ตอนที่ 487 : ป่าเถื่อน
“ฮี?” เจียงเสียวหยูเหลือบมองดูดาบศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เปล่งเสียงออกมาด้วยความสงสัย
เอ๊ะ! นางสบัดหัวและเอียงคอมอง “ดาบเล่มนี้รู้วิธีผ่านมันไปได้หรอ?”
“แน่นอนข้ารู้” ดาบชื่อชิงหมิงแกว่งไปมาบนกำแพง “สาวน้อย เจ้าไม่รู้หรือว่าเจ้าต้องแสดงความเคารพเวลาถามด้วยสิ”
“เอ่อ..” ทันใดนั้นเด็กหญิงตัวเล็กก็ถูกแทนที่ด้วยฟาง
มันพูดด้วยความด้านได้อายอด “อืม ..เมื่อเจ้าเป็นปรมาจารย์ที่เอาชนะข้าได้ด้วยวิชาดาบของเจ้า ข้าจะฝ่าฝืนและให้เบาะแสบางอย่าง”
ฟางฉีเงียบครุ่นคิด
“มันนานมาแล้ว นานมามากแล้ว” ดาบยาวโบราณนี้กางเชือกที่มีลักษณะแทนมือของมันออกชวนให้นึกภาพ
เบื้องหลังของฟางฉีหลายคนรวมไปถึงซงวู เจียงซวนต่างหยุดคุยเรื่องเกมและเอนตัวพร้อมฟังเพื่อรับข้อมูล
ฟางฉีเหลือบมองกลุ่มข้างหลัง “พวกเจ้ากำลังทำอะไร?”
“มันเป็นยุคของเจ้านายข้า ผู้สร้างข้า เขาและข้าต่อสู้ด้วยกัน ในเวลานั้นมีผู้ฝึกฝนเช่นเจ้าไม่น้อย ..” เสียงของมันดูลึกและเก่าแก่กำลังบอกเล่าเรื่องราวความหลังอันยิ่งใหญ่
ฟางฉีปาดเหงื่อออกจากหน้าผากแล้วพูดว่า “หยุดอวดตัวเองได้แล้ว .. พูดให้ตรงประเด็น”
ซงรูและคนอื่นๆ ต่างเงี่ยหูฟัง
“มัน .. มัน” ดาบโบราณสีดำพูดติดอ่างคล้ายกำลังจัดระเบียบคำพูด
เสี้ยววิ ที่ตามลุ้น “มันเป็นสถานที่ที่แม้แต่ข้าดาบแบบก็ไม่สามารถอธิบายให้เห็นภาพได้ชัดเจน”
“??”
“บ้าเอ๊ย! ข้ารอฟังตั้งนานแล้วเจ้าบอกได้แค่นี้น่ะหรอ?” ฟางฉีทำหน้ามุ่ยรู้สึกอยากทุบตีใครสักคน
ดาบสีดำยังคงบีบค่าพูดออกมา มันเหมือนฝันที่จะพูดคล้ายว่ากำลังถูกบีบ “ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ผ่านดินแดนแสนไกลมายังเขตต้องห้าม แต่นั่นเป็นเวลาหลายเดือนที่เดินทางข้ามผ่านทะเล ข้าไม่เห็นแม้แต่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ซึ่งนั่นทำให้ข้าไม่สามารถบอกทิศทางได้”
ชงวูแห่งหยวนหยางอุทาน “มีคนกล้าไปยังดินแดนทะเลร้างจริงหรอ?”
“มันเข้าไปไม่ได้หรอ?” ฟางฉีถาม
เสียงดาบยังคงบอกเล่ารายละเอียด “พายุในมหาสมุทรมีพลังมากกว่าลมเหนือท้องฟ้าสูง เจ้าไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเราพบสัตว์ประหลาดที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนแถมยังต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง
“หือ?” ฟางฉีเหลือบมองไปรอบๆ ผู้คนต่างนิ่งเงียบคล้ายว่ากำลังตั้งใจฟัง
“นั่น ..” ซงรูพึมพำ “อันตรายมาก!”
“ผู้อาวุโสเคยเข้าไปมั้ย?” มีคนทักถาม ในฐานะผู้อาวุโสของสำนักสวรรค์ผู้อาวุโสหยูเคยได้ยินเรื่องราวบางอย่างท่านองนี้เช่นกัน “ข้าเคยได้ยินแต่ไม่คิดว่ามันจะน่าอันตรายเช่นนี้”
“ตามตำนานเหล่าว่าสถานที่ทางเหนือของทะเลสวรรค์นั้นมักมีลางบอกเหตุที่ไม่ดีเสมอมา วิธีเดียวที่จะผ่านโซนนั้นในบันทึกได้เขียนไว้ว่า” ผู้เฒ่าหยูกลืนน้ำลาย “ไม่มีใครเคยผ่านดินแดนต้องห้ามนั้น” นี่คือคำบอกเล่าสุดท้าย
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ของสำนักสวรรค์พยักหน้าและแสดงข้อตกลง “กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากเราต้องการจัดการประชุมขึ้นในครั้งนี้ เราต้องเชื่อมโยงกับทั้งสองพื้นที่เพื่อเคลื่อนย้ายมวลสาร
“เรา..เข้าไปเปิดทางได้มั้ย?” ฟางฉีเอ่ยถามความเป็นไปได้ “เป็นวิธีที่สะดวกที่สุดใช่มั้ย?”
“ใบหน้าของคนอื่นๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวถึงนึกถึง”เป็นการดีที่สุดหากจะสร้างเกราะและพลังป้องกันเพื่อให้สะดวกแกการเดินทาง
ฟางลูบคาง” ถ้าอย่างนั้น ใครที่นี่รู้วิธีเดินทางแบบเทเลพอร์ตบ้าง” “นี้ .. “ผู้เฒ่าหยูทัก”ผู้อาวุโสซีจ่าวท่านมีวิธีทำเทเลพอร์ตแต่น่าเสียดายหลังจากเขาหายตัวไป วิธีเดินทางโบราณเช่นนั้นก็ถูกทำลายหายไปโดยธรรมชาติ มันต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรจำนวนมากในการซ่อมแซม
ฟางฉีเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเงิน”มันมากมั้ย?” “อืม ..“ซงและคนอื่นๆ มองหน้ากัน” ถ้าเรารวบรวมเงินบริจาคจากหลายๆ ครอบครัวก็คงจะไม่มากเท่าไร” “ดี ..“พวกเขาเริ่มวางแผนในการพบปะครั้งยิ่งใหญ่ทันที
เวลาเดียวกัน ณ ท้องฟ้านอกเมืองหยวนหยาง
เสียงคำรามโหยหวนของสัตว์หายากนั้นดังขึ้นจากฟากฟ้าอันไกลโพ้น ราวกับว่ามีนักฆ่าผู้ทรงพลังก่าลังไล่ล่าหมายชีวิตพวกมัน
ณ จตุรัสอันกว้างขวางนอกเมืองหยวนหยางผู้ฝึกฝนหลายคนชี้นิ้วไปที่ท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกลด้วยความประหลาดใจ พวกเขาพูดคุยกันอย่างออกรส จู่ๆ สัตว์ร้ายก็โผล่หัวออกมาจากก้อนเมฆ
เสียงคำรามดังก้องอยู่บนท้องฟ้า
ราวกับพายุสัตว์เกือบทุกตัวบินมารวมตัวกันที่จตุรัสเมฆ
“ตรงนั้น ..อะไร? นั่นอะไร?”
สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายจระเข้ปกคลุมไปด้วยเกลียดสีเค มันมีเขาสองเขาที่หน้าผากพร้อมด้วยปีสีดำกางออกเผยให้เห็นความกว้างใหญ่โบกสบัด
“ดูเหมือนว่าจะเป็นมังกรมีเขาของชาวตะวันตกผู้ป่าเถื่อน”ผู้ฝึกฝนคนหนึ่งตะโกน
ร่างขนาดใหญ่ของสัตว์ร้ายอยู่ตรงใจกลางของจตุรัส มันมีกรงเล็บอันแหลมคมและแข็งแกร่งของมันได้ทิ้งบาดแผลลึกลงบนพื้น
“มันเป็นฝั่งพวกตะวันตกป่าเถื่อนใช่มั้ย?” “พวกป่าเถื่อน!?”
ผู้ฝึกฝนทุกคนถอยห่าง เขามองด้วยความตกใจ พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับคนป่าเถื่อนแต่ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อน
ผู้นำชายของกลุ่มดูลักษณะของเขาน่าจะราวๆ สี่สิบ หน้าตาของเขาหล่อคล้ายรูปปั้นหินอ่อนที่ถูกแกะสลักขึ้น ผมสีทองของเขาเปล่งประกายท่ามกลางแสงแดด เขาดูสง่างามและทรงพลัง
ตามมาด้วยเสียงนกหวีดจากชายหนุ่มอายุราวๆ ยี่สิบเขามีผมสีแดงแซมน้ำตาลอ่อนร่อนลงมาจากท้องฟ้าเขามีหน้าตาที่แปลกและท่าทางอวดดีพร้อมแววตาที่ชั่วร้าย”ดู! คนเหล่านี้พวกคนตะวันออกที่พี่ใหญ่เคยพูดถึงใช่มั้ย? ทำไมพวกมันถึงได้ถอยห่างจากเราเช่นนั้น? “น้องเซีย เจ้าผิดหวังกับการเดินทางที่เร่งรีบของเราหรือเปล่า?”
มังกรมีเขาพร้อมเกล็ดสีแดงดำสามเขาค่อยๆ บินลงมาข้างๆ เขาบนนั้นมีหญิงสาวในชุดเกราะสีเงิน ชุดกระโปรงสีแดงพร้อมด้วยหมวกเขากระทิง ในมือของเธอมีดาบขนาดยักษ์รูปร่างแปลกประหลาดคาดอยู่ตรงเอว
เธอถอดหมวกกันน็อคออกเผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงามแปลกตา
วินาทีถัดมา ฉากไม่คาดคิดเกิดขึ้น
“ดู!”
พลังงานดาบสีเงินพุ่งออกจากเมืองสร้างม่านแสง ทำให้เกิดแสงส์ตระการตา ความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า พลังของดาบจึงสร้างริ้วม่านให้เห็นเป็นโค้งอันสง่างามก่อนจะร่อนลงสู่แท่นตามที่วางไว้ ผู้ฝึกฝนดูสง่างามมากเมื่ออยู่บนดาบที่เปล่งแสง
“ศิษย์พี่ชายผมแดงชะงักไปสักครู่”พวกนี้คือทหารยามหรือผู้ฝึกฝน?”
ข้างเขาชายผมทองมองด้วยแววตาสับสน