ตอนที่ 601 ที่แท้เป็นเจ้า โดย ProjectZyphon
การต่อสู้เพื่อแย่งชิงวาสนาปะทุขึ้นโดยปราศจากเหตุสุดวิสัยใดๆ
ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าต่างลงมือในวินาทีแรก แห่แหนพุ่งไปทางภูเขาเก้าลูกที่อยู่ห่างออกไป
ชั่วขณะหนึ่งแสงท่องทะยานดุจสายฝน เจิดจ้าพราวตา กลิ่นอายรุนแรงแข็งกร้าวต่างๆ นานาทำให้พื้นที่แห่งนี้เปลี่ยนเป็นปั่นป่วนขึ้นมา
ฆ่า!
ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาเพลิงซัดโจมตี พุ่งทะยานไปเบื้องหน้าดุจดั่งพระอาทิตย์เจิดจ้าสีดำดวงแล้วดวงเล่า
หัวหน้าเป็นบุคคลบุตรเทพผู้หนึ่ง กายภายนอกมีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ เผาไหม้จนอากาศบิดเบี้ยว นำพาสมาชิกเผ่าเหินทะยานแหวกอากาศ หมายจะชิงตัดหน้าปีนขึ้นไปบนภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งก่อน
ซ่า!
ฝนกระบี่สีเขียวปรากฏขึ้น ปิดคลุมฟ้าดิน นั่นคือบุตรเทพเผ่าเจียวเขียว มือถือกระบี่วิญญาณเปล่งประกายเขียวเล่มหนึ่ง แหวกอากาศสกัดกั้นเอาไว้
ทันใดนั้นก็มีผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาเพลิงหกคนถูกสังหาร เลือดเนื้อดั่งสายฝนโปรยปรายไหลริน
สายตาของบุตรเทพเผ่าอีกาเพลิงที่เป็นผู้นำเย็นเยียบโกรธขึ้ง สำแดงวิชาลับโจมตีออกไป ชั่วพริบตาการต่อสู้ระหว่างสองเผ่าใหญ่พลันปะทุ
เสียงเข่นฆ่าสะเทือนฟ้า โลหิตย้อมอากาศ ดุเดือดหาที่เปรียบมิได้
ตูม!
บริเวณไม่ไกลออกไป นกอินทรีหิมะขนาดมหึมาตัวหนึ่งทะยานสู่ห้วงอากาศ ปีกดุจดั่งคมมีด ม้วนหอบลมมรสุมพุ่งสังหารไปยังข่งซิ่วบุตรเทพเผ่าโห่วเมฆาทันใด
ข่งซิ่วแค่นเสียงเย็น คำรามเสียงดังสนั่น คลื่นเสียงปานอาวุธ สอดประสานกับแสงแวววาวท่วงทำนองแห่งมรรคอันน่ากลัว ราวกับเสียงอสนีบาตซัดสะเทือนครอบคลุมนภา แผ่กว้างออกไป ทำลายห้วงอากาศเป็นผุยผง
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น อินทรีหิมะมหึมาตัวนั้นพลันแข็งทื่อไปทั้งร่าง บาดเจ็บสาหัสกระอักเลือด เกือบถูกซัดสังหารตายคาที่
“ไสหัวไป!”
เบื้องหน้าภูเขาใหญ่อีกลูก เมิ่งเหลียนชิงธิดาเทพเผ่าหงส์หิรัณย์ส่งเสียงผรุสวาทออกมา นางเองก็ถูกซัดโจมตีเช่นเดียวกัน
คู่ต่อสู้เป็นผู้แข็งแกร่งเผ่างูเหลือมยักษ์ ร่างกายสูงใหญ่กำยำ ทั่วสรรพางค์กายปกคลุมด้วยเกล็ดงู มือใหญ่ปานใบลานควงขวานยักษ์สีดำคู่หนึ่ง
เขาท่าทางทรงพลังหยิ่งผยอง ขวานยักษ์แหวกอากาศ โอหังแกล้วกล้า ระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์สะท้านโลกออกมา สามารถผ่าแยกคีรีอย่างง่ายดาย เหยียบย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง
ตูม!
ขวานยักษ์คู่เปล่งแสงพร่างตา ปะทะกับโคมโบราณดวงหนึ่ง
โคมโบราณนั้นแลดูไม่เตะตา แต่เมื่อถูกเมิ่งเหลียนชิงควบคุมอยู่ในมือกลับระเบิดฝนแสงเต็มฟ้าออกมาในชั่วพริบตา ปะทะขวานยักษ์คู่นั้นให้ถอยร่น
วู้ม!
ทั่วร่างของเมิ่งเหลียนชิงอวลแสงทอง ดุจดั่งเยื้องย่างมาจากแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ ดวงหน้าปานหยกเย็นยะเยือก นัยน์ตาคู่งามเจือแววชั่วร้าย โคมโบราณในมือสาดละอองฝนแสง เจาะทะลวงห้วงอากาศทั้งปวง
โคมโบราณดวงนี้เป็นสมบัติลับตกทอดจากบรรพบุรุษของนาง ในยามปกติแทบจะไม่ได้ใช้งาน ทว่าเวลานี้นางไม่ได้เก็บงำมันไว้อีกต่อไปแล้ว
ด้วยว่านางไม่อยากประวิงเวลา หมายจะแย่งคว้าวาสนาก่อนในจังหวะแรก
ขวานยักษ์และโคมโบราณปะทะกันหลายครั้ง รัศมีศักดิ์สิทธิ์กระเซ็นออกมา ปลดปล่อยเสียงระเบิดน่าสะพรึงกึกก้องกัมปนาท
ปัง!
สุดท้าย โคมโบราณสาดฝนแสงผืนหนึ่งออกมา รวมตัวเป็นสัญลักษณ์ลึกลับหนึ่ง แทงทะลวงกะโหลกศีรษะของผู้แข็งแกร่งเผ่างูเหลือมยักษ์คนนั้นในชั่วพริบตา ร่างมหึมาล้มครืนลงพื้นอย่างจัง
“อ๊าก…!”
หน้าภูเขาใหญ่ละแวกนั้นมีเสียงโหยหวนดังลอยมา ผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณงินที่ทรงพลังคนหนึ่งถูกสังหาร
คู่ต่อสู้ของเขาคือเสวียนหลัวจื่อบุตรเทพเผ่าเต่าทมิฬ คนผู้นี้มีเรือนผมยาวสีครามปานน้ำทะเล รูปร่างสูงเพรียว ทั่วสรรพางค์กายคละคลุ้งด้วยพยับหมอกสีน้ำเงินดุจดั่งภาพฝัน เจิดจ้าบาดตา
มือเขาถือหอกยาวสีครามเข้มเล่มหนึ่ง คมกริบน่าพรั่นพรึง ท่วงทำนองมรรคไหลวน นำพาสมาชิกเผ่าพุ่งสังหารออกมาเบื้องหน้า
พรวด! พรวด! พรวด!
เลือดสดสาดเซ็นตลอดทาง ผสมเสียงโหยหวนรุนแรง
วิธีการต่อสู้ของเสวียนหลัวจื่อโหดเหี้ยม แม่นยำและดุดัน เขาเด็ดขาดเฉียบคม ฆ่าสังหารไร้ปรานี หอกยาวสีครามเข้มงามเพริศชวนฝัน ทว่ากลับเลิกม่านเปิดฉากคาวเลือดตลอดทาง
นี่คือการต่อสู้แย่งชิงวาสนา แต่ไรมาก็อำมหิตและนองเลือดถึงเพียงนี้ ไม่ได้มีโชคช่วยให้เอ่ยถึงเลยแม้แต่น้อย
และนี่เป็นเพียงสภาพศึกส่วนหนึ่งในพื้นที่แห่งนี้เท่านั้น
บริเวณนี้มีภูเขาใหญ่ทั้งหมดเก้าลูก ตั้งตระหง่านเรียงราย หลังจากที่แห่งนี้เลิกม่านเปิดฉากการต่อสู้ เบื้องหน้าของภูเขาแต่ละลูกล้วนมีภาพการต่อสู้นองเลือดระดับนี้เกิขึ้นทั้งสิ้น
ตูม!
หน้าภูเขาใหญ่ลูกแรกจากทางซ้าย หนิวทุนเทียนตะโกนลั่น มือถือทวนสามง่ามสีดำเล่มหนึ่ง ไอโลหิตทะยานฟ้าคลุ้งทั่วร่าง
เขาระเบิดพลัง โบกสะบัดทวนสามง่าม พลังวิญญาณทั่วร่างพุ่งขึ้นราวพายุ ดุจดั่งราชามารกู่ร้องก้องโลกา
ใกล้ๆ กับเขา ผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนของเผ่าหนึ่งไม่ทันหลบเลี่ยง ก็ถูกการระเบิดครั้งนี้สังหารดับเกลี้ยง!
ชั่วขณะนั้นหยาดเลือดและเศษเนื้อปลิวว่อน สาดร่วงประหนึ่งฝนห่าใหญ่เทลงมา ทำให้ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งที่แย่ห่างออกไปต่างไหวหวั่น หนังศีรษะชา
นี่ก็คือหนิวทุนเทียน แข็งกร้าวจนน่ากลัว!
ทางด้านของพวกหลินสวินก็เป็นเช่นเดียวกัน เต็มไปด้วยอันตราย สมบัตินานัปการเริงระบำกลางอากาศ วิชาลับและทักษะการต่อสู้ชนปะทะ ฝุ่นทรายปลิวว่อนก้อนหินพุ่งผ่าน เพลิงระอุพลุ่งพล่าน
หลินสวิน จ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก รวมถึงพวกผู้สืบทอดแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณทั้งกลุ่มอยู่ด้วยกัน พุ่งสังหารตลอดทาง กลับไม่ได้รู้สึกถึงความกดดันใดๆ
อีกอย่าง เซียวหรันในเวลานี้สำแดงเดชได้อย่างตื่นตายิ่งยวด เรียกได้ว่าอวดศักดาประเมินค่าไม่ได้
หมอกเมฆพวยพุ่งทั่วร่างของเขา เป็นเอกเทศและเยือกเย็น นำทางอยู่เบื้องหน้า ทุกหย่อมหญ้าที่จรผ่านแทบจะราบเป็นหน้ากลอง ไม่มีผู้ใดทัดเทียม
กอปรกับพวกจ้าวจิ่งเซวียน ซูซิงเฟิง เหวินเสียง กงหยางอวี่ และอวิ๋นเช่อต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ขบวนของพวกเขาราวกับคมดาบเล่มหนึ่ง เคลื่อนรุดว่องไว ปีนป่ายขึ้นไปบนภูเขาใหญ่แห่งหนึ่ง
แน่นอนว่าหลินสวินเองก็มีส่วนช่วยสำคัญเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เพราะเขาสำแดงพลังอย่างสะดุดตา แต่เป็นเพราะยามที่ผู้แข็งแกร่งจำนานมากจำฐานะของเขาได้ ยังไม่ทันต่อสู้ก็ตกใจจนถอยหนีไปแล้ว
นี่ก็คือพลังแห่งอำนาจบารมี!
ก่อนหน้านี้หลินสวินสยบผู้แข็งแกร่งแทบทุกเผ่าเพียงลำพัง เข่นฆ่าสังหารเป็นเส้นทางสายโลหิต ทำให้บุคคลระดับบุตรเทพต่างตกใจ ไม่กล้าลูบคมเขา
ผลงานการศึกที่นองเลือดและโชติช่วงระดับนี้ สะเทือนแดนลับอสูรมารอริยะตั้งนานแล้ว แม้กระทั่งเหล่าคนใหญ่คนโตที่อยู่นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ยังล้วนตื่นตระหนก
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ครั้นจำ ‘เทพมารหนุ่มน้อยเผ่ามนุษย์’ อย่างหลินสวินได้ ใครเล่ายังจะตาบอดกล้าเข้ามายั่วยุ
ใช่ว่าเบื่อชีวิตเสียที่ไหน
เพราะฉะนั้นหากเทียบกันแล้ว เส้นทางรุดหน้าของพวกเขาทั้งขบวน ถึงแม้จะมีอุปสรรคบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับเสี่ยงอันตรายมากเกินไปนัก
ไม่ช้าพวกของหลินสวินก็ปีนขึ้นมาถึงยอดเขา สถานที่แห่งนี้มีเมฆหมอกลอยเอื่อย ตำหนักเก่าแก่หลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่
ภูเขาอื่นๆ อีกแปดลูกก็เป็นเช่นเดียวกันนี้ ขุมกำลังแต่ละเผ่าที่นำโดยบุคคลระดับหนิวทุนเทียน ข่งซิ่ว เมิ่งเหลียนชิง เสวียนหลัวจื่อเป็นต้น ต่างก็ปีนขึ้นไปบนภูเขาใหญ่ที่ต่างกันออกไปอย่างต่อเนื่อง
บนภูเขาใหญ่แต่ละลูกล้วนมีตำหนักหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ โอ่อ่าสง่างาม เคร่งครัดและศักดิ์สิทธิ์ พาให้คนโหยหา
“วาสนาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว!”
ครั้นมาถึงยอดเขา สีหน้าเซียวหรันเผยแววผ่อนคลายเสี้ยวหนึ่ง และยิ่งมีความระอุแผดเผา สายตามองไปทางตำหนักโบราณอันโอ่โถงนั้น
“ไป!”
เซียวหรันนำหน้าทุกคน เข้าไปในตำหนักโดยไม่มีความลังเลใดๆ
จ้าวจิ่งเซวียนตามหลังเขาไปติดๆ
เพียงแต่ตอนที่เท้าข้างหนึ่งของหลินสวินเพิ่งจะย่างเข้าไปในตำหนัก กลับแข็งทื่อไปทั่วร่าง นัยน์ตาหดรัดลงทันใด
เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายถึงชีวิตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เขาขนลุกขนชันไปทั้งตัว
ฟุ่บ!
ลำแสงเย็นเยียบสายหนึ่งปรากฏ โฉบพุ่งออกมาจากกลางอากาศด้านหลัง ว่องไวจนน่าเหลือเชื่อ เสมือนเฝ้ารอโอกาสเหมาะตั้งแต่ต้น รอลงมือสังหารในพริบตาที่หลินสวินย่างเท้าก้าวเข้าสู่ตำหนัก
นั่นคือจิตกระบี่สายหนึ่ง
หลินสวินสัมผัสได้ว่าจิตกระบี่สายนี้เหมือนกับการลอบสังหารสองครั้งก่อนหน้าที่ตนเคยพบมาทุกประการ สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเลยด้วยซ้ำ
นับตั้งแต่ตอนที่เขาตัดสินใจจะปีนภูเขามาพร้อมกับพวกของเซียวหรัน หลินสวินก็ได้เตรียมตัวไว้แล้วว่าจะทำการตัดสินกับมือสังหารลึกลับคนนั้น
เพียงแต่เขากลับคิดไม่ถึงว่ามือสังหารผู้นี้จะไม่ใช่เซียวหรัน!
เนื่องจากเซียวหรันเข้าสู่ตำหนักเป็นคนแรกตั้งแต่ต้นแล้ว เดิมทีผู้ที่หลินสวินยังกริ่งเกรงก็คือเซียวหรันเพียงคนเดียว กระทั่งในจิตใต้สำนึกปักใจเชื่อไปแล้วว่าเซียวหรันก็คือมือสังหารผู้นั้น
ใครจะไปคิด ความจริงกลับเหมือนคลาดเคลื่อนไป!
มือสังหารเป็นคนอื่น ใครกัน?
ทุกอย่างนี้วาบเข้ามาในใจหลินสวินประหนึ่งหินจุดไฟ แม้พูดแล้วเหมือนช้า แต่กลับรวดเร็วอย่างยิ่ง แทบจะเป็นพริบตาที่มือสังหารปรากฏตัว หลินสวินก็เคลื่อนไหวแล้ว
ก้าวย่างชือน้ำแข็ง!
ทันใดนั้นเงาร่างของเขาอันตรธานหายไป
ปึง!
จิตกระบี่สายนั้นแหวกอากาศ แทงทะลวงห้วงอากาศเป็นผุยผง สาดกระเซ็นปั่นป่วน
พอจะคาดเดาได้ว่า หากเมื่อครู่หลินสวินหลบไม่ทัน จะต้องถูกสังหารในพริบตาอย่างแน่นอน!
ตูม!
กระนั้นคู่ต่อสู้ดูเหมือนจะเคาได้แต่แรกว่าการโจมตีครั้งนี้ไม่อาจปลิดชีพหลินสวินได้ ทันทีที่หลินสวินเบี่ยงหลบ เงาร่างยังไม่มั่นคง กลางอากาศอีกด้านก็มีห่วงคอสีเงินยวงห่วงหนึ่งพุ่งออกมา
สมบัติชิ้นนี้ส่งเสียงปีศาจเขย่าขวัญ เสียงวู้มๆ ดังสนั่น พุ่งลงมาจะครอบตัวหลินสวิน
เกือบจะในเวลาเดียวกัน เปลวเพลิงดุจเส้นด้ายสายหนึ่งแทงทะลวงห้วงอากาศ แล่นปราดมาอย่างไร้สุ้มเสียง เบาบางดุจขนวัว ทว่ากลับพลุ่งพล่านด้วยท่วงทำนองแห่งมรรคธาตุไฟน่าหวาดหวั่น ทำให้ผู้คนสั่นระริก
ทุกสิ่งนี้ล้วนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่จิตกระบี่ลอบสังหารปรากฏ เรื่อยมาจนถึงห่วงคอสีเงินวงหนึ่งและเปลวเพลิงสายหนึ่งโจมตีออกมา เหมือนผ่านการคิดคำนวณอย่างละเอียดแม่นยำมาแล้ว โจมตีผสานกันอย่างลงตัว โหดเหี้ยมจนถึงขีดสุด
หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น ภายใต้สถานการณ์ไม่ทันตั้งตัว ต่อให้สามารถหลบจิตกระบี่สายนั้นได้ ก็กลัวแต่จะคิดไม่ถึงว่ายังมีกลสังหารที่อันตรายยิ่งกว่าตามมาติดๆ!
แน่นอนว่าหลินสวินเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน เขาแทบไม่มีเวลาคิดมากด้วยซ้ำ ทั่วกายปลดปล่อยท่วงทำนองมรรคน่ากลัวออกมาอย่างรุนแรง
ปัง!
เบื้องหลังหลินสวิน เงามายาฟู่ซี่ปรากฏออกมา ฝืนฟาดฟันห่วงคอสีเงินนั้นลงไป แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งยิง
ชิ้ง!
ในเวลาเดียวกัน ดาบหักหวดฟาดขวางอยู่ตรงหน้า สกัดกั้นเปลวเพลิงน่ากลัวที่คล้ายด้ายเส้นหนึ่งเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด
ดาบหักปะทะกับเปลวเพลิง ระเบิดเป็นระลอกคลื่นน่าหวาดกลัวออกมา
หลินสวินส่งเสียงอู้อี้ เลือดลมพลิกตลบ แทบกระอักเลือด
ครั้งนี้ถึงแม้ผ่านอันตรายมาได้ ทว่าเมื่อต้องเจอการโจมตีทั้งสองอย่างกะทันหัน ก็ทำให้เขากินแรงอยู่บ้าง
โดยเฉพาะห่วงคอสีเงินยวงนั้นทรงพลังหนักอึ้งน่ากลัว กระแทกจนแผ่นหลังของเขาปวดปลาบ กระดูกเกือบถูกหักสะบั้น
ส่วนเปลวเพลิงที่ดูเหมือนไม่เท่าไรสายนั้น พลังสังหารกลับน่ากลัวยิ่ง ยังดีที่ดาบหักสกัดกั้นเอาไว้ได้ มิฉะนั้นหากถูกมันทำร้ายเข้า พลังแห่งธาตุไฟที่ห้อมล้อมอยู่บนนั้นก็เพียงพอจะทำให้หลินสวินบาดเจ็บสาหัสในพริบตาแล้ว
“ให้ตายเถอะ อยากตายเรอะ!”
จนกระทั่งตอนนี้เจ้าคางคกถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง จากจุดนี้ก็พอจะดูออกว่าการจู่โจมชุดเมื่อครู่นั้นรวดเร็วปานใด!
เกิดขึ้นเกือบจะชั่วพริบตา เรียกได้ว่าเป็นชั่วแล่นที่น่าตื่นตะลึงขวัญกระเจิงเลยทีเดียว
“ยังไม่ทันเข้าไปเสาะหาวาสนาในตำหนักพวกเจ้าก็อดใจลงมือไม่ไหวแล้ว ทำให้ข้าออกจะประหลาดใจจริงๆ”
เวลานี้หลินสวินยืนอยู่ในจุดที่ปลอดภัยแรกแล้ว เขาสีหน้าสงบนิ่ง นัยน์ตาดำกลับเปี่ยมด้วยความเยียบเย็นและไอสังหาร ภายในใจมีความเดือดดาลโหมกระหน่ำอย่างไม่อาจควบคุม
ฝั่งตรงข้าม ซูซิงเฟิง เหวินเสียง กงหยางอวี่ยืนอยู่คนละที่ ท่าทางของพวกเขาตื่นตระหนกและเคร่งขรึมอยู่บ้าง ด้วยหลินสวินถึงกับหลบเลี่ยงภัยครั้งนี้ไปได้
ส่วนอีกด้านหนึ่ง อวิ๋นเช่อยืนอยู่ไม่ห่างจากเจ้าคางคกนัก เห็นได้ชัดว่าเขาคุมตัวเจ้าคางคกเอาไว้เงียบๆ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เจ้าคางคกยื่นมือเข้าแทรก
“คนที่เคยลอบสังหารข้าสองครั้งคนนั้น… ที่แท้ก็เป็นเจ้า!”
สายตาเย็นชาของหลินสวินไปตกอยู่ที่ร่างของกงหยางอวี่ในท้ายที่สุด
เขาคิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง ว่าทายาทเผ่าวิญญาณแกะเขียวผู้สง่างามภาคภูมิจะเป็นมือสังหารลึกลับที่ไปมาไร้ร่องรอยคนนั้นเสียได้!
ก่อนหน้านี้จ้าวจิ่งเซวียนยังเคยบอกว่า ในบรรดาผู้สืบทอดแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ กงหยางอวี่มีจิตใจที่เมตตาและบริสุทธิ์ยิ่งยวด
ใครเลยจะคาดคิด เขาดันเป็นมือสังหารที่ครอบครองฝีมือการลอบสังหารอันโดดเด่นคนหนึ่ง
——