ข้าจะไปหาผู้ชายของข้า เจ้าไม่ต้องมาร่วมวงด้วย อาจิ่น รออยู่ที่เมืองหลวงอย่างเชื่อฟังเถิด”
พูดจบก็เลียนแบบเซียวเหยี่ยน ลูบหัวจูจิ่นเหมือนลูบหัวหมาน้อย
จูจิ่นผลักมือเธอออก ไม่ชอบอย่างยิ่งที่หลิงอวี้จื้อลูบหัวนางเช่นนี้ บาดแผลของนางยังไม่หายดี หากไปด้วยก็คงช่วยอะไรไม่ได้ รังแต่จะถ่วงพวกนางเอาเปล่าๆ นางรอฟังข่าวอยู่ที่เมืองหลวงก็ดี
“มีเรื่องอะไรรีบส่งจดหมายบอกข้าทันที”
“อื้ม วางใจเถิด! ข้าไม่เกรงใจแน่นอน”
มั่วชิงเก็บของเสร็จอย่างรวดเร็ว หลิงอวี้จื้อเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ สั่งการหรูเยียนอย่างละเอียดอีกรอบ แล้วพามั่วชิงออกจากจวนมหาเสนาบดี
จูจิ่นไปส่งเธอที่ประตูเมือง หลิงอวี้จื้อยิ้มให้จูจิ่น
“เอาล่ะๆ เจ้ารีบกลับไปเถิด! ข้างนอกถึงจะมีแสงแดด แต่ลมแรง ข้ากลัวร่างบอบบางปลิวลมของเจ้าจะล้มป่วยเสีย เจ้าวางใจเถิด ข้ากับอาเหยี่ยนจะต้องกลับมาด้วยกันแน่นอน”
“หากเจ้าได้เจอเฟิงอิ๋น อย่าใช้ไม้แข็งกับนางเด็ดขาด ต้องหัวไวหน่อย ถึงแม้นางจะมีใจให้อาเหยี่ยน แต่อาเหยี่ยนไม่สนใจนางเลยแม้แต่นิดเดียว”
“ข้าโง่ขนาดนั้นหรือ”
“โง่กว่าเมื่อก่อน อย่างไรข้าก็ต้องเตือนเจ้าสักหน่อย ไม่ง่ายเลยกว่าอาเหยี่ยนจะชอบใครสักคน ข้ากลัวว่าเขาจะเป็นพ่อหม้าย”
“ไปเลยไป”
หลิงอวี้จื้อจ้องจูจิ่นเขม็ง ตอนนี้สองคนนี้สนิทกันมากขึ้นทุกที พูดจาอะไรก็ไม่ต้องคิดมาก กลายเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ แล้ว
จูจิ่นเตรียมตัวจะกลับ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเกือกม้าอยู่ไม่ไกล สองคนหันไปพร้อมกัน คนที่กำลังขี่ม้าสีดำคือมู่หรงนี่อวิ๋น เขาสวมชุดคลุมสีแดงเข้ม ม้าห้อตะบึง มู่หรงนี่อวิ๋นดึงบังเ**ยนให้ม้าหยุด กระโดดลงมาจากม้าสีดำ เขาดูฮึกเหิมเปี่ยมไปด้วยพลัง
“ยังดีที่ตามมาทัน”
“เจ้ามาได้อย่างไร”
หลิงอวี้จื้อถามด้วยความประหลาดใจ เรื่องนี้มู่หรงนี่อวิ๋นไม่สามารถรู้ได้ เรื่องนี้อู่จิ้นจะต้องบอกแค่จูจิ่นแน่นอน จู่จิ่นเองก็ไม่ใช่คนพูดอะไรส่งเดช เซียวเหยี่ยนหายตัวไปไม่ใช่เรื่องเล็กๆ หากปิดได้ก็ย่อมต้องปิดไว้ให้ดี ไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นรู้ได้
“ข้าเพิ่งไปหาเจ้าที่จวน หรูเยียนบอกว่าเจ้าออกนอกเมืองไปแล้ว ข้าจึงรีบตามมา ยามนี้แล้ว เจ้าจะออกนอกเมืองไปทำอะไร”
เห็นมู่หรงนี่อวิ๋นรีบตามมาตาลีตาเหลือก จูจิ่นก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจ พูดจากระทบกระทั่ง
“คนเขาจะออกนอกเมืองเกี่ยวอะไรกับเจ้า คุณชายมู่หรง ความดูแลเอาใจใส่นี้ดูแปลกๆ นะ”
“ข้าเองมิได้ดูแลเอาใจใส่แม่นางจูสักหน่อย แม่นางจูยุ่งอะไรเรื่องส่วนตัวข้า”
มู่หรงนี่อวิ๋นจงใจย้ำตรงแม่นางจูสามพยางค์นี้ เหตุใดถึงรู้สึกแปลกแปร่ง เขาพินิจพิเคราะห์จูจิ่นด้วยรอยยิ้มปลอมๆ
“อยู่ดีๆ จากผู้ชายกลายเป็นผู้หญิง แม่นางจูรู้สึกอย่างไร”
“รู้สึกดีที่สุด คุณชายมู่หรงอยากลองด้วยหรือไม่”
จูจิ่นตอกกลับ
“พวกเจ้าค่อยๆ ทะเลาะกันไปนะ ข้าไปก่อนแล้ว นี่อวิ๋น เจ้าพาอาจิ่นไปส่งด้วยเสียเลย ตอนนี้นางเป็นผู้หญิง เจ้าทำตัวเป็นสุภาพบุรุษหน่อย”
พูดจบหลิงอวี้จื้อก็แง้มม่านขึ้นรถม้าไป เธอเพิ่งจะขึ้นไปบนรถม้า มู่หรงนี่อวิ๋นก็จะตามขึ้นมาด้วย หลิงอวี้จื้อตะลึง
“เจ้าขึ้นมาทำไม”
“เย็นขนาดนี้แล้ว เจ้าออกนอกเมือง ข้าไม่วางใจ ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”
เห็นได้ชัดว่าจูจิ่นเองก็นึกไม่ถึงว่ามู่หรงนี่อวิ๋นจะขึ้นไปด้วย นางยื่นมือออกไปดึงเสื้อผ้าของมู่หรงนี่อวิ๋น
“คุณชายมู่หรง เจ้ายังเห็นแก่หน้าตนเองอยู่หรือไม่ จะไปวอแวหลิงอวี้จื้อทำไม เจ้าอย่าลืมว่าอวี้จื้อเป็นว่าที่พระชายาท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นะ”
ตอนที่ 311 ปากร้ายเช่นนี้ จะขายออกได้อย่างไร
“ข้าจะปกป้องว่าที่พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มันผิดตรงไหน เจ้าปล่อยมือเสีย ตอนนี้เจ้าเป็นผู้หญิง ข้าจะไม่จู้จี้กับเจ้า เจ้าคงเข้าใจนะว่าชายหญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกัน!”
จูจิ่นไม่ปล่อยมือ ดึงเข็มขัดมู่หรงนี่อวิ๋น มู่หรงนี่อวิ๋นรู้ว่าร่างกายจูจิ่นมีบาดแผล ประกอบกับนางเป็นผู้หญิง จึงไม่กล้าออกแรงนัก สองคนยึดยื้อกันอยู่เช่นนี้จนสุดท้ายจูจิ่นก็ดึงเข็มขัดของมู่หรงนี่อวิ๋นจนหลุด
สามคนมองหน้ากัน ทันใดนั้นหลิงอวี้จื้อก็ทนไม่ไหว หัวเราะกระจาย
“พวกเจ้าสองคนทำอะไรกัน เตรียมจะถอดเสื้อกันกลางถนนหรือ ข้าไม่ได้สนใจจะดูนะ นี่อวิ๋น เจ้ากลับไปเถิด ข้ามีธุระจริงๆ”
“นอกเสียจากว่าเจ้าจะกลับด้วย มิเช่นนั้นอย่างไรข้าก็ต้องไป”
มู่หรงนี่อวิ๋นดึงเข็มขัดของตนกลับมาจากมือจูจิ่นแล้วขึ้นรถม้าไป จูจิ่นยังคงตะลึงอยู่ จนกระทั่งมู่หรงนี่อวิ๋นขึ้นรถม้าไปแล้ว จูจิ่นถึงได้ด่าว่า
“มู่หรงนี่อวิ๋น เจ้ามันเป็นคุณชายเสเพลที่ชอบแส่เรื่องชาวบ้าน”
“รีบออกรถ ไม่ต้องสนใจผู้หญิงปากร้าย”
มู่หรงนี่อวิ๋นสั่งคนบังคับรถม้า
หลิงอวี้จื้อรู้ว่าไล่มู่หรงนี่อวิ๋นไปไม่พ้นแน่ หากลากต่อไป ฟ้าจะมืดเสียก่อน เธอจึงพยักหน้า คนบังคับรถยกแส้ขึ้นออกรถ
จูจิ่นโกรธจนกระทืบเท้า มู่หรงนี่อวิ๋นคนนี้ เหตุใดถึงน่ารำคาญเช่นนี้
คิดถึงตรงนี้ นางก็ถอนหายใจหนึ่งครั้ง ถึงแม้จะรำคาญ แต่พอไม่เห็นเขาจริง ๆ นางก็นึกถึงมู่หรงนี่อวิ๋นอีกแล้ว สองคนต่อปากต่อคำกันเป็นประจำ ต่างคนต่างไม่ยอมกัน แต่ก็แปลก พอไม่เห็นเขาแล้วก็อยากเจอเขา
ตัวเองหาเรื่องไปอยู่ในตำแหน่งต่ำต้อยแท้ๆ
มู่หรงนี่อวิ๋นรีบใส่เข็มขัดอย่างกระอักกระอ่วนบนรถม้า หรือว่าเพราะจูจิ่นเคยเป็นผู้ชายมาก่อน แรงมือถึงได้เยอะขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะดึงเข็มขัดเขาหลุดไปได้ต่อหน้าต่อตา
“แม่จูจิ่นคนนี้ร้ายกาจนัก ต่อไปจะขายออกได้อย่างไร”
“ไม่ดึงกางเกงเจ้าขาดก็บุญแล้ว แค่เข็มขัดเส้นเดียวไม่เห็นเป็นอะไร”
“หากนางดึงจริง ข้าก็เฉยๆ แค่กลัวว่าเจ้าจะตกใจ”
มู่หรงนี่อวิ๋นพูดยิ้มๆ
“ข้าจะไปตกใจอะไร เจ้านึกว่าข้าไม่เคยเห็นผู้ชายหรือ”
“เจ้ากับท่านอ๋องถึงขั้นนี้แล้วหรือ”
มู่หรงนี่อวิ๋นถามอย่างค่อนข้างหงุดหงิด
“เอ่อ…”
หลิงอวี้จื้อเริ่มกระอักกระอ่วนแล้ว ยิ่งพูดยิ่งไปไกล เธอกระแอมไอเบาๆ สองครั้ง
“ในเมื่อเจ้าขึ้นมาบนรถแล้ว ข้าก็จะไม่ปิดเจ้า อาเหยี่ยนหายตัวไปที่อำเภอฉางหนิง ข้าจะไปหาอาเหยี่ยน”
“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า ระหว่างทางก็มีคนดูแลสักคน วิทยายุทธ์ของข้าคงไม่ไปถ่วงความเจริญของเจ้าหรอก”
“ขอบใจนะ นี่อวิ๋น”
หลิงอวี้จื้อพูดพลางยิ้มให้มู่หรงนี่อวิ๋น
เห็นหลิงอวี้จื้อยิ้มแล้ว มู่หรงนี่อวิ๋นก็สติกระเจิง
ทั้งๆ ที่มีหน้าตาราวกับเด็กน้อยแต่เวลาเธอยิ้มน่าดูมาก เขาเองก็เจอผู้หญิงมาไม่น้อย กระทั่งได้ครอบครองผู้หญิงมาแล้วก็ไม่น้อย แต่ไม่มีใครยิ้มแล้วน่าดูเหมือนหลิงอวี้จื้อเลย นัยน์ตาราวกับมีแสงประกาย ส่องระยิบระยับ
“เจ้าบอกเองมิใช่หรือว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ในเมื่อเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ก็ไม่ต้องพูดขอบคุณแล้ว ต่อไปข้าก็ต้องมีเรื่องให้เจ้าช่วยเช่นกัน”
ปากพูดไปอย่างนั้น แต่ที่จริงเขาเข้าใจดี เขาคงไม่มีเรื่องอะไรให้หลิงอวี้จื้อช่วย
เรื่องอันตรายไม่ให้เธอทำแน่นอน เรื่องอื่นตนเองสามารถแก้ไขได้ สิ่งที่เขาอยากทำก็คือใช้สถานะเพื่อนที่ดีเพื่ออยู่เคียงข้างเธอตลอดไป ไม่บอกความลับให้รู้ แอบเก็บไว้ในใจ แบบนี้ก็ดีมากแล้ว
“ไม่มีปัญหา ถึงเวลานั้นต้องรีบบอกข้านะ”
หลิงอวี้จื้อคิดถึงเซียวเหยี่ยน ตลอดทางไม่ได้พักผ่อนนัก ทหารลับที่เซียวเหยี่ยนทิ้งไว้ให้ที่เรือนก่อนหน้านี้ก็เดินทางตามมาด้วย คอยปกป้องหลิงอวี้จื้อในที่ลับ ดังนั้นตลอดทางมานี้ปลอดภัยมาก ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย ช่วงหัวค่ำวันที่ห้า พวกเขาก็เข้าอำเภอฉางหนิงอย่างราบรื่น