ตอนที่ 615 งานเลี้ยงฉลองที่ตำหนักฉยงอวี้
ชุยตานเงยหน้ามองฟ้าขมวดคิ้วน้อยๆ
ไม่รู้ว่าทำไม เขาจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย
แต่พอกลับมาคิดดูอีกที ที่นี่คือวังหลวง ใครจะสามารถมาทำเรื่องอะไรในนี้ได้ ชุยตานส่ายหัว แล้วเดินไปข้างรถม้า
……
วันนี้งานเลี้ยงฉลองถูกจัดขึ้นที่พระตำหนักฉยงอวี้ พระตำหนักฉยงอวี้เป็นตำหนักที่ไว้จัดงานเลี้ยงโดยเฉพาะ ปกติแล้วจะจัดงานฉลองปีใหม่พร้อมขุนนางน้อยใหญ่ที่นี่
เพียงแต่การเลี้ยงฉลองปีใหม่ครั้งก่อนๆ ซูหลีไม่เคยมาร่วมงานด้วย
ดังนั้นครั้งนี้จึงถือว่าเป็นครั้งแรกที่นางมาที่พระตำหนักฉยงอวี้
พระตำหนักนี้ก็มีลักษณะคล้ายกับชื่อของมัน คือประดับประดาด้วยหินแกะสลัก สวยงามตระการตา ทันทีที่ซูหลีเดินเข้าไป ก็สัมผัสได้ถึงความหรูหราโอ่อ่าของที่แห่งนี้
ของตกแต่งภายในวังมีความวิจิตรหรูหรา พรมขนแกะที่เหยียบอยู่ด้านล่างนุ่มนิ่ม ราวกับกำลังเดินอยู่บนก้อนเมฆ
“ฝ่าบาท ถ้านฮวาซูมาถึงแล้ว” ขันทีที่นำซูหลีมาใจกลางตำหนัก จากนั้นก็คุกเข่าลง
ซูหลีเดินตามหลังมาติดๆ พูดขึ้นว่า “ถวายบังคม ฝ่าบาท”
“ลุกขึ้นเถอะ” พอซูหลีได้ยินเช่นนั้นก็ลุกขึ้นยืน ทันทีที่นางลุกขึ้นก็เห็นว่าวันนี้ฉินเย่หานใส่ชุดสบายๆ ทั้งยังไม่ใช่สีดำแต่เป็นสีขาวเป็นสีขาวที่สะดุดตาอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าจะเป็นชุดสบายๆ แต่การตัดเย็บของฉลองพระองค์ก็ประณีตมาก ปักลายมังกรด้วยด้ายสีทองบนเสื้อ เป็นประกายวิบวับยามต้องไฟ ทำให้ดูน่าเกรงขาม
ฉินเย่หานน้อยครั้งนักที่จะใส่เสื้อผ้าสีเช่นนี้ พอได้เห็นเข้า ก็รู้สึกว่าใบหน้าเขาใสราวกับหยก ใบหน้าที่งดงามอยู่แล้ว ประกอบกับชุดที่ใส่ในวันนี้ยิ่งทำให้เขาดูดีอย่างถึงที่สุด
ถึงแม้ว่าท่าทีของเขาก็ยังคงเย็นชาเหมือนเคย แต่ก็ไม่สามารถกดทับความสง่างามของเขาลงได้เลยแม้แต่น้อย
ซูหลีเหลือบมอง สาวใช้ที่ยืนอยู่รอบๆ บางคนถึงกับหน้าแดงไปเลย
“ถ้านฮวาซู ทำไมเจ้าถึงมาเอาป่านนี้ คงไม่ใช่เพราะว่าเป็นถ้านฮวา เลยไม่อยากคบค้าสมาคมกับพวกเราเพื่อนร่วมสำนักกระมัง” ในขณะที่ซูหลีกำลังอึ้งอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงหนึ่งลอยผ่านเข้ามา นางเงยหน้าขึ้นดู ก็เห็นฉินมู่ปิงที่กำลังถือจอกเหล้าในมือ มองนางด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ซูหลีชะงักไปเล็กน้อย หัวเราะเบาๆ แล้วพูด “ซื่อจื่อพูดอะไรเช่นนั้น”
ฉินมู่ปิงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ตรัสอะไรต่อ ทรงทอดพระเนตรมองนาง แล้วก็ดื่มเหล้าเข้าปาก ด้วยแววพระเนตรนิ่งเฉย
ซูหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย ท่าทีของฉินมู่ปิงต่างไปจากปกติ
“เชิญนั่ง” ฉินเย่หานตรัสด้วยสุรเสียงเยือกเย็น
“ถ้านฮวาซู เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” นางกำนัลรีบเดินมา นำทางซูหลีไปนั่งที่ตำแหน่งด้านล่างของฉินเย่หาน
“พี่สาว ข้าคิดว่าข้านั่งตรงนี้คงจะไม่เหมาะสมเท่าไรนัก” ซูหลีมองไปที่ตำแหน่งที่นั่ง แล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
วันนี้เป็นงานเลี้ยงพระราชทานฉลองการสอบคัดเลือกขุนนาง ที่นั่งข้างล่างตำแหน่งแรกของฮ่องเต้ควรให้เซี่ยอวี่เสียนมานั่งจึงจะเหมาะสม
“เอ่อ…” สาวใช้รู้สึกตกใจเล็กน้อยทำท่าตัวไม่ถูก
“ซูถ้านฮวารีบนั่งลงเถอะ นี่เป็นคำสั่งของฝ่าบาท” ยังดีที่หวงเผยซานสังเกตมาทางนี้ ทำให้เรื่องจบลงได้ เขาหัวเราะพลางพูดกับซูหลีว่า
“นอกจากท่านจะเป็นถ้านฮวาแล้ว ท่านยังเป็นขุนนางที่มีความดีความชอบอันใหญ่หลวงต่อราชวงศ์โจว นั่งตรงนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว”
หวงเผยซานพูดขนาดนี้แล้ว ซูหลีก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก นางหันไปมองที่ฉินเย่หานแวบหนึ่ง แล้วก็นั่งลงไปตรงนั้น
ส่วนคนที่นั่งข้างขวาของนาง ถึงจะเป็นผู้ที่ควรได้ตำแหน่งถ้านฮวาครั้งนี้ เซี่ยอวี่เสียน
“อาหลี เจ้ามาช้าไปนะ” เซี่ยอวี่เสียนพูดหยอกล้อซูหลีด้วยสีหน้าท่าทางปกติ
ซูหลีได้ยินเข้ายิ้มแล้วเอ่ย “ก็นัดกันไว้แล้วว่าเวลานี้ คิดไม่ถึงว่าทุกคนจะมากันเร็วขนาดนี้!”
ตอนที่ 616 ดื่มสุรา
“ฝ่าบาททรงพระราชทานจัดเลี้ยง ใครจะกล้ามาสาย มีแต่เจ้าที่ใจกล้าเช่นนี้!” เซี่ยอวี่เสียนกวาดตามองนาง ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยหน่าย
ซูหลีได้ยินเช่นนั้นลูบจมูกน้อยๆ รู้สึกเหมือนนี่เป็นความผิดของนาง!
นางเอาแต่ฟังเซี่ยอวี่เสียนพูดจา จึงไม่ได้สังเกตเห็นแววตาฉินเย่หานที่จดจ้องนางไม่วางตาตั้งแต่เจ้าตัวย่างกรายเข้ามาในตำหนักฉยงอวี้ จนเห็นนางนั่งลงและพูดคุยกับเซี่ยอวี่เสียน
ใบหน้าฉินเย่หานเรียบเฉยแต่ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงอย่างอันตราย
หวงเผยซานที่ยืนด้านหลังเขาตัวสั่นเทิ้มอย่างอดไม่ได้
“ขุนนางทุกท่าน” ซูหลียังคงพูดคุยกับเซี่ยอวี่เสียน จู่ๆ ฉินเย่หานที่นั่งด้านบนก็ตรัสขึ้นมา
นางนิ่งไปจากนั้นจึงเหลือบสายตาขึ้นไปมอง
พลันเหลือบเห็นฉินเย่หานจ้องมาที่นางในแววตานางฉายแววตักเตือนอย่างบอกไม่ถูก
ซูหลีงงุนงง…
นางทำอะไรลงไป ทำไมฉินเย่หานถึงต้องเตือนนางด้วย?
“คราวนี้ควบคุมโรคระบาดที่เสฉวนได้ เป็นผลงานของซูหลี” ที่เกินความคาดหมายที่สุดคือปากฉินเย่หานเรียกทุกคนแต่กลับชมซูหลีต่อหน้าบรรดาขุนนางทั้งหมด
ซูหลีงุนงงไปเล็กน้อย ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เห็นฉินเย่หานยกจอกสุราหยกสีขาวตรงหน้าเข้าขึ้นมาพลางเอ่ย
“ทุกท่านและเรา ร่วมกับดื่มไปกับขุนนางซูเถอะ!”
ซูหลีตะลึงงัน…
???
เดี๋ยวนะทำไมถึงมีวิธีแบบนี้ด้วย?
นางคิดเอาไว้แล้วว่าฝ่าบาททรงพระราชทานเลี้ยง งานเลี้ยงวันนี้ต้องมีกิจกรรมการดื่มเหล้าแน่
แต่ความสามารถในการดื่มเหล้าของนาง หากให้ดื่มสุราขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าคงจะก่อเรื่องอะไรแน่ ตอนนี้นางเพิ่งเริ่มขั้นที่หนึ่งจะปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้
แต่ก่อนนี้นางทำความดีความชอบ หากมีคนยกสุราเคารพนาง นางจะพูดอ้อมค้อมบอกว่าตนเองไม่ได้หลับไม่ได้นอนเป็นแรมเดือน ไม่ค่อยสบาย ดื่มสุราไม่ได้ก็เรียบร้อย
ใครจะคิดว่าคนแรกที่เรียกให้นางดื่มจะเป็นฮ่องเต้!?
คราวนี้ลำบากแล้ว ซูหลีคงจะไม่สามารถใช้มุกเมื่อครู่ต่อหน้าคนจำนวนมากมายเช่นนี้ได้
จะผัดผ่อนใครก็ได้ แต่กับฮ่องเต้…
นั่นเป็นการล่วงเกินอย่างมาก ถึงนางจะมีความดีความชอบนักหนา แต่โอรสสวรรค์จะยอมให้นางขัดขืนได้อย่างไร!
ซูหลีหัวหมุนไปมาหลายรอบ แต่ในตอนที่นางกำลังฟุ้งซ่านนั้น นางกำนัลด้านหลังนางก็ก้าวเดินขึ้นไปด้านหน้า ส่งจอกสุราที่มีสุราเต็มจอกให้นาง
“ถ้านฮวาซูเชิญ” นางกำนัลหน้าแดง ขณะสบตามองซูหลี ส่งจอกสุราด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ซูหลีจนปัญญา…
นางตัวแข็ง แต่ก็รับจอกสุราจากนางกำนัลแต่โดยดี
ฉินเย่หานที่อยู่ด้านบนเห็นสีหน้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน มุมปากเขายกเป็นรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นเจ้าเล่ห์เล็กน้อย เพราะซูหลียังเป็นกังวลเรื่องสุราในจอกจึงไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มของฉินเย่หาน
“ถ้านฮวาซู” ในตำหนักเงียบสนิท ฝ่าบาทบอกว่าจะทรงดื่มสุรากับซูหลี ตอนนี้ซูหลีต้องลุกขึ้นยืน แล้วดื่มสุราก่อนเพื่อเป็นมารยาทของข้าบริวาร
เห็นนางไม่ขยับตัว หวงเผยซานจึงเอ่ยเตือนนาง
ซูหลีทำอะไรไม่ได้ จำต้องลุกขึ้นยืนยกจอกสุราและเอ่ย
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
จากนั้นจึงส่งจอกสุราไปตรงหน้า ทันทีที่จอกสุราใกล้นาง กลิ่นหอมของสุราก็ลอยเข้าจมูกนาง ทำให้ซูหลีก็รู้สึกเมามายโดยที่ไม่ต้องดื่มลงคอ
นางกัดฟัน ใจเต้นรัว จากนั้นก็ยกจอกสุราขึ้นสูงและยกดื่มจนหมด!
“ประเสริฐยิ่ง!” รอบบริเวณก็มีเสียงเออออตามมาจากการกระทำดังกล่าว