ความในใจของกู้เหยี่ยน

 

รุ่งขึ้น ซูจิ่วซือพาจื่อหลานกับจื่อซูนั่งรถม้าไปที่ภูเขาเทียนเหมินซาน นางรู้ตำแหน่งหลุมฝังศพของซูหลิ่วคร่าวๆ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนแน่ พอไปถึงภูเขาเทียนเหมินซาน จึงแยกย้ายกันไปหาป้ายหลุมฝังศพ

 

 

จื่อหลานไปกับซูจิ่วซือ จื่อซูกับคนขับรถไปอีกทางหนึ่ง

 

 

ซูจิ่วซือยังมีบาดแผลเหลือไม่มาก ยกเว้นที่นิ้วมือ จึงไม่เป็นอุปสรรค จื่อหลานหิ้วตะกร้าใบเล็ก ในนั้นมีกระดาษเงินกระดาษทอง นายกับบ่าวเดินตามกันไป

 

 

“คุณหนู เหนื่อยไหม”

 

 

เดินไปครู่หนึ่งก็ยังไม่เห็นป้ายหลุมศพ จื่อหลานเกรงว่าซูจิ่วซือจะเหนื่อย จึงถามอย่างห่วงใย

 

 

ซูจิ่วซือส่ายหน้า “ข้าไม่เหนื่อย เราเดินหาไปเรื่อยๆ เถอะ”

 

 

ทั้งสองไปต่ออีกครู่หนึ่ง จู่ๆ ซูจิ่วซือก็ได้ยินเสียงสนทนา นางหันไปมองจื่อหลาน ทำท่าจุ๊ปาก ไม่ให้ส่งเสียง

 

 

จื่อหลานพยักหน้า ทั้งสองย่องตามกันไปหลบที่หลังต้นไม้ใหญ่

 

 

ซูจิ่วซือมองไป เห็นป้ายหลุมศพแห่งหนึ่ง มีผู้ชายสวมเสื้อนวมสีเขียวคล้ำยืนอยู่หน้าป้าย แม้เขาไม่ได้หันมา แต่ซูจิ่วซือเห็นเงาด้านหลังของเขาก็จำได้ กู้เหยี่ยนนั่นเอง

 

 

พ่อบ้านจวนสกุลกู้หิ้วตะกร้าไม้ไผ่ ยืนข้างหลังกู้เหยี่ยนอย่างนอบน้อม

 

 

กู้เหยี่ยนรับตะกร้าไม้ไผ่ ทำท่าบอกพ่อบ้านให้ออกไป

 

 

พ่อบ้านรีบถอยออกไป เฝ้าดูอยู่ห่างๆ

 

 

กู้เหยี่ยนคุกเข่าลงกับพื้น หยิบเหล้ากาหนึ่งและขนมอีกหลายจานออกมาจากตะกร้า ซูจิ่วซืออยู่ไม่ห่างจากกู้เหยี่ยน มองเห็นอย่างชัดเจน ล้วนแต่เป็นขนมที่ซูหลิ่วชอบ

 

 

กู้เหยี่ยนยังจำเรื่องนี้ได้

 

 

กู้เหยี่ยนหยิบถ้วยเหล้าสองใบ ยกกาเหล้า รินใส่ถ้วย เอาไปวางหน้าป้ายหลุมถ้วยหนึ่งแล้วยกอีกถ้วยหนึ่งขึ้น

 

 

“ซูหลิ่ว ยี่สิบปีแล้ว เจ้ายังโทษข้าหรือไม่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรทำกับเจ้าอย่างนั้น ไม่ควรผลักเจ้า ไม่ควรยั่วให้เจ้าโกรธ หลายปีมานี้ ข้ามาหาเจ้าตลอด แต่ละปีข้าจะบอกขอโทษเจ้า เจ้าให้อภัยข้าหรือไม่”

 

 

ซูจิ่วซือซึ่งหลบหลังต้นไม้ใหญ่ยิ้มหยันในใจ ชาตินี้นางไม่ให้อภัยกู้เหยี่ยนเด็ดขาด แค่คำขอโทษเพียงคำเดียวก็จะเอามาแลกกับการให้อภัย กู้เหยี่ยนหนอหน้าไม่อายจริงๆ ตอนนั้นตัดรอนอย่างไร้เยื่อใย แต่ตอนนี้กลับมาทำท่าอาลัยอาวรณ์ซูหลิ่วที่ตายไปแล้ว ไม่รู้สึกขยะแขยงหรือ

 

 

กู้เหยี่ยนคุกเข่าลงกับพื้น แหงนหน้าดื่มเหล้ารวดเดียวหมด จากนั้นก็รินเหล้าอีกถ้วยหนึ่ง “ข้าตั้งแต่เล็กครอบครัวยากจน ถูกดูหมิ่นมาตลอด อยากยกฐานะให้สูงเหนือคนอื่น ไม่อยากอยู่ใต้ฝ่าเท้าใคร

 

 

ใช่ ตั้งแต่แรกข้าก็พยายามใกล้ชิดเจ้า หากได้แต่งงานกับเจ้า ข้าก็สามารถยกฐานะได้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดข้าก็สมหวัง ความพยายามที่ทุ่มเทลงไปไม่สูญเปล่า อาศัยฐานะของจวนอันผิงโหว ข้าจึงได้เข้ารับราชการ มีตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

 

สิ่งที่ข้าอยากได้ข้าก็มีหมดแล้ว เดิมทีข้าควรจะขอบใจเจ้า รักและดูแลเจ้าไปตลอดชีวิต แต่ข้าไม่ชอบความอวดเก่งในตัวเจ้า ยิ่งเจ้าโดดเด่นเหนือคนอื่น ยิ่งสะกิดข้าให้นึกถึงความต่ำต้อยในอดีต

 

 

เวลาที่ข้าอยู่กับเจ้า ใครๆ ก็หัวเราะเยาะข้า รู้สึกว่าข้าไม่คู่ควรกับเจ้า แม้ข้าจะมีตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีคนอีกมากที่ดูถูกข้า ยังคิดว่าข้าไม่คู่ควรกับเข้า”

 

 

พอพูดถึงตรงนี้ กู้เหยี่ยนก็ยิ้ม เป็นรอยยิ้มของการสำนึกผิด “ข้าอยากพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง แต่ตราบใดที่ยังมีเจ้าก็เหมือนเตือนให้ข้ารู้ว่า ข้าอาศัยเจ้าเป็นบันไดปีนขึ้นไป

 

 

เข้าไม่เคยพบผู้หญิงที่โดดเด่นอย่างเจ้ามาก่อน ข้าชื่นชมเจ้า แต่ก็ไม่ชอบความโดดเด่นของเจ้า

 

 

คำนี้แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยพูดกับเจ้ามาก่อน ข้าเก็บไว้ในใจมาตลอดยี่สิบกว่าปี เมื่อก่อนข้าไม่ยอมรับ คิดแต่ว่าเจ้าไม่ใช่ภรรยาที่ดี ไม่รู้จักใช้ชีวิตอย่างธรรมดาอยู่กับสามีอบรมลูก ต่อมาข้าจึงเข้าใจ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เจ้า แต่เป็นเพราะข้ารู้สึกต้อยต่ำเกินไป”