“แม่คะ แม่บอกว่าตัวเองไม่ต้องการเงินได้ยังไงคะ แม่ต้องไปหาหมอแล้วก็กินยา จำเป็นต้องใช้เงินทั้งที่บ้านแล้วก็ข้างนอกบ้านนะคะ” เชียนหลานบอกกับแม่ของเธอ “หนูไม่อยากโทษแม่กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อน แม่ทำให้หนูโตขึ้นมาก ดังนั้นแม่คะ รับเงินที่จื่อเฉินให้ไว้เถอะนะคะ”
คุณนายเชียนระบายยิ้มและไม่ได้ตอบ
เธอยังวางแผนว่าจะเก็บเงินไว้และไม่ใช้มัน
ลูกสาวของเธอกำลังจะแต่งงาน แต่เธอกลับไม่ได้เตรียมสินสมรสเอาไว้ด้วยซ้ำ เธอจะไปเป็นภาระให้อีกฝ่ายได้ยังไงกัน
“แม่ไม่ต้องการอะไรหรอก แม่แค่อยากให้ลูกบอกว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานเฉยๆ”
“แม่คะ พูดอะไรกันคะ นั้นถือเป็นของขวัญได้ด้วยเหรอ”
แม่ลูกคุยกันอยู่นาน ครั้งนี้เชียนหลานเป็นหลุดพ้นจากความกังวลเพราะเธอมีแม่สามีที่ยอดเยี่ยม
ในขณะที่แม้คุณพ่อเชียนจะล้มเหลวในการขายลูกสาวตัวเอง อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังมีเชียนฮุ่ยให้พึ่งพา หากแต่…เชียนฮุ่ยจะโด่งดังจริงๆ น่ะหรือ
ถังหนิงเพียงแค่แนะนำไปอย่างนั้น แต่เชียนฮุ่ยเก็บมาคิดจริงจังและไปโผล่ที่จู้ซิงมีเดียเพื่อตามหาผู้จัดการ
เมื่อผู้จัดการพิจารณาข้อเสนอของเชียนฮุ่ย เธอปรายตามองอย่างดูแคลน “บอกฉันมาซิ เธอมีความสามารถพิเศษอะไรมาแสดงไหม หรือว่ามีอะไรที่คุ้มค่าที่เราควรลงทุนด้วยหรือเปล่า”
ทว่าผู้จัดการก็ยอมรับเชียนฮุ่ยอย่างน่าแปลกใจ
ส่วนเหตุผลนั้น ยังไม่มีใครรู้ในตอนนั้น
สุดท้ายหลังฝึกฝนมากว่าสามเดือน เชียนฮุ่ยก็พร้อมแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามเธอได้เพียงแจ้งเกิดในฐานะตัวแสดงแทนฉากเปลือยเท่านั้น
เธอไม่มีความสามารถใดที่โดดเด่นนอกเสียจากแผ่นหลังที่งดงาม นี่เป็นเหตุผลที่ผู้จัดการยอมทำงานกับเธอ
มีศิลปินหญิงมากมายที่โด่งดังจากการเปลื้องผ้า อย่างไรเสียวิธีนี้ก็เป็นหนทางที่ง่ายที่สุดที่จะดึงดูดความสนใจจากผู้คน
ดูเหมือนว่าเชียนฮุ่ยจะพอมีความสามารถที่จะเป็นศิลปินอยู่บ้าง ความจริงแล้วเธอทำตัวเป็นธรรมชาติต่อหน้ากล้องได้ดีเป็นพิเศษ
สุดท้ายคุณพ่อเชียนถึงได้กลับมาใช้ชีวิตอู้ฟู่และตัดสินใจผันตัวมาเป็นผู้จัดการของลูกสาว เขาเลิกเล่นพนันด้วยซ้ำ
…
ในขณะเดียวกันหลังจากแผลของเชียนหลานหายสนิทดี เธอกลับเข้าฐานทัพและยื่นขออนุญาตแต่งงานกับหัวหน้าของเธอ
ข่าวด่วนว่าผู้บัญชาการเชียนสุดโหดกำลังจะแต่งงานทำให้นายทหารใหม่ต่างไชโยโห่ร้องด้วยความยินดี
แน่นอนว่าการกลับมาของเชียนหลานทำให้พวกเขามีความสุขเช่นกัน
อย่างไรเสียใครจะไม่ซาบซึ้งใจที่ผู้บัญชาการบากบั่นบุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามด้วยตัวเองเพียงเพื่อช่วยพวกเขากันล่ะ
ในวันที่เชียนหลานได้รับการอนุมัติจากหัวหน้า เธอกับโม่จื่อเฉินไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานกิจการพลเรือน ก่อนกลับไปบ้านตระกูลโม่เพื่อฉลองกับครอบครัว
เมื่อโม่จื่อเหยียนเห็นทะเบียนสมรสสีแดงเล่มเล็กของทั้งสอง เป็นธรรมดาที่เธอจะดีใจ “เยี่ยมไปเลยนะคะ พี่รองแต่งงานก่อนหนูกับพี่ใหญ่ซะอีกค่ะ”
“ทำไมเธอถึงรีบขนาดนั้นล่ะ แค่เธอเปิดใจพี่มั่นใจว่าเธอหาแฟนสักคนได้อยู่แล้วละน่า” เชียนหลานบอกกับโม่จื่อเหยียน
“หนูอยากหาคนแบบพ่อค่ะ!” โม่จื่อเหยียนมีมาตรฐานผู้ชายสูง
“มีผู้ชายคนเดียวที่เหมือนพ่อของลูกได้ก็คือสามีของแม่ ลืมมันไปซะเถอะลูก” ถังหนิงเอ่ยเย้าขณะนั่งอยู่บนโซฟา
“แม่คะ…ใจร้ายจัง”
สมาชิกครอบครัวนั่งด้วยกันอย่างชื่นมื่นพลางหยอกเย้ากันและกัน
แน่นอนว่าถังหนิงซึ้งใจที่ลูกชายของเธอกำลังจะเริ่มชีวิตครอบครัวของตัวเอง “ต่อไปนี้ลูกเป็นผู้ชายเต็มตัวแล้ว ลูกต้องดูแลรับผิดชอบครอบครัวของตัวเองนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับแม่ ผมจะดูแลเชียนหลานให้ดี”
“มีลูกเร็วๆ ด้วยล่ะ!” ถังหนิงมอบหมายภารกิจให้ลูกชาย
เมื่อเชียนหลานได้ยินเช่นนี้เธอก็หน้าขึ้นสีระเรื่อ…
ในไม่ช้าโม่ถิงก็กลับมาถึงบ้าน เมื่อเขารู้ว่าลูกชายจดทะเบียนสมรสในวันนั้น เขาไม่ได้มีท่าทีพิเศษไปแต่อย่างใด ถึงอย่างไรเขาก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดให้กับถังหนิงอยู่แล้ว
แค่ภรรยาของเขามีความสุขเขาก็พอใจ เหมือนอย่างที่เป็นมาเมื่อหลายปีก่อน
ทว่าระหว่างนี้เรื่องที่น่าตกใจที่สุด เรื่องบางอย่างที่ชวนอึ้งก็ได้เกิดขึ้น ในขณะที่ตระกูลโม่มารวมตัวกันในบ้าน หญิงสาวร่างสูงผอมพร้อมกับเด็กอายุสามขวบคนหนึ่งได้มาเคาะประตูบ้านของพวกเขา
ถังหนิงไปเปิดประตูแต่เธอไม่รู้ว่าหญิงสาวกับเด็กคนนั้นเป็นใคร และไม่รู้ว่าพวกเขามาถึงที่นี่ได้อย่างไร
“เธอ…”
“สวัสดีค่ะ ฉันขอแนะนำตัวเองนะคะ ฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว นี่คือลูกชายของฉันและ…เขาก็เป็นลูกชายของโม่จื่อซีด้วยค่ะ”
ถังหนิง : “….”
โม่จื่อเฉิน : “….”
โม่จื่อเหยียน : “….”
นี่มันเนื้อเรื่องนิยายแบบไหนกัน โม่จื่อซีไปมีลูกชายสามขวบตั้งแต่เมื่อไร หรือเด็กคนนี้เป็นลูกของคนอื่นกัน
ไม่มีใครเข้าใจสถานการณ์ ถังหนิงจึงเชิญหญิงสาวคนนั้นเข้ามาในบ้านก่อนที่จะถามคำถามอีกฝ่าย
“เล่าให้เราฟังได้ไหมว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมายังไง” ถังหนิงถามหลังจากหญิงสาวคนนั้นนั่งลง
อีกฝ่ายยังสาว ดูท่าจะอายุราวๆ ยี่สิบสามได้ เธอผมยาวและดูเป็นคนดีมีคุณธรรม
“คุณนายโม่คะ ฉันคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวได้ไหมคะ” ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัว หญิงสาวคงไม่อาจพูดต่อหน้าทุกคนได้ ถังหนิงเข้าใจจึงลุกพาเธอไปที่ห้องทำงาน “ทีนี้เธอก็พูดได้แล้ว”
ในขณะเดียวกันเด็กชายตัวน้อยถูกทิ้งไว้ที่ห้องนั่งเล่นท่ามกลางสายตางุนงงของทุกคน
“พอฉันมองหน้าเขา เขาก็ดูเหมือนพี่ใหญ่อยู่บ้างนะคะ โดยเฉพาะตาของเขา”
“มันไม่ได้หมายความว่าเขาดูเหมือนพี่ด้วยเหรอ” โม่จื่อเฉินมองค้อน
“พี่รอง พี่ตาเศร้าจะตาย แต่ตาของเขาดูทั้งสดใสแล้วก็มีชีวิตชีวา ที่ผ่านมาหนูถึงได้แยกระหว่างพี่กับพี่ใหญ่ออกไงคะ มันแสดงออกจากตาพี่หมดแหละค่ะ”
“ถูกของจื่อเหยียนนะคะ ตาของคุณต่างออกไปมากที่สุดเลยละค่ะ เด็กคนนี้ไม่ได้ดูขัดเขินเลยสักนิด!” เชียนหลานเอ่ยสำทับแม้ว่าเธอกับโม่จื่อเฉินควรเป็นประเด็นหลักในคืนนี้ก็ตาม
“เป็นลูกของพี่ใหญ่จริงๆ เหรอคะ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะเนี่ย!”
“พี่ก็อยากรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นมายังไง หรือว่าพี่ใหญ่ไปยุ่งกับผู้หญิงไม่รู้อีโหน่อีเหน่ในกองทัพแล้วไม่ยอมรับผิดชอบกันนะ”
โม่จื่อเหยียนมองพิจารณาเด็กตรงหน้า นอกจากจะเห็นว่าเป็นเด็กน่ารักคนหนึ่ง เธอก็ยังรู้สึกว่าเขาหน้าตาเหมือนโม่จื่อซี
โดยเฉพาะแววตาของเขา
โม่จื่อซีมักจะสดใสและอารมณ์ดีอยู่เสมอ และเด็กคนนี้ก็ไม่ผิดไปจากนั้น
“เรียกฉันว่าคุณน้าสิ” โม่จื่อเหยียนนึกอยากแกล้งเด็กน้อยเธอจึงเริ่มพูดคุยกับเขา แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาเรียกออกมาจริงๆ “คุณน้า…”
“โอ้พระเจ้า เป็นลูกของพี่ใหญ่แน่ๆ ค่ะ หนูรับรองเลย!”
เชียนหลานมองหน้าโม่จื่อเหยียนก่อนจะส่งยิ้มให้กัน โม่จื่อเหยียนเกิดมาพร้อมกับความสดใสร่าเริงอย่างแท้จริง
หากแต่ตอนนี้พวกเขาหมดธุระที่นี่แล้ว ทั้งคู่ตัดสินใจกลับบ้านไปดื่มด่ำกับค่ำคืนเข้าหอของพวกเขา ถึงอย่างไรพวกเขาก็เพิ่งจะแต่งงานกัน
ทั้งสองจะคอยติดตามเรื่องฉาวโฉ่ของโม่จื่อซีในวันถัดไปแทน
ในเวลาเช่นนี้ใครจะยังสนใจพวกเขาสองคนกันอีก โม่จื่อเฉินจึงออกปากตัดพ้อขณะที่ออกมา “สถานะของผมในครอบครัวก็เป็นอย่างนี้แหละครับ…”
“เรื่องของพี่ชายคุณเองก็สำคัญนี่คะ ความจริงแล้วครั้งนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะ ยังไงผู้หญิงคนนั้นก็โผล่มาพร้อมกับลูกด้วย” เชียนหลานปลอบ
“ผมแค่ล้อเล่นครับ ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือการกลับบ้านแล้วเพลิดเพลินกับคืนเข้าหอของเราต่างหากครับ!”
กว่าพวกเขาจะได้จดทะเบียนสมรสกันมันไม่ง่าย โม่จื่อเฉินจึงไม่คิดจะห้ามใจอีกต่อไป…
เชียนหลานสบตากับเขาและถอนหายใจออกมา ชายคนนี้เรี่ยวแรงล้นเหลือเกินไป เมื่อก่อนมันยังแทบจะไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เขาตื่นเต้นได้เลยด้วยซ้ำ