บทที่ 203 ฉันจะแต่งงานกับเขา

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“คุณเป็นพ่อแท้ๆของซารางมีสิทธิที่จะมาหาเธอ ฉันไม่ปฏิเสธ วันนี้ฉันรีบมาเกินไป แล้วโทรศัพท์มือถือก็แบตหมดด้วย เลยยังไม่ได้บอกคุณว่าฉันพาซารางมาที่เมืองทะเลหทัยแล้ว นี่เป็นความผิดของฉันเอง ฉันติดค้างคำขอโทษคุณเอาไว้ และถ้าหากต่อไปคุณคิดถึงซาราง ฉันจะพาซารางไปส่งที่เมืองsให้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับซาราง ต่อไปฉันจะไม่ลืมที่จะบอกคุณ…..”

เอ่ยพูดแล้ว สองมือของเธอจับอยู่ที่แก้วกาแฟ แล้วมองเขา พลางเอ่ยพูดต่อ : “แต่การติดต่อกันระหว่างเราก็จำกัดเอาไว้เพียงแค่นี้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าต่อไปฉันจะทำอะไรหรือจะพูดอะไร ก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันคิดว่าฉันพูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดซ้ำอีก”

ได้ยินแล้ว ออกัสก็เลิกคิ้วขึ้น ดวงตาดำสนิทแหลมคม จดจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธอ เย็นชาและดูเจ้าอารมณ์ : “ไม่ว่าจะทำอะไรหรือพูดอะไรก็ไม่เกี่ยวกับผม? เหมือนกับเมื่อกี้อย่างนั้นเหรอ?”

จนกระทั่งถึงตอนนี้ ฉากนั้นยังฝังอยู่ในหัวของเขา บีบรัดหัวใจไม่สามารถเอาออกไปได้เลย!

ประโยคนี้หลังจากที่เขาได้ยินแล้ว ก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ความโมโหที่มีอยู่ทั่วร่างกายพวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง เป็นการจุดไฟเผาสติสัมปชัญญะไปจนหมดสิ้น

“ใช่ค่ะ ระหว่างเราเกี่ยวข้องกันเพียงแค่ซารางเท่านั้น ต่อไปคุณก็จะต้องแต่งงานกับหยาดฝน ฉันเองก็จะต้องแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นเหมือนกัน…..”สิ่งที่เธอพูดนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น

ในขณะเดียวกัน ในใจของเธอเองก็เข้าใจ ออกัสจะต้องใช้ไม้อ่อน ทะเลาะกับเขานั้นจะเป็นการไม่ช่วยแก้ปัญหาใดๆได้ คุยกันอย่างสันติ ถึงจะสามารถแก้ปัญหาได้

สีหน้าของเขาจมดิ่งลงในทันที โมโหแต่กลับหัวเราะออกมา : “แต่งงาน?”

จะแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น ไม่ได้ถามความคิดเห็นจากเขาเลยอย่างนั้นหรือ? บอกเธอได้เลยว่า ไม่มีทาง!

“ใช่ ไม่ใช่แค่แต่งงาน แต่รวมทั้งเรื่องปกติทุกอย่างที่สามีภรรยาทำกัน เราก็จะทำเหมือนกัน–”

คิ้วเรียวของออกัสขมวดขึ้น แล้วจู่ๆเขาก็ลุกขึ้น ยื่นแขนยาวออกมาช้อนตัวเธอขึ้นมานั่งลงบนตักของตัวเอง ขังเธอเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างแน่นหนา น้ำเสียงห้าวและหนักแน่น มือใหญ่กระชับเอวบางของเธอเอาไว้แน่น ไม่ได้สนใจน้ำฝนบนร่างของทั้งสองคน : “ผมขอเตือนคุณไว้ว่าหยุดไว้แค่นี้ดีกว่า!”

เพียงแค่คิดคิดว่าเธอจะไปทำเรื่องที่พวกเขาเคยทำกับผู้ชายคนอื่นแล้ว ใบหน้าแดงระเรื่อของเธอ เสียงครวญครางเบาๆ เขาก็รู้สึกว่าในใจของตัวเองนั้นเหมือนกับถูกทิ้งลูกระเบิดเอาไว้ สามารถระเบิดขึ้นมาได้ทุกเวลา อีกทั้งยังสามารถระเบิดได้อย่างยับเยินเลยอีกด้วย……

ไม่ได้สนใจ และไม่ได้ดิ้นรน แววตาที่เยือกเย็นของเชอร์รีนจ้องมองเขา แต่กลับเปลี่ยนประเด็นไป : “คุณรักหยาดฝนไหมคะ?”

“………”เขายังคงขมวดคิ้วอยู่เช่นเดิม ริมฝีปากบางกระตุก ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดไม่ออกเลยแม้แต่ประโยคเดียว

“ถ้าอย่างนั้น……”เธอหยุดไป แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “คุณรักฉันไหม?”

“………”

เธอไม่ได้อยากจะได้ยินคำตอบของเขาอยู่แล้ว เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยขึ้นอีก :

“ถ้าหากรู้สึกว่าการที่ฉันไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นนั้นเป็นการโจมตีความเป็นลูกผู้ชายและลักษณะอันน่าเกรงขามของท่านประธาน ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นเลยค่ะ! คุณเป็นถึงบุคคลที่มีความสามารถมากของเมืองs นอกจากหยาดฝนแล้ว ก็ยิ่งมีผู้หญิงสวยๆที่มีชื่อเสียงมากมายอยากจะเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของคุณ ส่วนฉันก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง ก็ต้องเลือกแต่งงานในช่วงชีวิตที่สวยงามที่สุดเป็นธรรมดาอยู่แล้ว คุณออกัสเป็นคนฉลาด จะต้องเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดอยู่แล้ว นี่ก็สายแล้วฉันจะต้องไปดูซาราง ขอตัวก่อนนะคะ…….”

มือที่อยู่ตรงเอวครั้งนี้ไม่ได้ใช้แรงอะไรมาก จึงเอามือของเขาออก

ลุกขึ้นแล้วเชอร์รีนก็เดินไปทางด้านหน้า ตอนที่เดินมาถึงตรงประตูกระจกของร้านกาแฟแล้วนั้น เธอถึงได้ชะงักเท้าแล้วหันกลับมามองเขา แล้วเอ่ยขึ้นอย่างนิ่งๆและเย็นชา

“ความจริงแล้ว อดีตภรรยาก็หมายถึงภรรยาคนก่อนที่หย่ากับสามีแล้ว ก่อนหน้านี้ คู่สมรสคนก่อน แล้วก็คนที่คุณรักก็คือหยาดฝน อีกทั้งคุณก็ได้เธอมาแล้ว? ถ้าอย่างนั้น ทำไมจะต้องมายุ่งกับอดีตภรรยาของคุณอีกล่ะคะ? หลงในร่างกายไม่ใช่เหตุผลเลย ผู้หญิงมากมายขนาดนั้น ก็จะต้องมีคนที่เหมาะสมกับคุณที่สุดอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ?”

สิ้นเสียงแล้ว เธอก็ไม่ได้สนใจเขาอีก แต่เดินฝ่าท่ามกลางสายฝนไป ร่างบางหายลับไปจากสายตา

เธอเดินอย่างช้าๆ ขาของเธอนั้นยังดูไม่คล่องแคล่วอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้ล้มลงแรงเกินไป…..

ถึงแม้ว่าขาจะยังชื้นๆอยู่ แต่ที่ที่เธอนั่งนั้นกลับยังคงร้อนขนาดนั้น เธอจากไปเพียงไม่กี่วินาที แต่เขากลับรู้สึกว่างเปล่า ยอมปล่อยไม่ได้…

ปล่อยไม่ได้….

ตอนที่คำนี้แวบเข้ามาเหมือนกับฟ้าผ่าเข้ามาในหัวของเขานั้น กลับทำให้ออกัสตกตะลึงอยู่ที่เดิมขึ้นมาทันที อืม ตกตะลึงอยู่ตรงนั้นจริงๆ…..

ยอมปล่อยไม่ได้…..

เธอไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ธรรมดาที่สุดคนหนึ่งเพียงเท่านั้น ถ้าหากจะให้พูดถึงความพิเศษนั้น ก็คงมีเพียงแค่เธอเป็นอดีตภรรยาของเขาออกัสเพียงเท่านั้น

พูดถึงเรื่องแต่งงานแล้ว ระหว่างเขากับเธอเป็นเพราะข้อตกลงกันเท่านั้นถึงได้เลือกที่จะแต่งงานกัน เธอต้องการเพียงแค่เด็กในท้อง ส่วนเขาต้องการคู่ที่จะมาแต่งงานด้วย

สาเหตุที่เลือกเธอนั้นง่ายมาก อย่างแรกเป็นเพราะเธอปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญพอดี อย่างที่สองเป็นเพราะเทียบกับผู้หญิงคนอื่นๆแล้ว เธอดูถูกชะตามากกว่า น่าสนใจมากกว่า และดูแปลกใหม่ยิ่งกว่า…..

แต่เวลานี้ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกยอมปล่อยผู้หญิงที่เป็นแค่เพราะเหตุผลข้างบนนี้ไปไม่ได้กัน?

แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกตกตะลึง ไม่เข้าใจ และความไร้สาระกับความรู้สึกเหล่านี้ที่ปรากฏขึ้นมาในหัวเขาเลย….

และในเมื่อหัวใจของนายรักหยาดฝน ทั้งยังได้เธอมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นทำไมจะต้องมายุ่งกับอดีตภรรยาของนายอีกกัน?

นึกย้อนกลับไปถึงตอนที่เธอเดินออกไปด้วยคำพูดนี้และสีหน้าท่าทางที่เย็นชาและนิ่งไปอย่างผิดปกติ มือใหญ่ของออกัสก็อดไม่ได้ที่จะจับแก้วกาแฟที่อยู่บนโต๊ะเอาไว้แน่น

อย่างที่เธอพูดไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสี่ปีก่อน หรือว่าสี่ปีหลังจากนั้น คนที่เขารักมาโดยตลอดก็คือหยาดฝน

ตอนนี้ได้รับสิ่งที่เฝ้าปรารถนามาแล้ว ผู้หญิงที่อยากได้ แล้วทำไมยังจะต้องไปยุ่งกับผู้หญิงที่ไม่ได้สำคัญอะไรนั่นอีกกัน?

ริมฝีปากบางโค้งขึ้นอย่างเยือกเย็นและเย้ยหยัน อารมณ์ของเขาสับสนมาก สามารถบรรยายได้ว่าเป็นการสับสนยุ่งเหยิงไปหมด หาทางออกไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

นอกจากสับสนแล้ว สิ่งที่ตามมานั้นก็คือความวุ่นวายใจอย่างไม่สามารถใช้คำพูดมาอธิบายได้ ดวงตาเรียวยาวค่อยๆหรี่ลง ออกัสจุดบุหรี่ขึ้นมามวนหนึ่ง

ควันลอยวนเวียน อบอวลเสียจนตาซ้ายของเขาหรี่ลงเล็กน้อย เขม่าควันจางๆ สูดนิโคตินเข้าไปเต็มปอด ความวุ่นวายใจเหล่านั้นถึงได้ค่อยๆกระจายหายไป

ทันใดนั้นเองหมอกที่ปกคลุมอยู่ในใจนั้นก็กระจายหายไปด้วย เหมือนกับเป็นการแหวกเมฆดำให้ได้มาพบกับแสงอาทิตย์อีกครั้ง แสงสว่างที่ส่องเข้ามานั้นเป็นเหมือนกับดอกไม้ไฟที่กระพริบอยู่ระหว่างนิ้ว ในที่สุด บางอย่างก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นมา ความกังวลความสับสนที่อัดอั้นอยู่ภายในใจเหมือนกับหมอกบางที่กระจายออกไป เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนและทั้งยังเงียบสงบลง…..

ช่วงก่อนหน้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขามีสีหน้าที่ยังมืดมน มืดมนราวกับเมฆดำที่ทับถมเอาไว้ และวินาทีต่อมานั้นกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง มีลักษณะท่าทางที่ดุดัน

พนักงานผู้หญิงที่มาเสิร์ฟกาแฟเดินออกมาอดที่จะจามออกมาไม่ได้ เธอขมวดคิ้วขึ้น แล้วเดินไปยังพนักงานผู้หญิงคนนั้นตรงเคาน์เตอร์คิดเงิน : “ทำไมแสบจมูกขนาดนี้ มีคนสูบบุหรี่ใช่ไหม ทำไมไม่เตือนว่าร้านกาแฟสูบบุหรี่ไม่ได้”

พนักงานแคชเชียร์หญิงคนนั้นยื่นมือออกไปดึงพนักงานเสิร์ฟ แล้วพยักเพยิดหน้าไปทางหน้าต่าง ให้เธอมองไป