“ออกัส คุณไม่รู้สึกว่าคุณจะยุ่งมากเกินไปอย่างนั้นหรอคะ?” เสียงของเธอนั้นยังคงกดลงต่ำเช่นเดิม สองมือจับเสื้อเชิ๊ตตรงหน้าอกเขาเอาไว้
มือที่อยู่ตรงเอวของเธอชะงักไป เลิกคิ้วขึ้น ดวงตามืดลง แล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง : “คุณรักเขาไหม?”
ไม่มีคำพูดใดๆออกมา เชอร์รีนขมวดคิ้วขึ้น เพียงแค่เงียบลงแล้วใช้แรงดึงมือของเขา ต้องการจะเอามือของเขาออกไป
เขาไม่ใช่ตำรวจ แล้วเธอก็ไม่ใช่นักโทษ เธอไม่จำเป็นที่จะต้องตอบคำถามเขาเลย
“อย่าดื้อสิครับ ถ้าหากคุณไม่ตอบ งั้นเราจะอยู่ในท่าแบบนี้ไปจนฟ้าสว่างเลย…..”
สูดหายใจเข้าลึกๆแล้ว สีหน้าท่าทางของเชอร์รีนก็นิ่งไปเล็กน้อยอยู่พักหนึ่ง นิ้วมืออดที่จะจิกลงบนฝ่ามือนุ่มๆไม่ได้ ทำให้รู้สึกเจ็บขึ้นมา แม้กระทั่งตัวเธอเองก็ได้ยินคำที่หลุดออกมาจากปากตัวเองอย่างชัดเจนอีกด้วย : “รัก……”
ได้ยินแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาของออกัสก็ไม่สามารถมองเห็นถึงอารมณ์ของเขาได้เลย แต่กลับเพียงแค่จ้องมองดวงตาเธอเท่านั้น ราวกับมองผ่านรูม่านตาเพื่อให้เห็นส่วนที่ลึกที่สุด
“อย่างนั้นเมื่อสี่ปีก่อนคุณรักหรือเปล่า–”
น้ำเสียงที่แหบพร่าทุ้มต่ำกำลังจะหลุดออกมานั้น ไม่รู้ทำไม คำพูดที่จะออกมาจากปากเขากลับต้องกลืนกลับลงไปอีกครั้ง
หลังจากนั้น เขาก็เอาปลายนิ้วหยาบลูบบนริมฝีปากของเธอ : “ดวงตาของคุณกำลังทรยศคุณนะ อดีตภรรยาที่รักของผม มันบอกผมอย่างชัดเจนมากว่าคุณกำลังโกหก……”
หัวใจของเธอสั่นเทาเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าหันไปทางด้านข้างเล็กน้อย ทำให้หัวใจที่กำลังเต้นรัวนั้นสงบลง แล้วเงยหน้าขึ้นมา เอ่ยขึ้นทีละคำทีละประโยค
“บางที ตอนนี้ฉันอาจจะยังรักเขาไม่พอ แต่ผ่านไปอีกไม่นานฉันจะเป็นภรรยาของเขาแล้ว ถึงตอนนั้นฉันจะพยายามรักเขาให้ได้!”
ประโยคนี้ไม่ใช่เพียงแค่พูดให้เขาฟังเพียงเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็กำลังพูดให้ตัวเองฟังด้วยเช่นกัน
มือใหญ่อดที่จะบีบลงบนเนื้อนุ่มๆตรงเอวของเธอผ่านชุดนอนไม่ได้ แขนของออกัสกระชับแน่นขึ้น หลังมือของเขามีเส้นเลือดผุดขึ้นมา
“เพราะฉะนั้น คุณไม่จำเป็นที่จะต้องมาพัวพันกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วคนนึงอีกแล้ว…..”
ไม่มีคำพูดใดๆ มือใหญ่ของเขาวางลงบนศีรษะของเธอ ใช้แรงกดร่างของเธอให้มาอยู่บนหน้าอกของตัวเอง
และนี่ ร่างของทั้งสองคนแนบชิดใกล้อย่างแนบแน่น ไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่นิดเดียว
ใบหน้าด้านซ้ายของเชอร์รีนแนบติดอยู่กับหน้าอกของเขา ถึงแม้ว่าจะมีเสื้อเชิ้ตกั้นอยู่ แต่กลับยังสามารถรู้สึกได้ถึงความแข็งแรงภายใต้เสื้อเชิ๊ต ความร้อน ความแข็งแรง และหัวใจที่เต้นแรง
ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วคำนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์มากจริงๆ!
นี่เธอกำลังบอกเขาว่า เธอมีเจ้าของแล้วอย่างนั้นใช่ไหม?
แม้กระทั่งลมหายใจที่ออกมาจากจมูกก็ร้อนเสียจนแผดเผาคนได้ ออกัสส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างเหยียดหยาม เหลือบไปมองต้นคอที่ขาวเนียนเหมือนหยก มีความรู้สึกอยากจะหักคอเสียเลยแบบนั้น
ทำให้ปีกทั้งหมดของเธอนั้นเจ็บปวด เธอถึงจะสามารถอยู่ในอ้อมกอดของเขาแบบตอนนี้ได้ ไม่ใช่คิดอยากจะไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น!
มือซ้ายอยู่บนเส้นผมนุ่มๆตรงท้ายทอยของเธอ ริมฝีปากบางที่ร้อนผ่าวของเขาแนบอยู่ตรงข้างๆหูที่ไว้ต่อความรู้สึกของเธอ : “ก่อนที่คุณจะแต่งงานกับเขา ผมจะทำให้คุณรักผมให้ได้ คุณเชื่อหรือเปล่า?”
ได้ยินแล้ว เชอร์รีนไม่ได้เอ่ยพูดออกมา แต่กลับส่งเสียงหัวเราะเบาๆออกมา
เขาทำแบบนี้คิดอยากที่จะพิสูจน์อะไรกัน? เพื่อจะพิสูจน์เสน่ห์ของผู้ชายอย่างเขา ก็เลยจะมาดึงดูดผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ? ไม่รู้สึกว่าน่าเยาะเย้ยเลยอย่างนั้นรึไง?
ได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาแล้ว ดวงตาเรียวยาวของออกัสก็หรี่มองด้านบน ฝ่ามือใหญ่ตีลงบนสะโพกของเธอ ได้ยินเพียงเสียงตีดังขึ้นมาอย่างชัดเจน
ปฏิกิริยาของเธอทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เสียงหัวเราะแบบนั้น ราวกับกำลังเยาะเย้ยกับคำพูดของเขาอยู่
“คุณบ้าไปแล้ว!” เธอทั้งโมโหทั้งหงุดหงิด จับเสื้อเชิ้ตของเขาเอาไว้แน่นขึ้นมาทันที มือที่วางอยู่ตรงหน้าอกนั้นบีบแรงๆ
วันนี้ถ้าเขาไม่ทำให้ซารางและองค์ชายตื่นขึ้นมา เขาจะไม่ยอมใช่ไหม?
ปลายนิ้วของเธอไม่ได้หยิกมากนัก ตั้งใจที่จะหยิกนิดเดียว เป็นเพราะแบบนี้ถึงทำให้ยิ่งรู้สึกเจ็บอีกเป็นเท่าตัว จึงอดที่จะส่งเสียงอู้อี้ออกมาไม่ได้ ฝ่ามือใหญ่ของเขาตีลงบนสะโพกเธอเบาๆ : “อดีตภรรยาที่รักของผม คำพูดนั้นทางที่ดีที่สุดคือคุณฟังเอาไว้แล้วกัน คำพูดนั้นผมไม่ได้ล้อเล่น……”
ถูกการกระทำของเขายั่วให้โมโหขึ้นมาอีกครั้ง มือของเชอร์รีนออกแรงขึ้นอีก แล้วเอ่ยพูดขึ้นทีละคำ : “ประโยคนั้นของฉันทางที่ดีคุณก็ควรฟังเอาไว้เหมือนกัน…….”
ทั้งสองคนสบตากัน เปลวไฟในดวงตาของเธอเผยออกมาให้เห็น ส่วนแสงในแววตาของเขานั้นก็ดิ่งลึกเหมือนกับทะเล
หลังจากนั้นอยู่นาน เขาถึงได้ปล่อยเธอในที่สุด ถลึงตาใส่เขา ลุกขึ้นแล้วเธอก็รีบกลับห้องไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาเรียวของออกัสหรี่ลง
นั่งลงแล้ว เชอร์รีนถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่ง จนกระทั่งตอนนี้ เธอสามารถรู้สึกได้ถึงแม้กระทั่งความร้อนที่ส่งออกมาไม่หยุดจากร่างกายของเขาผ่านทางเสื้อเชิ๊ต
เธอรู้สึกคันที่รากฟันเล็กน้อย แต่ก็เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น ก็กลับมาสู่ความสงบและเย็นชาเช่นเดิม
………..
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
ซารางรู้สึกปวดปัสสาวะ แต่กลับขี้เกียจไม่ยอมลุกขึ้นมา ถูไถอยู่บนร่างของเชอร์รีน ปากเล็กๆพึมพำออกมา : “หม่ามี๊ หนูปวดฉี่……”
เธอผลักร่างเล็กออก แล้วลืมตาขึ้น : “เด็กดี ไปห้องน้ำเองนะคะ ไม่อย่างนั้นเจ้าหัวล้านจะมาจับตัวเด็กไป”
เมื่อได้ยินแล้ว ซารางก็ลืมตาขึ้นมา แล้วพลิกตัวลุกขึ้นมา วิ่งตึงตึงตึงออกไปด้านนอก
เชอร์รีนหยิบเสื้อผ้ามา แล้วถึงได้สวมเสื้อผ้าให้ดี กลับเห็นใบหน้าเล็กๆของซารางที่รีบพุ่งเข้ามา : “หม่ามี๊ คุณอาหายไปแล้วค่ะ! เจ้าหัวล้านมาจับตัวไปหรือเปล่าคะ!”
ได้ยินแล้ว เธอก็อึ้งไปเล็กน้อย หลังจากที่ดึงสติกลับมาแล้ว จึงเอ่ยขึ้น : “เจ้าหัวล้านไม่จับตัวผู้ใหญ่ไปหรอกค่ะ จะจับไปแต่เด็กดื้อเท่านั้น คุณอามีธุระก็เลยกลับไปแล้วแน่ๆเลย”
“ทำไมเจ้าหัวล้านถึงไม่จับตัวผู้ใหญ่ไปล่ะคะ ทำไมถึงจับแต่เด็กที่ไม่เชื่อฟัง?” ซารางนอนคว่ำลงข้างๆ ขยี้ตา เห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้ไปห้องน้ำ สองขานั้นเกี่ยวกันเอาไว้ ถูเบาๆไม่หยุด
เชอร์รีนขมวดคิ้วขึ้น คิดอยู่พักหนึ่ง แล้วตอบอย่างขอไปที : “เพราะว่าเจ้าหัวล้านเอาชนะผู้ใหญ่ไม่ได้ไงคะ อย่าดื้อนะ รีบไปห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นจะฉี่รดกางเกงเอาได้นะลูก”
เด็กน้อยพยักหน้าลง มือเล็กๆหยิบเอาโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนตู้ขึ้นมา พลางกดเล่นเกมหั่นผลไม้ไปพลางแล้ววิ่งไปห้องน้ำ
เชอร์รีนลุกขึ้นแล้วกวาดตามองไปยังห้องรับแขกและในห้อง สายตามองไปตรงโซฟามีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย
ตอนทานอาหารเช้า เธอบอกกับองค์ชายเรื่องที่เมื่อคืนกนกอรโทรมาหาเธอ ไม่มีความเห็นที่แตกต่าง เขาพยักหน้าลงเห็นด้วย แล้วเสนอขึ้นมาว่าทานอาหารเช้าเสร็จแล้วก็ไปเลือกแหวนที่ศูนย์การค้า
เชอร์รีนรู้สึกว่าเร็วเกินไปอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างไรทางด้านอื่นๆก็ยังไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้ให้ดี
“แหวนหมั้นหนึ่งวง แหวนแต่งงานหนึ่งวง เป็นประเพณีทางเรา ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้หมั้นกัน แต่ก็จะทำลายประเพณีไม่ได้ แหวนวงนี้ก็นับว่าเป็นแหวนหมั้นแล้วกันครับ”
พูดกับองค์ชายอยู่นาน เธอก็ไม่สามารถพูดได้ เห็นสถานการณ์แล้ว เชอร์รีนจึงทำได้เพียงตอบตกลง
ซารางดื่มนมอึกใหญ่ ดวงตากลมๆยิ่งหมุนไปมา : “หม่ามี๊ แหวนก็คือที่คุณครูของพวกเราใส่อยู่ที่มือใช่ไหมคะ”
“ก็ชอบประสมโรงแบบนี้ รีบดื่มนมของลูกไปเลย แล้วเดี๋ยวหม่ามี๊จะไปส่งหนูที่โรงเรียน”