ตอนที่ 611 ถ้านฮวาผู้นั่งเกี้ยวเจ้าสาว
พอเซี่ยอวี่เสียนคิดเช่นนี้ก็เหลือบมองซูหลีเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ กลับเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์อย่างยิ่งภายใต้แสงอาทิตย์รำไร
เขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นไม่เป็นจังหวะไปครู่หนึ่ง
“ไปกันเถอะ พี่เซี่ย พวกเรายังต้องไปวนรอบเมืองหลวงตั้งหนึ่งรอบ!”
“ได้”
……
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมามีประเพณีให้จอหงวนขี่ม้ารอบเมือง เพื่อให้ประชาชนได้เห็นหน้าค่าตาจอหงวน และเป็นการเฉลิมฉลองไปพร้อมกัน
ทุกครั้งที่มีคนสอบได้ตำแหน่งจอหงวน ทุกตรอกซอกซอยจะมีคนจำนวนมากออกมาชื่นชม
และสตรีที่ใจกล้าบางคน จะนำดอกไม้สวยงาม โยนให้จอหงวนเพื่อแสดงไมตรี นี่เป็นวินาทีที่บัณฑิตเฝ้าฝันหา ถือเป็นช่วงเวลาที่ได้หน้าที่สุดในชีวิตแล้ว
ปีนี้ก็เช่นกัน
พอพวกซูหลีออกมาจากตำหนักอวิ๋นเซียว ก็มีคนมารอพวกเขาอยู่ด้านนอก
เซี่ยอวี่เสียนขี่ม้าสีขาวปลอด และถูกแขวนด้วยช่อดอกไม้ขนาดใหญ่บนร่าง ซูหลีเห็นเช่นนั้น ก็หัวเราะเยาะเขาว่าชุดเขาคล้ายกับเจ้าบ่าว ทำให้เซี่ยอวี่เสียนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แต่พอถึงคราวตนเอง นางก็หัวเราะไม่ออกเช่นกัน!
ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นเสนอความคิดนี้ รู้ว่านางขี่ม้าไม่เป็น ก็เลยหาเกี้ยวให้นาง ให้นางนั่งเกี้ยวยังไม่เท่าไหร่ อย่างไรเสียก็เพราะนางขี่ม้าไม่เป็น
แต่ว่า…
ซูหลีมองเกี้ยวที่ตั้งอยู่ตรงหน้า มุมปากเกร็งกระตุกอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ผนังทั้งสี่ด้านของเกี้ยวถูกถอดออกและใช้ผ้าผืนบางสีชมพูอมม่วงคลุมแทน ตอนนี้ผ้าพวกนั้นถูกม้วนขึ้นด้านบน เผยให้เห็นที่นั่งสีขาวภายในตัวเกี้ยว
อันนี้ยังไม่เท่าไหร่ แต่ทั่งสี่มุมของเกี้ยว ยังประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด
นี่มันเกี้ยวของเจ้าสาวชัดๆ!
กอปรกับวันนี้เซี่ยอวี่เสียนเป็นเจ้าบ่าว นางเป็นเจ้าสาวสินะ?
“แค่ก!” เซี่ยอวี่เสียนที่เพิ่งถูกซูหลีเยาะเย้ยเมื่อครู่ พอเห็นเกี้ยวเจ้าสาวของซูหลี ก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
ซูหลีรู้สึกอยากจะหนีไปในทันที
“ถ้านฮวาซู เร็วหน่อยขอรับ ชาวบ้านกำลังรออยู่” ขุนนางจากกรมพิธีการยืนอยู่ข้างเกี้ยว พูดกับซูหลีเบาๆ
ซูหลีสูดหายใจลึกเข้าปอด ช่างเถอะ ไหนๆ นางก็อาศัยหน้าตาถึงได้ตำแหน่งถ้านฮวามา มีอะไรที่จะทำไม่ได้อีก นั่งเกี้ยวเจ้าสาวก็นั่งเกี้ยวเจ้าสาวสิ
ดีกว่าให้นางขี่ม้าแล้วหน้าแตกกลางทางละกัน
นางสงบจิตใจ แล้วก้าวขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวที่แปลกประหลาดนั้น
“ยกขึ้น!” ทันทีที่ขุนนางจากกรมพิธีการออกคำสั่ง เกี้ยวที่ซูหลีนั่งอยู่ก็ถูกยกขึ้น เกี้ยวต่างจากรถม้า เมื่อถูกยกขึ้นมาอย่างกระทันหัน ทำให้ซูหลีเกือบจะล้มลงไป
พอนางทรงตัวได้ก็จับเบาะไว้แน่น กลัวว่าตัวเองจะกลิ้งตกลง แล้วจะกลายเป็นถ้านฮวาคนแรกที่ขายหน้า
แต่ถึงแม้ไม่ขายหน้าแต่เกี้ยวเจ้าสาวก็แปลกพิกลมากพอกัน
ตั้งแต่สถาปนาราชวงศ์ต้าโจวมา สามลำดับแรกในการสอบเคอจวี่ที่พิเศษอย่างยิ่งจะต้องไปยังใจกลางเมืองหลวงในสภาพเช่นนี้!
แถมยังจะตีฆ้องร้องป่าวตลอดทาง ทำให้ตกเป็นเป้าสายตาคนจำนวนไม่น้อย ออกจากวังหลวงแล้ว ซูหลีก็เห็นหัวคนจำนวนมากด้านหน้าครรลองสายตา
ซูหลีหมดคำจะพูด…
ทำอย่างไรดี นางอยากจะปิดหน้าตนเองเสียจริงๆ ในช่วงเวลาแห่งเกียรติยศเช่นนี้!
นี่คือขบวนแห่จอหงวนอะไรกัน นี่กลั่นแกล้งนางชัดๆ!
“นั่นคือท่านจอหงวนใช่ไหม?”
“ว้าว หล่อมากเลย!”
“จริงด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจอหงวนจะหน้าตาดีขนาดนี้!”
“ข้างหลังยังมีคุณชายสง่างามกว่า!”
“ไหน ไหน?”
“ดูสิก็คนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาว!”
……
เกี้ยวเจ้าสาว!
ซูหลีกระตุกมุมปากเบาๆ ฝืนยิ้มออกมาให้เหมือนมีความสุข
ตอนที่ 612 เก็บไว้ได้หรือไม่
ที่แท้ฮ่องเต้ทรงรอตอนนี้อยู่!
ฮ่องเต้ใจแคบ!
ซูหลีบ่นอยู่ในใจ แต่ใบหน้าจำเป็นต้องแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม
นางจะระเบิดอารมณ์ไม่ได้ นางได้ตำแหน่งนี้มาเพราะหน้าตา ฉะนั้นต้องให้ทุกคนเห็นใบหน้าที่งดงามที่สุดของตนเอง!
ซูหลีเกร็งใบหน้าเช่นนี้มาตลอดทาง ยิ้มโง่งมวนรอบเมืองหลวงไปพร้อมกับเซี่ยอวี่เสียนและโจวฉิน
……
ภายในหอสุ่ยอวิ๋น
ภาพขบวนแห่จอหงวนด้านนอก ดึงดูดคนจำนวนไม่น้อยให้ออกไปดู ทำให้หอสุ่ยอวิ๋นที่ปกติแล้วคนจะแน่นตลอด สงบเงียบทันตา
“นายท่าน เกรงว่าจะเก็บซูหลีผู้นี้เอาไว้ไม่ได้” ห้องรับรองในหอสุ่ยอวิ๋นมีคนอยู่สองคน นั่งหนึ่งยืนอีกหนึ่ง แก่หนึ่งเด็กอีกหนึ่ง คนที่พูดอยู่นั่นก็คือชายชราที่ยืนอยู่
ฉินมู่ปิงเหลือบตามองด้านนอก ไปเห็นเข้ากับซูหลีที่นั่งเกี้ยวพิกลพิการ ในเกี้ยวเต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ซึ่งล้วนแต่เป็นดอกไม้ที่หญิงสาวโยนเข้ามาให้ตลอดทาง
หน้าตาซูหลีไม่เท่าไหร่แต่ความเสน่ห์ในการดึงดูดคนไม่ธรรมดาจริงๆ
ซึ่งนั่นก็จริง เกิดมามีใบหน้าราวมารทรงเสน่ห์ แถมตอนนี้เป็นถ้านฮวาอีก กลายหนึ่งในคนอายุน้อยที่มีความสามารถในเมืองหลวง จะไม่ให้คนรักคนหลงได้อย่างไรกัน?
บวกกับเรื่องรถเข็นก่อนหน้านี้ ซูหลีจึงแก้ชื่อเสียงของตัวเองให้ดีขึ้น
ตอนนี้หากไปถามชาวบ้านเรื่องซูหลี ที่จะได้ยินก็มีเพียงคำชื่นชมในตัวซูหลี
ทันทีที่คิดถึงเรื่องรถเข็น ใบหน้าของฉินมู่ปิงก็นิ่งขรึมลงไป
ลุงเฉิงที่อยู่ข้างๆ อ่านสีหน้าฉินมู่ปิงออกอย่างทะลุปรุโปร่ง เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจเบาและเอ่ย “คนนี้ช่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย ก่อนนี้มอบภาพร่างรถเข็นให้ท่านอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ แต่เพียงครู่เดียวก็ถวายของที่เราทุ่มเททำให้แก่ฮ่องเต้”
“เจตนานี้ช่าง…”
สิ่งที่ลุงเฉิงพูด ฉินมู่ปิงย่อมเข้าใจ ซูหลีนางไม่ใช่แค่ถวายขึ้นไปเท่านั้น ทั้งยังรับความดีความชอบเอาไว้คนเดียว
เรื่องรถเข็นนี้ ซูหลีเป็นคนออกแบบพิมพ์เขียว แต่ทางฉินมู่ปิงก็ทั้งแรงงานและสิ่งของไปมาก แต่คนได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้มีแค่ซูหลีคนเดียว
แต่ถ้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ ก็มันไม่เช่นนั้น หากซูหลีไม่ได้วาดภาพนั้นออกมาละก็ ชาตินี้ทั้งชาติฉินเฮ่าก็คงทำได้แค่นอนอยู่บนเตียง
ถ้าดูจากมุมนี้ ซูหลีก็ไม่ได้ติดค้างอะไรพวกเขา
นางก็แค่…ฉลาดมากเกินไปหน่อย เจ้าเล่ห์มากไปก็เท่านั้น
ฉินมู่ปิงรู้สึกได้ว่า ซูหลีน่าจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างนางจึงไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขา ภาพร่างรถเข็นนางไม่ได้เป็นอย่างที่ลุงเฉิงพูดว่าซูหลีตั้งใจให้เขาเห็น แต่เป็นเพราะเจ้าตัวไม่ระวัง เขาจึงเห็นต่างหาก
ความไม่ระวังของนางนี้ หลังจากเกิดเรื่องแล้วนางก็ได้รับการชดเชย
อย่างน้อยตอนนี้ในใจเสด็จอา ซูหลีจึงเป็นคนที่สามารถเชื่อถือได้
“นายท่าน?” ลุงเฉิงเห็นฉินมู่ปิงไม่พูดจา พลันคิดว่าเขามีเรื่องกังวลใจจึงเปิดปากเรียกเขาอย่างอดไม่ได้
“ไม่รีบ” ฉินมู่ปิงละสายตา ใบหน้าดูมีเลศนัย “ซูหลีเจ้าเล่ห์เช่นนี้เพียงเพราะไม่มีรอยโหว่ให้คนอื่นจับได้ เรื่องที่ข้าเก็บงำอยู่ หากสามารถใช้เรื่องนี้ทำให้ซูหลีมาอยู่ฝ่ายเรา…”
คำพูดต่อจากนั้น ฉินมู่ปิงไม่ต้องพูดอะไรต่อ ลุงเฉิงก็เข้าใจ
“แต่เขาจะเชื่อฟังแต่โดยดีหรือขอรับ?” ลุงเฉิงยังคงมีความกังวลใจเล็กน้อย
“วางใจเถอะ” ฉินมู่ปิงจิบชา ใบหน้าของเขาเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ดวงตาคู่นั้นนิ่งขรึม “เรื่องนี้ไม่ปล่อยให้ซูหลีได้ปฏิเสธ!”
อย่างไรเสียนางก็สอบได้ตำแหน่งถ้านฮวา ถ้าความจริงเรื่องที่นางเป็นผู้หญิงถูกเป็นเผยออกมาละก็ สิ่งที่นางทำมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่าไป ไม่ใช่หรือ?