บทที่ 252 คำเตือนจากชิงชาน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ในใจของนักพรตชิงชานค่อนข้างซับซ้อน

ไม่ว่ายังไงเขาก็คาดไม่ถึง ว่าการเดินทางมาเจียงหวยด้วยอารมณ์ชั่ววูบนั้นจะทำให้เขายากที่จะลืมแบบนี้

ไม่เพียงได้เจอเย่เทียนที่ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งแค่ไหน ยังได้มาพบกับลูกศิษย์ของศิษย์พี่ที่หายไปหลายปีอีก!

ถูกต้อง! ชายท่ีไม่บริสุทธิ์ไม่ใช่ใครอื่น ซึ่งเขาก็คือศิษย์หลานของนักพรตชิงชานนั่นเอง

และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมพอรู้สถานการณ์แล้ว นักพรตชิงชานถึงขั้นไม่อยากสนใจเย่เทียน แล้วจับจ้องไปยังชายที่ไม่บริสุทธิ์นั่นเอง

“ธาตุไฟเข้าแทรกอย่างนั้นเหรอ?”

พอเห็นสีหน้าที่ดุร้ายของชายที่ไม่บริสุทธิ์ ทำเหมือนจำตนไม่ได้ นักพรตชิงชานก็หน้าซีดขึ้นมาทันที

ระหว่างที่พูด การกระทำของนักพรตชิงชานกลับดูไม่พอใจ โบกแส้ขนในมือเบาๆ แล้วมันก็แผ่ขยายออก ห่อหุ้มไปยังชายที่ไม่บริสุทธิ์ที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างดุร้าย

การกระทำของนักพรตชิงชานในครั้งนี้ดูเหมือนจะง่ายๆ สบายๆ แต่ความจริงเขากลับมีแผนอยู่ในใจแล้ว

เหมือนกับกระบี่ไม้พีชที่อยู่ด้านหลัง แส้ขนอันนี้ก็ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป มันนั้นถือเป็นเครื่องรางทิพย์ระดับล่างเลยทีเดียว

ถึงพลังการทำลายล้างจะสู้กระบี่ไม้พีชไม่ได้ แต่ถ้าใช้ในการควบคุมการเคลื่อนไหวของศัตรูมันก็ได้ผลตลอดเลย!

ซิ่ว!

ภายใต้การควบคุมของนักพรตชิงชาน แส้ขนก็เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต สามารถพันรอบกำปั้นของชายที่ไม่บริสุทธิ์ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็พันแน่นไปทั่วตัวเขา เหลือไว้เพียงแค่ส่วนหัวเท่านั้น

ตุบ!

ขาทั้งสองข้างของชายที่ไม่บริสุทธิ์ที่ถูกรัดเอาไว้แน่น ทำให้เสียการทรงตัวจนล้มลงกับพื้น

ต่อให้เป็นอย่างนั้น ชายที่ไม่บริสุทธิ์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้เลย ตาทั้งสองข้างจ้องเขม็งไปยังนักพรตชิงชาน ราวกับมีความแค้นอะไรกับเขามาช้านาน

พอเย่เทียนได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ตกใจจนคางแทบกระแทกพื้น

ถ้าเขาคาดการณ์ไว้ไม่ผิด อย่างน้อยชายที่ไม่บริสุทธิ์คนนี้ก็น่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดิน แต่กลับถูกนักพรตชิงชานควบคุมได้อย่างง่ายดาย แค่นี้ก็รู้แล้วว่านักพรตชิงชานนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน!

พอคิดว่าตัวเองเคยประมือกับนักพรตชิงชาน เย่เทียนก็รู้สึกดีใจขึ้นมา โชคยังดีที่ตาแก่นี่ยังไม่ได้เอาจริงกับตน ไม่อย่างนั้นผลแพ้ชนะจะออกมาเป็นยังไงก็พูดยากเหมือนกัน

แน่นอนว่าลึกๆ ในใจของเย่เทียนยังแอบมีความต้องการอยู่

เย่เทียนรู้ดี ว่าสาเหตุมันมาจากการก่อเรื่องของหน้าปกทอง

ตอนที่แส้ขนในมือของนักพรตชิงชานขยายใหญ่ขึ้น หน้าปกทองก็เหมือนกับเดรัจฉานที่ได้เจอกับสาวงาม อยากที่จะวิ่งเข้าไปกัดมันสักคำ

ยังดีที่จิตใจของเย่เทียนเข้มแข็งพอ จนสามารถอดทนต่อความต้องการที่ออกมาจากส่วนลึกของวิญญาณได้

นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนที่จิตใจไม่เข้มแข็งละก็ คงไม่สนใจหรอกว่านักพรตชิงชานน่ากลัวรึเปล่า และเลือกที่จะพุ่งออกไปเหมือนคนที่หิวโหยแล้ว

แม้แต่เย่เทียนยังเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องพูดถึงจูยิ่วถิงกับกุนซือแล้ว

ทั้งคู่จ้องมองด้วยความตะลึงจนตาใหญ่เท่ากระดิ่ง อ้าปากหว๋อด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ยังไงพวกเขาก็รู้จักกับชายที่ไม่บริสุทธิ์มานานหลายปี แต่กลับมีความมั่นใจในความสามารถของชายที่ไม่บริสุทธิ์อย่างไม่ลืมหูลืมตา

แต่แล้วตอนนี้ นักพรตชิงชานกลับสามารถควบคุมชายที่ไม่บริสุทธิ์ได้อย่างง่ายดาย นี่มันไม่เท่ากับบอกว่านักพรตชิงชานนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าหรอกเหรอ?

อีกอย่าง พวกเขานั้นรู้จักวงการของนักบู๊ในระดับหนึ่ง แล้วจะไปเคยเห็นความสามารถประหลาดอย่างแส้ขนที่ขนาดใหญ่ได้จากตอนไหน?

นักพรตชิงชานไม่สนใจหรอกว่าทั้งสามนั้นจะคิดยังไง พอเห็นว่าควบคุมชายที่ไม่บริสุทธิ์ได้แล้ว ก็ย่างเท้าแล้วเดินเข้าไปหิ้วชายที่ไม่บริสุทธิ์ขึ้นมาอย่างง่ายดายราวกับหิ้วลูกไก่ หมุนตัวแล้วเตรียมที่จะจากไป

“รอเดี๋ยว!”

เย่เทียนที่เห็นอย่างนั้น ก็ตัดสินใจหยุดไว้อย่างอัตโนมัติ

ไม่ว่ายังไง ชายที่ไม่บริสุทธิ์คนนี้ก็เป็นผู้มีพระคุณของเขาเมื่อชาติก่อน ต่อให้จะรู้อยู่แก่ใจว่าความแข็งแกร่งของนักพรตชิงชานนั้นน่ากลัวแค่ไหน แต่ก่อนที่จะได้รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับชายที่ไม่บริสุทธิ์ เย่เทียนก็ไม่มีทางปล่อยเขาให้ไปแน่นอน

“ท่านผู้เพื่อนนักพรต ไม่ทราบว่ายังมีอะไรที่จะแนะนำอีกอย่างนั้นรึ?”

นักพรตชิงชานคิ้วกระตุก หันหน้ามาแล้วจ้องมองไปที่เย่เทียน

ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาเขาก็สังเกตเห็นเย่เทียนแล้ว แต่เนื่องด้วยเย่เทียนฝึกฝนคัมภีร์หวงจึงทำให้มองไม่ออกว่าเย่เทียนแข็งแกร่งแค่ไหน ความจริงที่ก่อนหน้านี้เย่เทียนสามารถรับกระบวนท่าของเขาได้อย่างง่ายดายจึงทำให้เขาไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม

แต่ว่า ถ้าเย่เทียนคิดที่จะเข้ามาขวางจริงๆ เขาก็พร้อมที่จะสู้ตาย ยังไงก็ต้องพาตัวชายที่ไม่บริสุทธิ์กลับไปให้ได้

มันไม่เพียงเพื่อตัวเขา เพื่อชายที่ไม่บริสุทธิ์ หลักๆ ก็เพื่อความรุ่งโรจน์ของสำนักนั่นเอง

“คุณจะพาเขาไปไหน?”

เย่เทียนไม่ได้หวาดกลัวต่อสายตาของนักพรตชิงชานแม้แต่น้อย พร้อมกับทำหน้าจริงจังอย่างถึงที่สุด

“กลับสำนัก!”

“กลับสำนักอะไร? แล้วมันอยู่ที่ไหน?” เย่เทียนยังคงถามต่อ

สีหน้าของนักพรตชิงชานเคร่งขรึมลงมา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ท่านผู้เพื่อนนักพรต ก่อนที่เธอจะออกมา ผู้ใหญ่ในบ้านไม่ได้บอกเธอเหรอว่าอย่าเที่ยวไปถามเรื่องส่วนตัวของคนในวงการนักบู๊ด้วยกัน?”

“ฉันยอมรับว่าถึงเธอจะยังหนุ่ม ฝีมือกลับร้ายกาจมาก แต่ชิงชานของฉันที่อยู่มานับร้อยปี ก็ไม่ได้มีดีแค่ชื่อนะ!”

ทำไมเย่เทียนจะสัมผัสถึงความไม่เป็นมิตรที่นักพรตชิงชานส่งมาไม่ได้ คิ้วจึงกระตุกเบาๆ

“ชายคนนี้มีบุญคุณกับผม ก่อนที่จะได้รู้ว่าคุณเป็นอะไรกับเขา ผมก็ไม่มีทางปล่อยคุณออกไปแน่นอน!”

พอนักพรตชิงชานได้ยินอย่างนั้น สีหน้าที่เย็นชาก็ดูดีขึ้นมามากเลยทีเดียว

“เธอไม่ต้องเป็นห่วง เขาเป็นศิษย์หลานของฉัน ฉันไม่ทำร้ายเขาหรอก”

“ตอนนี้เขาถูกธาตุไฟเข้าแทรก ฉันจึงจำเป็นต้องพาเขากลับไปจัดการที่สำนัก”

เมื่อพูดอย่างนั้นออกมา และตอนที่ได้รู้ว่านักพรตชิงชานไม่ได้จะทำร้ายชายที่ไม่บริสุทธิ์นั้น มันก็ทำให้หัวใจที่หนักอึ้งของเย่เทียนทุเลาลง

“เพียงแต่ ยังไม่ทันที่เย่เทียนจะได้พูดอีกครั้ง น้ำเสียงที่เดือดดาลของจูยิ่วถิงก็ได้ดังขึ้นที่ข้างหู

“แม่งเอ๊ย ไอ้สวะ แกรีบกลับมาเดี๋ยวนี้ กลับมาฆ่าพวกมันซะ!”

“ฟุ่บ!”

นักพรตชิงชานเหลือบมองจูยิ่วถิงไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่โบกไปอย่างสบายๆ แล้วเกิดเป็นรอยฝ่ามือที่ก่อเกิดจากชี่ทิพย์พุ่งตรงไปยังจูชิงชาน

ป้าบ!

น่าเสียดายที่ความสามารถของจูยิ่วถิงเป็นแค่พวกปลายแถวที่อยู่แดนเหลืองระดับกลางเท่านั้น จะไปรับการโจมตีครั้งนี้ของนักพรตชิงชานได้ยังไง จึงถูกซัดใส่หนึ่งฝ่ามือเต็มๆ

จูยิวถิงรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ใบหน้า เขาที่เพิ่งลุกขึ้นมาก็ถูกตบจนหมุนไปเจ็ดร้อยยี่สิบองศา จากนั้นก็กระแทกลงพื้นอย่างแรง

ตุบ!

จังหวะที่กระแทกพื้น เขาก็รู้สึกหวานๆ ที่คอ เลือดสีแดงเข็มก็ถูกพ่นออกมา แต่งเติมสีเลือดให้กับนรกบนดินแห่งนี้

“ท่านผู้เพื่อนนักพรต เดิมทีคนที่เดินสายทางที่เราสองคนเดินมันก็มีน้อยอยู่แล้ว ฉันขอแนะนำให้เธออย่าฆ่าคนส่งเด็ด ไม่อย่างนั้นตอนี่ทดสอบมหาพรต จะต้องเรียมารในใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดออกมาแน่นอน”

นักพรตชิงชานไม่ได้สนใจอะไรจูยิ่วถิงเลย เเค่หันมองเย่เทียนด้วยสายตาที่ลึกซึ้งไปทีหนึ่ง จากนั้นก็หิ้วชายที่ไม่บริสุทธิ์ลอยออกไปจากทางหน้าต่างอย่างสบายๆ เท้าแตะพื้นเพียงไม่กี่ครั้งก็หายลับไปเลย

“ทดสอบมหาพรต? มารในใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

เย่เทียนจ้องมองไปยังทางที่นักพรตชิงชานจากไป อดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา

เขานั้นถือว่าออกบวชระหว่างทาง ไม่เคยได้รับการสั่งสอนอย่างเป็นหลักเป็นการ ส่วนใหญ่คัมภีร์หวงจะเป็นคนบอกให้เขารู้ ละยังมีอีกหลายอย่างที่เขายังไม่เคยรู้มาก่อน

อย่างน้อย คำพูดที่นักพรตชิงชานเพิ่งพูดมานั้น เย่เทียนไม่เข้าใจเลย

กลิ่นคาวเลือดที่มาเตะจมูกก็ทำให้เย่เทียนตั้งสติขึ้นมาได้ทันที ส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่ขมขื่น แล้วเอาคำเตือนของนักพรตชิงชานจำใส่ในส่วนลึกของใจไว้

เหลียวมองจูยิ่วถิงกับกุนซือที่กำลังแตกตื่น เย่เทียนยกมือแล้วโยนไฟจิตไปสองชิ้น แล้วออกจากนรกบนดินแห่งนี้ไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นาน สวนน้ำแห่งนี้ก็กลายเป็นทะเลเพลิงไป….