บทที่ 207 ทำไมต้องแต่งงานกับเขา

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

จากนั้น เธอก็มองไปยังห้องรับแขกเหมือนกับขโมย หลังจากนั้นก็เอาว่าววางทิ้งไว้ข้างๆอย่างรวดเร็ว

ออกัสยืนอยู่ทางด้านหลังเธอ ร่างสูง หล่อเหลา ดูโอ่อ่าและร่ำรวย เพียงแต่ถือกระเป๋าหนังสือเจ้าแกะน้อยที่ดูขัดแย้งอยู่ในมือใหญ่

ปากเล็กๆงึมงำ แล้ววิ่งพุ่งตัวเข้าไปในห้องครัว : “หม่ามี๊ หิวน้ำจังเลยค่ะ หนูอยากดื่มน้ำ”

เชอร์รีนขมวดคิ้วขึ้น มองดูรองผ้าใบสีขาวที่เลอะโคลนและหญ้า หิ้วคอเสื้อของเธอพาเดินออกมาจากห้องครัว : “วันนี้ไปไหนมาคะ?”

ดูหงอยไปบ้างแล้ว ซารางก้มศีรษะลง เท้าเล็กๆเตะไปอย่างลวกๆ เสียงเบาๆนั้นเหมือนกับแมลงวันเลยอย่างไรอย่างนั้น : “เล่น….เล่นว่าวค่ะ……”

“ขาดเรียนมาตั้งนานขนาดนั้นแล้ว วันนี้เรียนวันแรก หนูก็โดดเรียนแล้ว?” เชอร์รีนอดที่จะเน้นเสียงให้หนักขึ้นมาไม่ได้

ร่างเล็กๆของซารางหดลงด้วยความตกใจ แล้วพิงอยู่ตรงกำแพงทางด้านหลัง ออกัสมองไปยังเชอร์รีน ริมฝีปากบางกระตุกขึ้น ดวงตาหรี่ลง : “ขอลากับคุณครูแล้วครับ….”

ระหว่างที่พูดนั้น เขาก็เอากระเป๋าเจ้าแกะน้อยวางลงบนโซฟา หลังจากนั้นก็เดินเข้าไป เห็นสถานการณ์แล้ว สองมือของซารางก็กอดขาเขาเอาไว้ทันที

ได้ยินแล้ว สายตาของเชอร์รีนก็เหลือบมองไปที่เขา แล้วผละออกมามองไปที่ร่างของซาราง : “การบ้านวันนี้ถ้าทำไมเสร็จไม่อนุญาตให้ทานข้าวเย็นนะคะ”

สิ้นเสียงแล้ว เธอก็ไม่ได้สนใจทั้งสองคนอีก เดินออกมาจากห้องครัว แล้วเริ่มยกอาหารเย็นออกมา

ได้กลิ่นหอมที่ลอยมาแล้ว ซารางก็ทำจมูกฟุดฟิดขึ้นมาอย่างน่ารัก : “คุณอา เกี๊ยวที่หม่ามี๊ทำ หนูหิวแล้ว”

“จมูกดีเชียวนะ…..”ออกัสเลิกคิ้วขึ้น มือใหญ่บีบจมูกของเธอเอาไว้ : “ทนหน่อยนะครับ…..”

ซารางเลียลิ้น ศีรษะเล็กๆก้มลงอย่างหงอยเหงา จากนั้นเธอก็คว่ำหน้าลงบนโต๊ะเขียนการบ้าน ส่วนออกัสก็นั่งอยู่ข้างๆเขา

วันนี้ถือว่าเป็นการพึ่งบุญวาสนาของลูกสาวเขาถึงได้เหยียบเข้ามาในบ้านหลังนี้อีกครั้ง มิเช่นนั้น จากนิสัยอย่างผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขาคงไม่สามารถเข้ามาเหยียบได้อีกอย่างแน่นอน

เพียงแต่เป็นการทำให้ลูกสาวของเขาต้องมาลำบาก เล่นว่าวมาทั้งช่วงบ่าย แต่นี่ก็ยังต้องมานั่งทำการบ้านด้วยความหิวอีก

ที่โต๊ะอาหารนั้นมีเพียงแค่เชอร์รีนกับองค์ชายที่กำลังนั่งทานอาหารเย็นกันอยู่ กลิ่นหอมฟุ้ง องค์ชายอยากจะเรียกซารางแต่กลับถูกเธอห้ามเอาไว้

ซารางดึงกางเกงสูทของออกัส พลางเอ่ยขึ้นเบาๆ : “คุณอา เกี๋ยวรากบัวที่หม่ามี๊ห่อ หนูไม่ได้ทานมาตั้งนานแล้ว….”

“คุณอานานกว่าหนูอีกนะ อย่าดื้อนะครับ ทำการบ้าน……” ออกัสเลิกคิ้วขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำ ตาหลุบต่ำลง แล้วหางตาเหลือบไปมองยังองค์ชายอย่างเย็นชา

เกี๊ยวที่เธอทำเขาเองก็เคยกิน ถึงแม้ว่าจะเป็นเมื่อสี่ปีก่อน…..

หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว องค์ชายก็กลับเข้าไปในห้องทำงานต่อ เชอร์รีนเก็บถ้วยชามตะเกียบ แล้วทนต่อไปไม่ได้อีก ซารางน้ำตาคลอ : “หม่ามี๊ หนูหิว…..”

เชอร์รีนใจอ่อน เข้าไปในห้องครัวทำเกี๊ยวถ้วยหนึ่งแล้วยกมาให้ซาราง ไม่แม้แต่จะมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงโซฟาเลยแม้แต่นิดเดียว

ออกัสเองก็รู้สึกหิวอยู่บ้างแล้ว ดวงตาราวสั่นไหวเล็กน้อย มองดูซารางที่กำลังกินอยู่ด้วยใบหน้าที่หอมหวาน

“อ้าปากค่ะ คุณอา” ซารางป้อนเกี๊ยวหนึ่งตัวให้เขา ไม่ป้อนยังดีเสียกว่า พอป้อนแล้วกลับยิ่งรู้สึกหิว สี่ปีที่ไม่ได้เจอกัน ฝีมือของเธอก็ยิ่งดีขึ้นกว่าเดิม

มือใหญ่หยิบช้อนของซารางขึ้นมา ออกัสจะตักเกี๊ยวขึ้น และขณะที่กำลังจะเอาเข้าปากนั้น กลับสบตาเข้ากับเชอร์รีนที่เพิ่งจะเดินออกมาพอดี

ถูกจับได้ เชอร์รีนกอดอก มองดูการเคลื่อนไหวของเขา รู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง ลูกกระเดือกของเขากลิ้งไปมา มือซ้ายจัดแจงเสื้อเชิ๊ตสีดำอย่างสง่างาม ดวงตามองไปยังซาราง สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นพยายามจะไม่ใส่ใจ : “อ้าปากครับ…..”

เห็นสถานการณ์แล้ว คิ้วของเชอร์รีนนั้นก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย หันกลับไปนั้นมุมปากกลับอดที่จะยกโค้งขึ้นมาไม่ได้ ซักพักหนึ่ง ก็เก็บอาการ รอจนเธอออกมาอีกครั้ง ในมือก็ถือชามเกี๊ยวที่เพิ่งทำเสร็จออกมา ไม่ได้เกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียวแล้ววางลงตรงหน้าเขา

ให้เขาอย่างนั้นหรือ?

คิ้วเรียวของออกัสเลิกขึ้นมา ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เธอไม่เคยที่จะทำสีหน้าดีๆกับเขาเลย การแสดงออกแบบนี้นับว่าเป็นครั้งแรก จึงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาอยู่บ้าง

“ขอบคุณครับ คุณอดีตภรรยา…..” เขาส่งเสียงออกมา เสียงแหบพร่าที่ดึงดูดเหมือนแม่เหล็ก และมองเธออย่างอ่อนโยน

คุณเชอร์รีนคำเรียกนี้ดูแข็งๆอย่างเห็นได้ชัด ส่วนคุณหญิงเชอร์รีนนั้น ถ้าหากเขาเอ่ยเรียกขึ้นมา จะต้องถูกเชิญออกไปอีกครั้งอย่างแน่นอน

เชอร์รีนจ้องมองเขาอย่างเย็นชา พลางเอ่ยขึ้น : “ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ทานเสร็จแล้วคุณออกัสก็สามารถกลับไปได้แล้ว เพราะพวกเราจะพักผ่อนกัน”

ออกัสเลิกคิ้วขึ้นแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เพียงแต่กินเกี๊ยวไปอย่างสง่างามและเอื่อยเฉื่อยอยู่แบบนั้น

คณิตศาสตร์ของซารางนั้นไม่ดีมาโดยตลอด จะใช้คำว่าไม่เข้าใจเลยมาอธิบายก็ได้ เชอร์รีนสอนเธอทำการบ้านคณิตศาสตร์ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและสีหน้าท่าทางที่จริงจัง

เขาจ้องมองเธออย่างเงียบๆภายใต้แสงสีเหลืองสลัวๆ ใบหน้าด้านข้างที่สวยงามน่าหลงใหล มีกลิ่นอายแห่งความมุ่งมั่นส่งออกมาจากข้างใน ทำให้เขามองอย่างเคลิบเคลิ้ม ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

สอนการบ้านเสร็จแล้วนั้น ก็เป็นเวลาหลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เชอร์รีนบิดขี้เกียจเล็กน้อย แล้วมองเขา : “พวกเราเหนื่อยกันแล้ว ขอไม่ออกไปส่งนะคะคุณออกัส”

ได้ยินแล้ว ออกัสก็หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วหยิบเสื้อคลุมที่วางอยู่บนโซฟาขึ้นมา เห็นว่าเชอร์รีนพ่นลมหายใจออกมา คิดว่าเขาจะกลับไป

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่เขาหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาแล้ว กลับดึงกางเกงที่ประณีตของเขาแล้วเอาเสื้อคลุมนั้นคลุมลงมาที่ร่าง และนอนพิงบนโซฟาแบบนั้น

“ผมเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน อย่าส่งเสียงนะคุณ ให้ผมพักผ่อนซักพัก….”

คนๆนี้นับวันก็ยิ่งหน้าไม่อายเลยจริงๆ!

หน้าอกของเชอร์รีนนั้นอดที่จะขึ้นๆลงๆไม่ได้ อยากจะเอาชามเกี๊ยวร้อนมาราดลงบนหน้าเขาเสียเลยจริงๆ

“นี่ คุณควรจะไปได้แล้ว โรงแรมห้าดาวของเมืองทะเลหทัยก็มีไม่น้อยเลย เพียงพอที่จะให้คุณไปพักได้อยู่แล้ว” ขยับขาแล้วเตะที่ขาของเขา

แต่ออกัสกลับทำเหมือนหลับสนิทไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีความรู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว ดวงตาก็ไม่ไหวติงเลยอีกด้วย

เท้าของเชอร์รีนยังคงเตะอยู่ แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ซารางดึงแขนเสื้อของเธอเอาไว้ : “หม่ามี๊ คุณอาเหนื่อยแล้ว หม่ามี๊อย่าไปกวนเขาเลยนะคะ หนูจะไปอาบน้ำแล้ว หม่ามี๊ไปอาบให้หนูนะ ในรองเท้ามีดินด้วย เหนียวๆ ไม่สบายเลยค่ะ”

ลมหายใจคาอยู่ตรงอกแบบนั้น เชอร์รีนเตะเขาอีกสองสามครั้งอย่างระบายความโมโห หลังจากนั้นก็พาซารางกลับห้องไป

โซฟาทั้งแคบทั้งเล็ก ตอนกลางคืนอุณหภูมิก็จะลดลงอีก ประธานออกัสผู้สูงส่งและทะนงตัวแบบนั้นจะทนอยู่ได้นานซักแค่ไหนกันเชียว เธออยากจะดูเหมือนกัน

เสียงฝีเท้าสองคนหายไปแล้วนั้น ดวงตาเรียวของออกัสถึงได้ค่อยๆลืมเปิดช่องขึ้นมา เห็นร่างใหญ่และร่างเล็กเดินเข้าไปในห้องแล้ว หลังจากนั้นเสียงประตูก็ถูกปิดลงอย่างแรง

เขาขยับร่างสูง เปลี่ยนท่านอนให้สบายขึ้น แล้วก็หลับตาลงอีกครั้ง

เดิมทีคิดจะกล่อมซารางหลับ หลังจากนั้นค่อยมาเตรียมการสอน แต่ใครจะรู้กัน ว่ากล่อมไปกล่อมมา กลับกล่อมให้ตัวเองหลับไปเสียอย่างนั้น

จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ถึงได้ปลุกให้เชอร์รีนที่หลับไปอย่างงุนงงนั้นตื่นขึ้นมา เธอลุกขึ้นมานั่งอย่างสะลึมสะลือ ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ซารางแล้ว เธอค่อยเดินออกมาจากห้องอย่างงัวเงีย แล้วปิดประตูห้องลง กลัวว่าจะทำให้ซารางตื่น

เพียงแต่เชอร์รีนยังรู้สึกง่วงมาก เธอหรี่ตาแล้วกดรับสาย : “ฮัลโหล ค่ะแม่”

“เชอร์รีน ขาขององค์ชายเป็นอย่างไรบ้าง? นี่ก็นานแล้วนะ ดีขึ้นบ้างไหม?”

ภายในห้องรับแขกมืดสนิท และเธอก็ไม่ได้คิดจะเปิดไฟ คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วก็จะกลับห้องไปนอนต่อ จึงไม่จำเป็น

หลับตาลง เธอเดินไปข้างหน้าตาตามสัญชาตญาณ พลางเอ่ยขึ้น : “ยังเลยค่ะ แต่กำลังฟื้นฟูอยู่ค่ะ ออกกำลังกายขาทุกวัน มีข่าวคราวอะไรเดี๋ยวหนูจะบอกพ่อกับแม่นะคะ”

“โอเค แล้วเรื่องของเรากับองค์ชายเป็นยังไงบ้าง?”

มือที่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่นั้นหยุดชะงักไป เชอร์รีนยังคงไม่ได้ลืมตา แล้วเอ่ยพูดขึ้น : “หนูปรึกษากับองค์ชายแล้วค่ะ ว่าจะแต่งงานกัน ส่วนว่าจะเป็นที่เมืองทะเลหทัยหรือที่เมืองsนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจกัน วันแต่งงานแม่ช่วยหนูเลือกหน่อยแล้วกันนะคะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยตัดสินใจเรื่องรายละเอียดอื่นๆกันอีกที ไม่ต้องใหญ่โตมากนักหรอกค่ะ อืม แม่กับพ่อช่วยจัดการให้ก็ได้……”

ระหว่างนั้น เธอก็เดินไปนั่งบนโซฟาด้วยสัญชาตญาณ แต่กลับรู้สึกว่าตรงก้นนั้นทั้งร้อนทั้งนุ่ม ดูผิดปกติไป

เห็นได้ชัดว่าเธอลืมออกัสที่นอนหลับอยู่บนโซฟาไปแล้ว และเธอในเวลานี้กำลังนั่งลงอยู่บนอกของชายหนุ่ม

ลืมตาขึ้น ขณะที่เชอร์รีนกำลังจะมองให้ละเอียดนั้น ออกัสที่อยู่บนโซฟาก็ขยับตัว พลิกตัว จึงทำให้สองขาของเธอกางออกแล้วนั่งอยู่ตรงช่วงเอวของเขา สองมือจับอยู่ที่เอวบางของเธอ ดวงตาที่ดำสนิทมืดมิดนั้นราวกับดวงตาของสัตว์ร้าย เปลวไฟที่ลุกโชนกำลังแผดเผา ถึงแม้จะไม่ได้เปิดไฟในความมืดแบบนี้ก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน

ทันใดนั้นเองร่างเธอถูกพลิกไป เธออดที่จะร้องขึ้นด้วยความตกใจไม่ได้ กนกอรที่อยู่ในสายก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงขึ้นมาทันที : “เป็นอะไรไปน่ะ?”

หัวใจที่อยู่ตรงหน้าอกเต้นรัวด้วยความตกใจ เชอร์รีนทรงตัวเอาไว้ มือตีลงตรงหน้าอกเบาๆ และตอนที่เตรียมจะเอ่ยพูดกับชายหนุ่มที่อยู่ใต้ร่างนั้น กลับได้ยินเสียงจากทางปลายสายดังขึ้นมา จึงทำได้เพียงต้องรีบตอบกลับไป : “แม่คะ ไม่มีอะไรค่ะ ไม่ได้เปิดไฟ ก็เลยชนเข้ากับเก้าอี้ หนูวางก่อนนะคะ เรื่องอื่นเดี๋ยวเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันอีกที อืม บ๊ายบายค่ะ”

วางสายไปแล้ว เธอก็จับมือใหญ่ที่อยู่ตรงเอวของเธอ แล้วกดเสียงต่ำลง : “คุณปล่อยมือนะ!”

ในห้องยังมีซารางและองค์ชายอยู่ด้วย เมื่อครู่ที่เธอส่งเสียงร้องออกมาไม่รู้ว่าจะได้ยินหรือเปล่า ตอนนี้จึงทำได้เพียงต้องกดเสียงให้ต่ำลงที่สุด

เลือดในร่างกายของเขาราวกับกำลังเดือดพล่านอย่างไรอย่างนั้น เดือดพล่าน ลุกไหม้ พลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง เสียงทุ้มต่ำที่มืดมนนั้นเค้นออกมาช่องฟัน : “คุณจะแต่งงานกับองค์ชายอย่างนั้นเหรอ?”

“อืม” เชอร์รีนตอบ สองมือยันอยู่ตรงหน้าอกของเขา บิดและดิ้นไปมา

เวลานี้การเคลื่อนไหวของทั้งสองคนนั้นดูใกล้ชิดกันมากเกินไป ผู้ชายอยู่ด้านล่างผู้หญิงอยู่ด้านบน ดูเหมือนกับเธอกำลังคร่อมร่างเขาอยู่

ถ้าหากซารางหรือองค์ชายเดินออกจากห้องมา แล้วเห็นฉากนี้เขา สถานการณ์ก็จะกลายเป็นยิ่งทำตัวไม่ถูกขึ้นมายิ่งขึ้นไปอีก

“ทำไมต้องแต่งงานกับเขา?” ฝ่ามือใหญ่ยังคงตรึงเอาไว้อยู่ที่เอวบางของเธอ ส่งเสียงแหบพร่าออกมา เปลวไฟที่สว่างอยู่ในดวงตายังกำลังเคลื่อนไหวอยู่

เขาแรงเยอะมาก เชอร์รีนดิ้นเสียจนหน้าแดงแต่กลับไม่สามารถทำให้เขาขยับได้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับทำให้หน้าอกของเธอที่กำลังดิ้นอยู่นั้นขึ้นๆลงๆ แทบหายใจไม่ออก

ดังนั้นก็เลยยอมที่จะไม่ดิ้นต่อแล้ว คร่อมอยู่ตรงเอวของเขาอยู่แบบนั้น แล้วหอบเล็กน้อย

มือใหญ่ยกขึ้นมาเอาเส้นผมที่ตกลงมาตรงแก้มทัดหูให้เธอ ถึงแม้ว่าความโมโหภายในใจนั้นจะยังเดือดพล่านอยู่นั้น แต่การเคลื่อนไหวนั้นกลับอ่อนโยนเป็นอย่างมาก

“ทำไมต้องแต่งงานกับเขาครับ?” ริมฝีปากบางกระตุก น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและแหบพร่า ดวงตาจับจ้องมองอยู่ที่ร่างของเธอ แล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง