ตอนที่ 348

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 348: กองพลวายุ!

 

อี้เทียนหยุนรู้ว่าในใจของพวกเขากำลังเร่าร้อน ในจังหวะนี้ เผ่าภูตทุกคนล้วนแต่เตรียมพลีชีพ แต่อี้เทียนหยุนไม่ต้องการให้ใครต้องมาทิ้งชีวิตโดยเปล่าประโยชน์ ขุนพลฟงแล้วไง หากต้องตกอยู่ภายใต้ค่ายกลแล้วล่ะก็ เขาไม่เชื่อจะไม่มีวิธีที่จะจัดการกับขุนพลฟงผู้นี้

 

ส่วนตัวจักรพรรดิใต้พิภพนั้น เขาไม่เชื่อว่าจะลดตัวลงมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะถ้าทำอย่างนั้น มันจะเป็นการทำลายหน้าตาของตน เหมือนกับคุกใต้พิภพที่ถูกทำลายไป

 

ตามจริงเผ่าภูตก็ไม่ใช่ขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ การต้องส่งกองทัพออกมาอย่างนี้ ก็ถือว่าเป็นการขายหน้ามากแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ จักรพรรดิใต้พิภพจะไม่ส่งกองทัพมาก็ไม่ได้

 

กระทั่งตัวราชครูยังไม่มาเอง เรื่องการเข่นฆ่าพวกนี้ เพียงแค่ส่งขุนพลออกมาก็พอแล้ว และถ้าระดับขุนพลยังไม่สามารถจัดการได้ งั้นก็คงต้องส่งคนที่แข็งแกร่งกว่านั้นออกไปแทน ยิ่งเป็นขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ ก็จำเป็นต้องรักษาหน้าตามากเท่านั้น

 

บางทีพวกเขาอาจจะไม่ต้องไปสนใจสายตาของขุมอำนาจเล็กๆ เลยก็ได้ ใครที่มันกล้าพูดจาเหลวไหล พวกเขาก็แค่ส่งกองกำลังไปจัดการให้สิ้นซากก็จบ ที่พวกเขาใส่ใจคือสายตาของอาณาจักรอื่น กับแค่ขุมอำนาจเล็กๆ กลับต้องส่งผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากไป นั่นจึงจะเป็นการเสียครั้งใหญ่จริงๆ

 

นอกจากราชครูจะถูกเผ่าภูตฆ่าตายเสียก่อน ไม่อย่างนั้นจักรพรรดิใต้พิภพจะไม่ออกโรงด้วยตัวเองเด็ดขาด

 

นี่ก็เหมือนกับเจ้าผู้ครองแผ่นดินส่งราชทูตไปแล้วถูกฆ่า แน่นอนว่าต้องส่งราชทูตคนใหม่ หรือขุนศึกไปจัดการ แต่เจ้าผู้ครองแผ่นดินจะไม่ไปจัดการด้วยตัวเองเด็ดขาด แต่ถ้ารองผู้ครองแผ่นดินตาย ตอนนั้น เจ้าผู้ครองแผ่นดินถึงจะออกโรงด้วยตนเอง

 

เพราะหากรองผู้ครองแผ่นดินซึ่งแข็งแกร่งเป็นรองแค่เจ้าผู้ครองแผ่นดินถูกสังหาร ดังนั้นจึงมีแต่ต้องส่งเจ้าผู้ครองแผ่นดินที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปเท่านั้น

 

แน่นอนว่าในตอนนี้ที่ส่งขุนพลฟงไปก็ถือว่าแข็งแกร่งมากพอแล้ว ส่วนลำดับถัดไปย่อมเป็นตัวราชครูที่ต้องออกโรง นั่นหมายความว่าเขาแข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 3 ของอาณาจักร! ซึ่งแค่นี้ก็ถือว่าให้เกียรติเผ่าภูตสุดๆ แล้ว

 

หลังจากคำประกาศของอี้เทียนหยุน เขาก็รีบรวบรวมผู้อาวุโสเพื่อหารือแผนการในทันที ฝ่ายนั้นส่งผู้เชี่ยวชาญมาก หากอ่อนไปก็จะไม่ได้ผล ตอนนี้เผ่าภูตมีคนอยู่น้อยมาก ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็มีแต่ต้องรอความตาย แต่ต่อให้ชนะ ผลลัพธ์สุดท้ายก็ยังน่าสมเพชอยู่ดี

 

ตอนนี้พวกเขารู้วิธีแก้แล้ว เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เข้าท่า ทันใดนั้นก็ให้คนของเผ่าภูตอพยพออกไปในทันที

 

“ท่านไปที่ทางเข้าป่า จับตาดูสถานการณ์ไว้ แล้วข้าจะตามไปทีหลัง” อี้เทียนหยุนออกคำสั่ง

 

“ครับ ราชาภูต!”

 

พวกเขาไม่สอบถามกลับแม้แต่ครึ่งคำ พากันพยักหน้าอย่างแข็งขัน พร้อมกับปลีกตัวไปยังทางเข้าป่าในทันที กระทั่งเย่ชิงเสวียนยังถูกส่งตัวออกไป คนที่พลังรบแข็งแกร่งที่สุดก็คือกลุ่มนี้ การจัดการศัตรู ยิ่งมีคนมากเท่าไหร่ยิ่งดี แม้ว่าอี้เทียนหยุนจะร้ายกาจ แต่จะให้เขาจัดการคนเดียวก็ออกจะช้าเกินไป

 

หลังจากพวกเขาจัดการ เรื่องที่อี้เทียนหยุนต้องทำก็ง่ายมาก นั่นก็คือการปรุงยา! เขาที่ได้รับหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณมา แน่นอนว่าย่อมไม่พลาดโอกาสเลื่อนระดับ หลังจากภารกิจสำเร็จ เขาก็ได้รับค่าประสบการณ์มา 160 ล้านถึงสองครั้ง ขาดค่าประสบการณ์อีกแค่นิดหน่อยเท่านั้นก็จะเลื่อนระดับได้

 

หลังจากเลื่อนระดับ เขาก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถโค่นขุนพลฟงผู้นี้ได้ ณ ดินแดนแห่งนี้ ใครที่มีพลังแข็งแกร่งกว่า ย่อมเป็นผู้ชนะตลอดกาล หากพลังอ่อนด้อย ต่อให้ใช้เล่ห์อะไร ก็ไม่มีทางได้ผลลัพธ์ดังที่ต้องการ

 

“รีบๆ เลื่อนระดับแล้วค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน……”

 

อี้เทียนหยุนเปิดโหมดคลั่งหมวดกลั่นโอสถในทันที เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับการกลั่นเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณสี่กลั่นขึ้นสองเท่า เขาไม่กล้าเสี่ยงกลั่นเม็ดยาเพิ่มพูดจิตวิญญาณห้ากลั่น เพราะความยากของมันยากเกินไป ถ้าล้มเหลวล่ะก็ เขาก็จะไม่สามารถเลื่อนระดับได้

 

ในระหว่างที่เขากำลังปรุงยาอยู่นั้น ขุนพลฟงก็ได้นำกองพลวายุกลุ่มหนึ่งพุ่งตรงมาที่นี่ จำนวนของพวกเขานั้นนับไม่ถ้วน มีกันหลายร้อยคน ระดับของแต่ละคนล้วนแต่เป็นระดับก่อแกนวิญญาณทั้งนั้น! นี่ก็คือความทรงอำนาจของระดับอาณาจักร ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณของพวกเขา ล้วนแล้วแต่มีอยู่อย่างเหลือเฟือ

 

แต่แม้ว่าระดับของพวกเขาจะอยู่ที่ก่อแกนวิญญาณ แต่ความเร็วในการบินของพวกเขากลับเร็วจนน่าตระหนก พริบตาก็ร่นระยะเข้ามาได้ขั้นใหญ่ คนที่นำมาคือชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ความชั่วร้ายบนใบหน้าของเขาทำให้ผู้คนตกใจได้ สายตาของเขาไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย เต็มไปด้วยความไม่แยแส

 

ขณะที่ในมือถือกระบี่ยาวบินตรงมายังป่าภูต ความเร็วของเขานั้นไม่เร็ว แต่ก็ไม่ช้า เห็นได้ชัดว่าเพื่อให้คนของเขาสามารถตามมาทัน ถ้าเขาบินเร็วเกินไป คนของเขาคงถูกทิ้งไว้ข้างหลังนานแล้ว

 

ภายใต้การพุ่งทะยานของพวกเขา อย่างรวดเร็วก็มองเห็นป่าภูตปรากฏขึ้นสุดสายตา ความเร็วของพวกเขายิ่งมายิ่งเร็ว ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อย และเมื่อมาถึงด้านหน้าป่าภูต กองพลวายุก็พากันชักกระบี่ออกมา ทุกคนล้วนแต่ใช้กระบี่ยาว ซึ่งเป็นอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณขั้นกลาง ถือเป็นเครื่องสวมใส่ที่ถือว่ายอดเยี่ยมสุดๆ แล้ว

 

กองพลมังกรและกองพลวายุล้วนต่างกัน พวกเขาไม่ใช่ระดับเดียวกัน แม้กองพลมังกรจะมีมังกรดินช่วยสนับสนุน แต่ความเร็วของพวกเขานั้นช้ามากจริงๆ ทำให้การจะสังหารพวกเขานั้นเป็นเรื่องง่าย ส่วนการสังหารมังกรดินอาจจะยากนิดหน่อย แต่ก็สามารถค่อยๆ ฆ่าอย่างช้าๆ ได้

 

ต้องรู้ว่าในโลกแห่งการต่อสู้นี้ขึ้นอยู่กับความเร็ว!

 

ซึ่งพวกเขาก็เข้ากับคำว่า “เร็ว” นี้!

 

เมื่อพวกเขามาถึงด้านหน้าของป่า ก็ไม่ได้บุกตะลุยเข้ามาในทันที แต่กลับจัดทัพรออยู่ด้านหน้า ไม่รู้ว่าต้องการทำอะไร

 

พวกผู้อาวุโสเยี่ยนที่สอดแนมอยู่ในป่าก็ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการทำอะไรเช่นกัน

 

“พวกมันต้องการทำอะไร ทำไมถึงไม่ลงมือล่ะ?”

 

“ไม่ว่าพวกมันจะทำอะไร แต่ถ้าพวกเขากล้าบุกเข้ามา พวกเราก็จะฆ่ามัน!”

 

“ใช่ ตราบเท่าที่พวกมันย่างเท้าเข้ามาในค่ายกลสัมผัสพิศวงที่อยู่ภายใต้การควบคุมของท่านบรรพชน พวกมันก็เท่ากับตายแล้ว!”

 

พวกเขามั่นใจในการปะทะครั้งนี้มาก ตราบใดที่ยังมีค่ายกลสัมผัสพิศวงคอยปกป้อง พวกเขาก็ไม่กังวลอะไรทั้งนั้น

 

ขณะที่พวกเขาคิดว่าจะเหมือนกับพวกขุนพลมังกรครั้งก่อน กองพลวายุจำนวนนับไม่ถ้วนก็เริ่มทำการทำลายต้นไม้ใหญ่พวกนี้ กระบี่ของพวกเขาแต่ละคนรวดเร็วมาก ทันใดนั้นก็ตัดต้นไม้ไปมากกว่าร้อยต้น พริบตาก็ตัดต้นไม้จนราบไปส่วนหนึ่ง!

 

“ปัง ปัง ปัง!”

 

เสียงต้นไม้ล้มลงอย่างต่อเนื่อง พริบตาก็พวกเขาก็ตัดต้นไม้อีกกลุ่มล้มลง พร้อมกับบุกเข้ามาตามทางที่ต้นไม้ถูกตัด

 

นี่ทำให้สีหน้าของพวกเขาจมลง ไม่คิดว่าพวกเขาจะทำการตัดต้นไม้ทีละส่วนแบบนี้! ถ้าเป็นอย่างนี้ พวกเขาต้องใช้เวลานานกว่าจะบุกเข้าไปถึงหมู่บ้าน แต่ก็ได้ผลเป็นชะงัดนัก

 

ผลของค่ายกลสัมผัสพิศวงขึ้นอยู่กับต้นไม้พวกนี้ เพราะตัวค่ายกลถูกสลักลงบนต้นไม้ ถ้าไม่มีต้นไม้ ก็เท่ากับค่ายกลถูกทำลาย ยิ่งกว่านั้น เมื่อดูจากความเร็วในการตัดของพวกเขาแล้ว แม้ว่าจะไม่สามารถทำลายได้ในเวลาสั้นๆ แต่ก็ไม่นานอย่างแน่นอน

 

ตราบเท่าที่พวกเขาบุกเข้ามาตามทางที่ถูกตัด พวกเขาก็จะไม่มีปัญหา

 

“เหมือนมีทางแยกตรงนี้ เข้ามาตัดต้นไม้ที่นี่!” ขุนพลฟงตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชา บอกให้พวกเขาลงมือตัดต้นไม้ทางนี้ ในมือของเขากำลังถืออะไรบางอย่างคล้ายเข็มทิศ ไม่รู้ว่าเอาไว้ใช้ทำอะไร

 

“นั่นคือเข็มทิศบอกทาง มันสามารถบอกทิศที่ผู้ใช้ต้องการได้….. บนนั้นกลัวว่าจะเป็นทิศที่เผ่าภูตเราตั้งอยู่ ทำให้พวกเขารู้ทางที่จะไป และดูจากทิศทางที่พวกเขากำลังตัด ก็เป็นทางที่ถูกต้องเสียด้วย….” สีหน้าของผู้อาวุโสเยี่ยนน่าเกลียด

 

ถ้าพวกเขาตกอยู่ในค่ายกลสัมผัสพิศวง เข็มทิศนี้ย่อมไร้ผล เพราะภายใต้การควบคุมของบรรพชนเผ่าภูต การจะทำให้พวกเขาหลงทางเป็นเรื่องง่าย เผชิญหน้ากับนักสลักอาคมระดับจงซือ เข็มทิศบอกทางนี้ย่อมไม่มีความหมาย

 

แต่ถ้าใช้ที่ด้านนอกก็ต่างออกไปแล้ว เพราะค่ายกลสัมผัสพิศวงย่อมไม่ส่งผลกับมัน!