บทที่ 204 ทำไมเขายังตามมาอีก

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

พนักงานหญิงคนนั้นวางกาแฟลงบนโต๊ะ หลังจากนั้นก็มองไป แล้วอดที่จะกลืนน้ำลายลงไปไม่ได้ และเงียบไปเลย

“ไม่มีประโยชน์เลย! เมื่อกี้ไม่ใช่ว่ายังโวยวายว่าฉันไม่เตือนว่าในนี้สูบบุหรี่ไม่ได้อยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ทำไมเงียบไปแล้วล่ะ?”

“ได้มาเห็นผู้ชายที่หล่อๆโดดเด่นขนาดนี้ ได้มาสูดควันของเขาก็คุ้มค่าแล้ว!”

“มาที่นี่สิบคน เก้าคนก็เป็นผู้หญิงแล้ว ไม่อย่างนั้นก็เป็นคู่รัก บางครั้งก็เป็นผู้ชายโหดไร้มนุษยธรรม ผู้ชายคนนี้คือดีที่สุดของที่สุดแล้ว!”

พนักงานสองคนคว่ำหน้าอยู่ตรงเคาน์เตอร์แบบนั้น สายตาเหมือนกับยึดติดอยู่กับร่างของชายหนุ่ม มองดูอย่างดุเดือดพลางวิพากษ์วิจารณ์กันเบาๆไปด้วย

มุมปากขยับ จู่ๆออกัสกลับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ มือซ้ายนวดลงตรงหว่างคิ้วเบาๆ เสียงหัวเราะที่เอ่อล้นออกมานั้นยังไม่หยุดนิ่ง สำหรับเขานั้น เขารู้สึกเพียงว่าไม่เคยมีมาก่อน…..ตลกจัง…..

เขาอยู่ในวงการธุรกิจมาสิบปีแล้ว ตอนนี้เขายิ่งแสดงออกให้เต็มความสามารถ แต่ ไม่ใช่ชื่อเสียงจอมปลอม

สำหรับเรื่องราวในทางธุรกิจ เขามีความคิดที่ระมัดระวังพิถีพิถันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นทุกๆคำพูดทุกๆการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย เขาล้วนสามารถจะเดาเจตนาของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ ไม่เคยพลาดมาก่อนเลย

เพียงแต่ทางด้านอีคิวนั้น เขาคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะมาถึงขั้นความรู้สึกช้า สามารถเทียบกับคนโง่ได้เลย

ในใจเขามั่นใจมาโดยตลอดว่าคนที่ตัวเองรักนั้นคือหยาดฝน แต่ไม่รู้เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่แรกแล้ว

หรือบางทีจะเป็นช่วงก่อนที่เขาจะส่งเครื่องสำอางไปให้เธอ หรือหลังจากนั้น ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเขามีความรู้สึกดีต่อเธอมาตั้งนานแล้ว ก่อเกิดเป็นความรู้สึกขึ้นมา

มิเช่นนั้นแล้ว ตอนที่เธอเอาข้อตกลงการหย่าส่งให้เขา เขาก็คงจะไม่โมโหขนาดนั้น โมโหเสียจนไม่สามารถควบคุมได้!

แล้วก็ตอนที่เธอกับหยาดฝนตกหน้าผาไปพร้อมกันก็คงไม่เลือกที่จะปกป้องเธอก่อนแล้วถึงได้ไปช่วยหยาดฝนหรอก……

และยิ่งคงจะไม่ตาแดงก่ำด้วยความรู้สึกที่อยากจะฆ่าองค์ชายแล้วค่อยฆ่าเธอเมื่อตอนที่เห็นเธอเลือกเสื้อผ้าให้องค์ชายแบบนั้น!

ความรู้สึกบ้าคลั่งที่รุนแรงแบบนี้ กลับถูกเขามองข้ามไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า น่าเยาะเย้ยจริงๆ!

นึกถึงที่ตัวเองพูดถึงเรื่องความลุ่มหลงในร่างกาย เขาก็รู้สึกเพียงแค่ตรงขมับนั้นจู่ๆก็กระตุกขึ้นมา แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่อยากจะบีบเธอให้ตาย แต่อยากจะบีบตัวเองมากกว่า

ผู้หญิงที่มีรูปร่างดีกว่าเธอนั้นมีนับไม่ถ้วน แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับผู้หญิงพวกนั้น เขาก็ไม่เคยดุเดือดรุนแรงมาก่อน สงบนิ่งมาโดยตลอด

แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับเธอ ลักษณะท่าทางเหิมเกริมที่โหมซัดเข้ามา ความมุทะลุดุดันทำให้เขาแทบจะไม่สามารถรับมือได้เลย ความมีความสุขสูงสุดที่ได้ไปถึงส่วนลึกของร่างกายนั้น มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่สามารถให้เขาได้!

ไม่มีอะไรมากไปกว่าเพียงแค่ตอนที่ร่างกายกับหัวใจเชื่อมเข้าด้วยกัน แล้วไปถึงความสุขนั่นถึงจะเป็นจุดที่สูงสุด ทำให้งอตัวไปด้วยความไวต่อความรู้สึก!

สองมือนวดอยู่ตรงหน้าผาก ลูกกระเดือกของออกัสกลิ้งไปมา ร่างสูงเอนกายพิงเก้าอี้ มือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อด้านบนออก เพื่อผ่อนคลาย

ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปแล้ว ทั้งร่างกายและจิตใจดูเหมือนจะผ่อนคลายลง มีความสุข ตั้งแต่ปลายผมจรดเท้า ทั้งร่างกายรู้สึกสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ทั้งๆที่เป็นเรื่องง่ายๆเรื่องหนึ่ง แต่เขากลับใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะเข้าใจมันได้…..

กับหยาดฝนที่เติบโตมาด้วยกัน ในขณะเดียวกันผู้หญิงคนแรกที่รักก็คือเธอ ความรู้สึกลึกซึ้งยี่สิบกว่าปีทำให้เขาไม่เคยสงสัยในความรักที่เขามีต่อหยาดฝนมาก่อนเลย

หรือสามารถพูดได้ว่าสะกดจิต ลึกเข้ากระดูก แต่กลับปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้

สี่ปีที่อเมริกา ถึงแม้ทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันทั้งเช้าและเย็น แต่ก็ไม่ได้มีความเป็นธรรมชาติเหมือนตอนแรกเริ่มอีกแล้ว

ส่วนมากแล้วเธอจะเป็นคนพูด เขาจะเป็นคนฟัง บางครั้งแม้แต่เขาเองก็สามารถรู้สึกถึงการตามใจ ไม่แคร์ ขอไปที ความรู้สึกเสียใจ

แต่ระหว่างสองคนก็ไม่มีหัวข้อการสนทนาต่อกัน แต่ตอนนั้นเขากลับไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะอะไร…..

เขาลุกขึ้นแล้วบีบตรงหน้าผากและเดินไปตรงหน้าเคาน์เตอร์ ตอนที่สังเกตเห็นป้ายสัญลักษณ์ห้ามสูบบุหรี่นั้น มือใหญ่ชี้ไป พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า : “ขอโทษด้วยครับ”

“ไม่….ไม่…ไม่เป็นไรค่ะ….”พนักงานแคชเชียร์อดที่จะหน้าแดงไม่ได้ พูดติดอ่างขึ้นมา

เด็กสาวที่เป็นคนเสิร์ฟกาแฟนั้นยิ่งตอบได้อย่างคลาสสิกกว่า : “ไม่เป็นไรค่ะ คุณสูบอีกได้เลย”

ได้ยินแล้ว ดวงตาเรียวของออกัสก็หรี่ขึ้น ใบหน้าที่ไม่ได้มีความปีติยินดีมาโดยตลอดนั้นปรากฏรอยยิ้มบางๆออกมา หยิบเงินออกมาแล้วยื่นให้พนักงานแคชเชียร์

หลังจากนั้น เขาก็หันกลับเดินออกไปนอกร้านกาแฟ

ตอนที่ปริ้นท์ใบเสร็จนั้น ในมือก็ถือเงินทอนเอาไว้อยู่ แล้วตะโกนขึ้นกับร่างที่ออกไปแล้ว : “คุณผู้ชายคะ เงินทอนค่ะ”

แต่ทว่า สิ่งที่ตอบกลับเธอมานั้นเป็นเพียงเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นเพียงเท่านั้น

“นี่ เมื่อกี้เธอเห็นหน้าอกที่มีน้ำหยดลงมาอยู่หรือเปล่า เซ็กซี่เป็นบ้าเลย นี่มือเท้าฉันขดงอไปหมดแล้ว!”

“ก็ต้องเห็นสิ แต่จะว่าไปกล้ามท้องเขาแข็งแรงจริงๆนะ กางเกงชุดสูทนั่นก็เปียกแนบเนื้อ สะโพกก็ผายมากเลย!”

“อยากจะนอนซบอกเขาจริงๆ! อ๊าย! คิดต่ออีกไม่ได้แล้ว คิดแล้วเลือดกำเดาก็จะไหล!”เด็กผู้หญิงที่เสิร์ฟกาแฟทำจมูกฟุดฟิด แล้วโยนผ้าขี้ริ้วแรงๆ : “ทำงาน!”

กลับมาถึงห้อง ซารางตื่นขึ้นมาแล้ว กำลังใส่เสื้อผ้าเองอยู่ มือเล็กๆขาวเนียนยังขยี้ตาอยู่ไม่หยุด

หลังจากที่เก็บอาการทั้งหมด อารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆ ให้กลับมาสงบเหมือนเดิมแล้ว เชอร์รีนก็เดินเข้าไป มือตีลงบนก้นของซารางเบาๆ : “เก่งมาก! แล้วก็รีบไปล้างหน้าแปรงไฟ แล้วลงไปทานอาหารเช้านะคะ”

“หม่ามี๊ อาหารมีทาร์ตไข่ไหมคะ?”ลิ้นชมพูเลียปากเล็กๆนั่น เธอยังงงๆยังไม่ตื่นดีเลยกลับนึกถึงของกินเสียแล้ว

“มีค่ะ ทาร์ตไข่กับนม อย่าขยี้ตาแล้ว รีบไปกันเถอะลูก”

องค์ชายเริ่มลองที่จะเลื่อนรถเข็นด้วยตัวเอง สามารถคุ้นเคยได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ คล่องมือขึ้นมาก สามารถไปในที่ที่อยากจะไปได้แล้ว

“ก้าวหน้าเร็วนี่คะ”เชอร์รีนยืนอยู่ทางด้านหลัง หัวเราะเบาๆพลางหยอกล้อ : “ตอนบ่ายเราเริ่มออกกำลังกายขาที่ห้องกันก่อนนะคะ แต่ว่าเห็นคุณนั่งอยู่บนรถเข็นแล้วดูเพลินอยู่เหมือนกันนี่คะ”

ได้ยินแล้ว องค์ชายเองก็กำลังหัวเราะด้วยเช่นกัน : “เป็นตำรวจมานานขนาดนี้ ทุกวันก็เอาแต่วิ่งเต้นยุ่งตลอด เวลาที่จะได้มานั่งก็น้อยมากแล้ว นี่ได้มานั่งทั้งวันเลยก็สบายมากเหมือนกันนะครับ”

“ได้ยินคุณพูดแบบนี้แล้ว เดิมทีความโชคร้ายก็เป็นความสุขได้เหมือนกันนะคะ แต่ไม่ว่าจะนั่งอยู่ตรงนั้นจะสบายใจขนาดไหน คุณก็จำเป็นที่จะต้องรีบลุกขึ้นมาให้ได้เร็วๆ เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ทานอาหารเช้ากันดีกว่า”

ระหว่างที่พูดนั้น เชอร์รีนก็เดินมาที่ห้องรับแขก มีนมแล้วก็มีน้ำเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ใช้เครื่องทำน้ำเต้าหู้ ยังมีไอความร้อนอยู่

แต่ทั้งสามคนเพิ่งจะนั่งล้อมโต๊ะอาหารนั้น ประตูห้องรับแขกก็ถูกผลักเข้ามาจากทางด้านนอก หลังจากนั้น ร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของทั้งสามคน

“คุณอา!”ซารางค่อยๆกระโดดลงมาจากบนเก้าอี้ แล้วพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของออกัส : “หม่ามี๊ทำอาหารเช้าเอาไว้ คุณอาทานด้วยกันนะคะ”