ตอนที่ 613 ความดีความชอบเป็นที่ประจักษ์แล้ว / ตอนที่ 614 งานเลี้ยงเฉลิมฉลองภายในวัง

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 613 ความดีความชอบเป็นที่ประจักษ์แล้ว

 

 

ขบวนแห่ของจอหงวนในวันนี้ครื้นเครงอย่างมาก ผู้คนในตรอกซอกซอยทั้งเมืองหลวงต่างแห่กันมาดูจอหงวนและ ถ้านฮวารูปงามแห่งต้าโจว

 

 

ใช่สิมีการสอบเคอจวี่มาตั้งหลายปี แต่มีเพียงครั้งนี้ ที่จอหงวนกับถ้านฮวามีรูปร่างหน้าตาที่สง่างามเช่นนี้

 

 

โดยเฉพาะถ้านฮวาที่นั่งอยู่ในเกี้ยว ส่งรอยยิ้มให้ทีก็ทำให้รู้สึกเหมือนวิญญาณจะหลุดลอยไป!

 

 

ไม่ว่าจะชายหรือหญิง เด็กหรือคนแก่ ต่างก็ถูกวงหน้าน่าชมของซูหลีดึงดูดจนต้องแห่มาดู

 

 

อีกทั้งวันนี้ไม่ใช่วันธรรมดาเลย เริ่มจากคนสอบได้สามลำดับของเคอจวี่เรียกความสนใจจากทุกคน จากนั้นก็เรื่องคำพูดที่ซูหลีพูดในพระตำหนัก

 

 

ตอนสอบต่อหน้าพระพักตร์ มีขุนนางหลายคนไม่พอใจในท่าทีของซูหลีนัก คนที่คิดว่าซูหลีเป็นคนพูดจาไร้สาระก็มีอยู่จำนวนไม่น้อยเช่นกัน

 

 

ทุกคนยามอยู่ในตำหนักอวิ๋นเซียวสงบเงียบ แต่พอออกมาก็เล่าเรื่องนี้จนแพร่ไปทั่วเมืองหลวง

 

 

แน่นอนว่ารวมไปถึงเรื่องที่ซูหลีบอกว่าจะรับผิดชอบในคำพูดตนเองด้วย เรื่องนี้ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จก็เป็นเรื่องใหญ่อยู่ดี

 

 

อีกทั้งทุกคนก็รู้เรื่องที่ซูหลีมีเงินจำนวนมาก

 

 

เรื่องที่วันนั้นโวยวายที่หอสดับพิรุณ ล้วนแต่คิดว่าซูหลีมีเป้าหมายอะไร แต่วันนี้เป้าหมายนั้นปรากฏชัดเจนแล้ว แต่กลับยิ่งชวนให้ประหลาดใจมากขึ้นไป

 

 

ในนี้ มีคนที่ใจหายใจคว่ำที่สุด คงจะหนีไม่พ้นซูไท่

 

 

ความคิดของเขาถูกเหวี่ยงขึ้นลงไปมา ซูหลีทำให้ใจของเขาอยู่อย่างไม่สงบสุขเป็นอย่างมาก

 

 

สอบได้ตำแหน่งถ้านฮวาซูไท่ก็ดีใจไปสักพัก จากนั้นก็มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ซูไท่เกือบหายใจไม่ออก เกือบจะเป็นลมล้มลงไปแล้ว

 

 

ที่จริงซูหลีไม่จำเป็นจะต้องทำเช่นนี้ก็ได้ ได้ตำแหน่งถ้านฮวามาแล้ว ย่อมต้องมีอนาคตที่ดีแน่

 

 

แต่กลับก่อเรื่องเช่นนี้ทำให้คนเห็นรู้สึกหวาดหวั่นและร้อนรน

 

 

ซูหลีก็ไม่อยากทำเช่นนี้ แต่เวลาไม่รอใคร นางไม่สามารถปิดบังทุกคนไปได้ตลอดชีวิต นางทำได้เพียงลองเสี่ยงเช่นนี้

 

 

หากแก้ไขเรื่องโรคระบาดได้ ความดีความชอบใหญ่หลวงนี้อาจจะกลายเป็นป้ายตรารักษาชีวิตของตัวนางเองก็ได้ เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่งสำหรับทั้งราชวงศ์ต้าโจว

 

 

ดังนั้นนางจึงต้องทำอย่างเสียไม่ได้

 

 

แต่ว่าการกระทำของนาง เป็นการผลักตัวเองให้ไปยืนอยู่ปากเหว กลบข่าวเรื่องการสอบได้จอหงวนของเซี่ยอวี่เสียนไปทันที และกลายเป็นบุคคลที่เป็นหัวข้อสนทนาในเมืองหลวง

 

 

ไม่ว่าจะเป็นขุนนางชั้นสูง คนชนชั้นสูงศักดิ์ หรือชาวบ้านธรรมดา ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น

 

 

และเพราะซูหลีเป็นคนก่อเรื่อง ทำให้งานเฉลิมฉลองที่เดิมฮ่องเต้จะทรงจัดให้กับผู้ที่สอบได้สามลำดับแรกต้องเลื่อนเวลาออกไป เพื่อรอดูวิธีของซูหลีก่อน หลังจากไปทดลองใช้กับเมืองที่เกิดโรคระบาดก่อนแล้วค่อยจัดงานเลี้ยงใหม่อีกครั้ง

 

 

ดีที่เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ฮ่องเต้ส่งขุนนางคนสนิทเป็นคนไปจัดการ ใช้สูตรยาที่ซูหลีคิดค้นขึ้นมา หลังจากนั้นไม่เกินสามวัน หนึ่งในคนที่ติดเชื้อก็เริ่มดีขึ้น!

 

 

ถูกต้อง แค่เพียงสามวันก็เห็นผลแล้ว พวกหมอที่ไปด้วยตรวจดูอาการของคนไข้คนนั้น ยืนยันว่าไม่ตรวจพบเชื้อแล้ว เพียงแค่ร่างกายอ่อนแอ จำเป็นต้องบำรุงร่างกายก่อน

 

 

พอมีหนึ่งก็มีสอง หลังจากนั้นก็มีตามมาเรื่อยๆ ผู้ติดเชื้อในเมืองเสฉวนก็ได้ยารักษาหายหมดทุกคน

 

 

ทั้งหลังจากใช้วิธีของซูหลีแล้ว เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนแล้ว ก็ไม่มีการระบาดของโรคอีก เป็นอย่างที่ซูหลีพูดเอาไว้ โรคระบาดถูกควบคุมได้แล้ว

 

 

แต่นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง

 

 

หลังจากที่คนติดโรคระบาดให้หายดีแล้วหลายคน ข่าวดีนี้ก็ถูกส่งมายังเมืองหลวง

 

 

ความดีความชอบของซูหลีในครั้งนี้ เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคนแล้ว!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 614 งานเลี้ยงเฉลิมฉลองภายในวัง

 

 

ทันใดนั้นเองชื่อเสียงของซูหลีก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วเมืองหลวง โด่งดังจนเหนือผู้เข้าสอบเคอจวี่คนใดๆในคราวนี้ ถึงขั้นโด่งดังกว่าขุนนางคนเก่าคนแก่ เป็นคนดังในเมืองหลวงในชั่วข้ามคืน

 

 

เดิมทีคนที่รอคอยดูการเปลี่ยนแปลงของบ้านสกุลซูและซูหลีต่างก็เคลื่อนไหวกัน

 

 

ภายในไม่กี่วัน ธรณีบ้านสกุลซูก็เกือบโดนคนมาเยี่ยมเหยียบจนพัง ซูไท่ดีอกดีใจเป็นอย่างมาก ใครมาก็ต้อนรับ หากไม่ได้คิดว่าจะเอิกเกริกเกินไป เขาอยากจะจัดงานเลี้ยงหลายๆ วันด้วยซ้ำไป

 

 

คนที่เคยดูถูกเขาซูไท่จงดูเอาไว้ให้ดี!

 

 

แต่เรื่องนี้ทำได้สำเร็จถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องที่ตามมา อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป

 

 

อย่างเช่น…

 

 

“นายน้อย นายท่านให้ข้าน้อยส่งภาพวาดพวกนี้มาให้ท่านขอรับ” พ่อบ้านซูเดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ปฏิบัติตัวต่อซูหลีด้วยท่าทีที่นอบน้อม

 

 

ตอนนี้ทุกคนในบ้านสกุลซูปฏิบัติตัวต่อซูหลีด้วยความนอบน้อม พวกเขาสามารถเดินยืดอกด้วยความภาคภูมิใจอยู่ข้างนอกได้ เพราะนายของพวกเขาเป็นคนเก่งกาจเช่นนี้!

 

 

“…วางลงเถอะ” ซูหลีเหลือบตามองภาพวาดพวกนั้น กระตุกมุมปากอย่างอดไม่ได้

 

 

พวกคนในเมืองหลวงก็ว่างกันจริง คราวนี้นางมีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ ถึงขนาดถูกชาวบ้านขนานนามให้เป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้ เห็นได้ชัดว่าการช่วยจัดการเรื่องโรคระบาดในครั้งนี้ มีอิทธิพลต่อทั้งต้าโจวอย่างยิ่ง

 

 

เรื่องนี้อยู่ในการคาดเดาของซูหลี นางเองก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจมากนัก

 

 

แต่ก็เพราะเรื่องนี้ ที่ทำให้เรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมาต่อจากนั้น

 

 

ประเด็นสำคัญคือตอนนี้ซูหลีประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเด็ก พอสอบเข้ารับราชการได้ก็มีชื่อเสียงที่ดีขนาดนี้…แถมยังไม่แต่งงานด้วย!

 

 

แม่สื่อในเมืองหลวงพอได้ยินข่าวก็เริ่มเคลื่อนไหว ช่วงนี้คนที่ส่งภาพวาดผู้หญิงมาให้บิดานาง ก็มีมากมายก่ายกอง

 

 

บิดาของนางก็น่าสนใจนัก คราวนี้เขาคิดได้ว่าซูหลีประสบความสำเร็จแล้ว จึงได้คิดเรื่องการสมรสของซูหลีอย่างจริงจัง

 

 

ซูหลีหมดคำจะพูด…

 

 

นางสามารถหาลูกสะใภ้ได้หรือ?

 

 

หากแต่งหญิงสาวเข้ามานางก็จบเห่ อย่าว่าแต่เป็นขุนนางเลย ฝ่าบาทไม่ตัดหัวนางก็ถือว่าทรงดีกับนางมากแล้ว

 

 

ดังนั้นทุกครั้งที่เจอเรื่องเช่นนี้ ซูหลีก็เลี่ยงไป ไม่ตอบไม่สนใจไม่ทำอะไรทั้งสิ้น

 

 

นโยบายไม่สนใจไม่แยแสก็พอจะดับความกระตือรือร้นของซูไท่ไปได้บ้าง

 

 

แต่ถึงอย่างไรซูหลีก็เพิ่งจะเข้าสู่รับราชการได้ไม่นาน ไม่รีบร้อน!

 

 

“นายน้อยเตรียมพร้อมแล้วขอรับ” ชุยตานเดินเข้ามาเอ่ยเสียงแผ่ว

 

 

ซูหลีได้ยินเช่นนั้น ก็พยักหน้าเล็กน้อยและเอ่ย “ไปกันเถอะ”

 

 

วันนี้เป็นงานฉลองที่ฝ่าบาททรงจัดให้ ตัวหลักคือพวกเพิ่งสอบเคอจวี่อย่างซูหลี เดิมงานเลี้ยงนี้ควรจัดขึ้นในวันที่สอบเสร็จ แต่เพราะเรื่องวิธีแก้ไขปัญหาโรคระบาดของซูหลีทำให้ต้องเลื่อนออกไป

 

 

บัดนี้จัดการเรื่องโรคระบาดได้แล้ว งานเลี้ยงฉลองจึงได้ฤกษ์จัดขึ้น

 

 

วันนี้ซูหลีเข้าวังกับชุยตานคนเดียว อย่างไรเสียเป็นงานเลี้ยงฉลองที่จัดขึ้นภายในวัง ถึงนางจะพาไป๋ฉินกับเย่ว์ลั่วมาด้วย ก็เข้าไปข้างในไม่ได้ ต้องรออยู่ข้างนอกอยู่ดี

 

 

ซูหลีจึงไม่พาพวกนางมาเลยเสียดีกว่า อย่างไรเสียในวังก็มีสาวใช้กับขันทีคอยดูแลอยู่ แล้วนางก็ไม่ได้มีอะไรให้พวกนางทำด้วย

 

 

ก่อนออกจากบ้าน ก็ได้กินยาปลอมตัวไปหนึ่งเม็ด จากนั้นก็ขึ้นรถม้าไปพร้อมกับชุยตาน มุ่งหน้าเข้าสู่วังหลวง

 

 

“หยุด” รถคันนั้นหยุดลงที่หน้าประตูวัง บัดนี้ท้องฟ้ามืดลงทั่วรอบบริเวณ ดีที่ตอนนี้ใกล้จะเดือนสี่แล้ว อากาศเริ่มอุ่นขึ้น ลมที่พัดลอยมามีแต่ความเย็นสบายเท่านั้น ไม่ได้ทำให้รู้สึกหนาวแต่อย่างใด

 

 

“รอข้าอยู่ตรงนี้” ซูหลีลงจากรถม้ากำชับชุยตานไม่กี่คำ แล้วก็เดินเข้าไปในวัง

 

 

ทว่า ตอนนางหมุนตัวจะไปนั้น ตาของชุยตานก็เกิดการกระตุกขึ้นมา