บทที่ 206 ไม่มีช่องทางที่เหลือให้หันกลับ

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

สวนสาธารณะ

ฝนเพิ่งจะตกไป อากาศสดชื่นและดูชื้นๆ กลิ่นหอมของดอกไม้ผสมผสานกับกลิ่นหอมของหญ้าที่ล่องลอยอยู่นั้นทำให้รู้สึกสดชื่น

เวลานี้คนส่วนมากไปทำงานกันแล้ว ดังนั้นในสวนสาธารณะนั้นคนจึงน้อยมาก ทางที่มีร่มไม้ถูกฝนสาดจนเปียก เสียงนกร้องจิ๊บๆมีความไพเราะ

เข็นรถเข็นไป เชอร์รีนไม่ได้เอ่ยพูดออกมา รักษาความเงียบอยู่แบบนั้น สีหน้าดูเคร่งขรึมดูเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ

“ทำไมไม่พูดเลยล่ะครับ?” องค์ชายเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ดึงผ้าที่อยู่บนขาขึ้นมา หลังจากที่มาถึงสวนสาธารณแล้ว เธอก็ไม่เอ่ยพูดอะไรเลย

“ฉันกำลังคิดว่า เรื่องที่เขาเสนอมาว่าจะส่งคุณไปรักษาที่อเมริกาเมื่อครู่ ฉันควรจะตอบตกลงแล้วกลับไปคุยกับเขาอีกที”

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร การรักษาของประเทศอเมริกาอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ก้าวหน้ากว่าที่เมืองsอยู่แล้ว ตอนนี้ขาของเขายังอยู่ในช่วงแรก เป็นช่วงที่จะรักษาได้ดีที่สุด จะเสียเวลาไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

“ทำไมจะต้องตกลงล่ะครับ? ไม่ใช่เพราะประธานออกัสผมถึงได้ช่วยซาราง เพราะฉะนั้นรับบุญคุณของเขาเอาไว้ไม่ได้หรอกครับ” องค์ชายกล่าว

เขาเห็นซารางเติบโตมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้ต่างจากลูกสาวตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้จู่ๆประธานออกัสปรากฏตัวขึ้นในฐานะของพ่อแท้ๆซาราง แล้วมายื่นข้อเสนอว่าจะช่วยรักษาขาของเขาด้วยท่าทางที่ทะนงตัวแบบนั้นเขาไม่สามารถรับได้อยู่แล้ว

ในใจเกิดความรู้สึกแบบหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ศัตรูปรากฏตัวขึ้น แล้วพาสิ่งที่มีค่าที่สุดที่รักที่สุดไป อีกทั้งยังยื่นข้อเสนอที่จะมาชดเชย การชดเชยนี้เขาจะสามารถรับได้อย่างไร?

“แต่ ขาของคุณตอนนี้ยังอยู่ในช่วงแรก ถ้าหากได้รับการรักษาที่อเมริกา ความเป็นไปได้ที่จะดีขึ้นนั้นก็ยิ่งมีมาก”

เกี่ยวกับขาของตัวเอง องค์ชายไม่อยากจะให้เธอเกิดความรู้สึกผิดในใจ : “อย่ากังวลไปเลยครับ ไปรักษาที่อเมริกา ผมเองก็สามารถจัดการได้ มหาวิทยาลัยของผมมีเพื่อนที่เป็นหมอกระดูก เขาอยู่ที่อเมริกาพอดี”

ได้ยินแล้ว ใบหน้าของเชอร์รีนก็ปรากฏความดีใจออกมา แต่วินาทีถัดมานั้น เธอก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “ถ้าอย่างนั้นค่าใช้จ่ายทางด้านนั้นล่ะคะ?”

“ธนาคารมีเงินสะสมอยู่พอรักษาขาได้ อย่ากังวลไปเลยครับ” องค์ชายปลอบใจเธอ

“เดี๋ยวกลับไปแล้วไปถามเพื่อนของคุณนะคะ ฉันจะไปทำเรื่องวีซ่ากับพาสปอร์ต” เธอตัดสินใจ

เกี่ยวกับขาขององค์ชาย เธอไม่ได้ละความพยายามเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วอีกอย่างในบัตรของเธอก็มีเงินสะสมอยู่บ้าง เงินเก็บของทั้งสองคนรวมกันแล้วคงจะไม่ได้เป็นปัญหามากนัก

องค์ชายยิ้ม : “ทำไมเมื่อก่อนผมถึงไม่ได้รู้สึกว่านิสัยของคุณจะเฉียบขาดขนาดนี้เลย? รอให้ผมติดต่อเขาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ไม่สายไปนี่ครับ แล้วอีกอย่างจะไปกันหลายคนขนาดนั้นทำไม ถ้าหากจะต้องไปจริงๆผมไปคนเดียวก็พอแล้ว คุณอยู่ดูแลซารางที่นี่แหล่ะครับ”

เชอร์รีนกลับเอ่ยขึ้น : “ฉันจะไปด้วยค่ะ ไปดูแลคุณไง”

“เชอร์รีน จริงๆนะครับ ผมไม่ได้ต้องการให้คุณรู้สึกผิดและคำขอโทษของคุณเลย ในใจของผม ซารางก็คือลูกสาวแท้ๆของผมตั้งแต่แรกแล้ว” องค์ชายค่อยๆเอ่ยพูดขึ้น : “ถ้าหากในใจของคุณยังรู้สึกผิดตลอดอยู่แบบนี้ ผมเองก็รู้สึกไม่ดี ผมช่วยซาราง ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาทุกข์ใจนะ”

ขาที่ก้าวเดินอยู่นั้นหยุดลง สองมือของเธอปล่อยรถเข็น หลังจากนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ด้วยสีหน้าท่าทางที่หนักแน่นและจริงจัง

“ฉันรู้ค่ะว่าคุณช่วยซารางก็เพราะความรักที่คุณมีต่อเธอ และสำหรับการดูแลของฉันเป็นเพียงส่วนเดียวค่ะที่เป็นเพราะฉันรู้สึกผิด แต่สาเหตุส่วนที่เหลือเป็นเพราะฉันรู้สึกว่าจริงๆแล้วคุณดีมาก เพราะฉะนั้น เราแต่งงานกันนะคะ…..”

สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง เขาแบกรับภาระหน้าที่ มีความรับผิดชอบ มีความเป็นธรรม เวลาสี่ปี เธอเข้าใจเขาอย่างละเอียดและลึกซึ้งพอแล้ว

สองคนแต่งงานกัน ทางด้านการปฏิบัติกับซาราง เธอเองก็ไม่ต้องเป็นกังวล

และคนอย่างเขา ก็จะไม่ไปมั่วลับหลัง ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เขารักเด็ก รักครอบครัว

ความเรียบง่ายแบบนี้ ชีวิตที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไปก็ไม่เลวเลยเหมือนกัน ส่วนเรื่องความรัก เธอคิดว่าปล่อยให้เป็นไปตามกาลเวลา มันจะเกิดขึ้นมาเอง…..

องค์ชายอึ้งไป หลังจากนั้นพักหนึ่ง เขาจึงดึงอารมณ์ที่วิ่งไปไกลนั้นกลับมา : “เชอร์รีน คุณรู้หรืเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา?”

“ฉันรู้ค่ะ…..” มุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้น สีหน้าท่าทางของเชอร์รีนไวกว่าเมื่อครู่นี้อย่างเห็นได้ชัด และยังดูมีความเจ้าเล่ห์อยู่ด้วย : “ต่อไปฉันก็ต้องแต่งงาน อีกฝ่ายหนึ่งที่จะแต่งงานด้วยไม่รู้ว่าจะปฏิบัติกับซารางยังไง จะปิดบังฉัน จะปฏิบัติกับซารางอย่างโหดร้ายลับหลังฉันหรือเปล่า แต่คุณดีกับซารางขนาดนี้ แล้วก็เป็นตำรวจที่ซื่อสัตย์ ผู้ชายดีๆขนาดนี้อยู่ตรงหน้าฉันแล้วแต่ฉันกลับไม่เลือก จะไม่เป็นการเสียเปล่าเหรอคะ?”

หัวเราะออกมาเบาๆ กระแสไออุ่นที่รินไหลอยู่ทั่วทั้งร่างกาย ทั้งร่างกายก็อบอุ่นขึ้นตามไปด้วย ในใจเต็มไปด้วยความดีใจความตื่นเต้น ร้องเอ็ดตะโร องค์ชายหัวใจเต้น

“คุณแน่ใจนะว่าคุณจะไม่มาเสียใจทีหลัง?”

“ทำไมฉันจะต้องมาเสียใจทีหลังด้วยล่ะคะ? หรือว่าหลังจากที่แต่งงานแล้วคุณจะไปชอบของใหม่และเบื่อของเก่ากัน?” เชอร์รีนเอ่ยขึ้น

“ไม่อยู่แล้วครับ แต่ผมอยากจะรอให้ขาของผมสามารถยืนได้ก่อน แล้วค่อยแต่งงานกับคุณ” เขาอยากจะให้งานแต่งงานที่มีหน้ามีตาให้กับเธอ

“ถ้าหากว่าขาของคุณไม่สามารถยืนได้ตลอดไป ถ้าอย่างนั้นตลอดชีวิตนี้คุณก็จะไม่แต่งงานกับฉันอย่างนั้นหรือคะ? เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญเลยไม่ใช่เหรอ?” ในใจเขากำลังคิดอะไรอยู่นั้น เธอเข้าใจ แต่ว่าไม่จำเป็นเลย!

“แต่ว่าผมอยากจะรอให้ขาของผมยืนได้ก่อนแล้วค่อยคุยกับคุณเรื่องนี้……” องค์ชายเอ่ยพูดขึ้นช้าๆ : “ถ้าหากว่าคุณเพียงแค่รู้สึกผิดและวู่วาม ถ้าอย่างนั้นรอให้ตอนที่ขาของผมยืนได้ก่อน คุณก็สามารถเลือกที่จะเดินจากไปอย่างไม่ต้องย้อนกลับมาได้”

“ในเมื่อฉันสามารถพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้ ก็ต้องผ่านการพิจารณามาอย่างดีแล้ว หลังจากนั้นก็เลือกคำตอบที่เป็นประโยชน์ต่อฉันมากที่สุด เวลานี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่ ในใจฉันเข้าใจและชัดเจนดีค่ะ”

มองดวงตาเขา เชอร์รีนเอ่ยพูดทีละคำทีละประโยค อีกทั้งสามารถทำให้เขามองเห็นความจริงจังในแววตาของตัวเองได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

จ้องมองสบตาเธออย่างเงียบๆอยู่นานแล้ว องค์ชายจึงพยักหน้าลง : “ครับ”

คำพูดเหล่านั้นที่เธอพูดออกมาทั้งหมด เขาเชื่อ ความรู้สึกที่แสดงออกมาในแววตาของเธอ เขาสามารถเห็นมันได้อย่างชัดเจน

เมื่อคำนั้นออกมาจากปากของเขาแล้ว ร่างของเชอร์รีนก็อดที่จะสั่นเทาไม่ได้ ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกก็ลอยขึ้นมาอยู่ในใจ ดูคลุมเครืออยู่บ้าง

แต่เธอเองก็รู้ หลังจากนี้ไปจะไม่เปลี่ยนแปลงอีก เพียงแค่เป็นสิ่งที่เธอตัดสินใจพูดออกไปแล้ว จะไม่มีทางหันกลับมาอีก

นับจากตอนนี้ ให้เป็นแบบนี้แล้วกัน…..

ทั้งสองคนหยุดอยู่ที่สวนสาธารณะพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไปซุปเปอร์มาร์เก็ต หลังจากนั้นก็กลับบ้าน

หลังจากที่ทานอาหารเย็นแล้ว เชอร์รีนก็เริ่มช่วยองค์ชายให้ยืนขึ้นมา ในห้องรับแขก เธอให้เขาใช้สองแขนค้ำไม้ยันคู่เอาไว้ ลองที่จะยืนขึ้นมาก่อน

เพียงแต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ครั้งแล้วครั้งเล่า ไปๆมาๆ ก็ลองมาเป็นเวลาสองชั่วโมง ก็ไม่สามารถยืนขึ้นมาได้เลย แต่กลับมีเหงื่อออกบนหน้าผากแทน

เอาถั่วเขียวที่ต้มเอาไว้เมื่อเช้ายกมาหนึ่งถ้วย เธอยื่นส่งให้องค์ชาย : “ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะคะ วันนี้เพิ่งจะวันแรก พวกเราไม่รีบนะ”

ส่วนจิตใจขององค์ชายนั้นก็อ่อนโยนอยู่ตลอด เขาพยักหน้าพลางตอบรับ : “ครับ”

หลังจากที่ออกกำลังกายพักหนึ่งแล้วนั้น องค์ชายก็กลับเข้ามาในห้องและเริ่มจัดการกับเอกสาร ส่วนเชอร์รีนนั้นก็ไปทำอาหารเย็นในครัว

ทำอาหารเสร็จแล้วนั้น ห้าโมงครึ่ง ปกติแล้วซารางจะเลิกเรียนเวลานี้ บอกองค์ชายแล้วนั้น เธอก็ถอดผ้ากันเปื้อนแล้วเตรียมจะไปรับซาราง

แต่เพิ่งจะเดินออกมาจากประตูห้องครัวนั้น ก็เห็นซารางเดินเข้ามา ใบหน้าแดง เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในมือเล็กๆนั่นถือว่าวรูปดาวอยู่