ตอนที่ 118 รักแท้

พ่ายรักวิวาห์ลวง

ฮั่วฉินเยี่ยนและเวินหลานฉีจับจูงมือกันเดินเข้าไปในโถงงานเลี้ยง ตลอดทางเดินเต็มไปด้วยสายตาอิจฉาของผู้คน บรรดาคุณหนูตระกูลดังต่างอิจฉาริษยาเวินหลานฉีแทบไม่ไหว พากันพูดจาเหน็บแนมกันเสียงขรม

 

 

“หน้าตาก็งั้นๆ แหละ! ฉันก็นึกว่าเป็นสาวสวยขนาดไหนกันเชียว!” คุณหนูสกุลหลี่พูด

 

 

“ที่แท้ก็คุณเวินนี่เอง ได้ยินมานะว่าความจริงคนที่ต้องแต่งงานด้วยตอนแรกคือพี่สาวคนโต ไม่รู้เป็นไงมาไงถึงแต่งกับลูกสาวคนรองได้ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์หลี่ตายแทนเถา [1] หรอกเหรอ!” ส่วนคำพูดนี้เป็นของคุณหญิงฉิน ไม่ว่าจะวงนินทาที่ไหนก็ขาดหล่อนไปไม่ได้

 

 

“ได้ยินมานะว่าคุณเวินคนนี้น่ะเป็นหญิงแกร่งเชียวนะ เธอว่าตอนนี้พวกเขาแค่แกล้งทำไปงั้นหรือเปล่าน่ะ ไม่แน่ความรู้สึกอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่แสดงออกมาก็ได้นะ!” น้ำเสียงจิกกัดอย่างเจ็บแสบ

 

 

“ไม่แน่ก็อาจจะจริง เพราะถ้าคุณฮั่วรักเธอจริง ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยพาเธอมาโชว์ตัวเลยล่ะ กลับกันยังมีข่าวลือกับคุณหนูสกุลหลินออกมาเสียด้วยซ้ำ” คุณหนูรองสกุลหลี่พูดอย่างเหยียดหยามไปพลาง น้ำเสียงก็พลอยเจือแววมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นไปด้วย

 

 

“ไม่แน่หรอกนะ คุณหนูหลินอาจจะเป็นตัวจริงก็ได้!”

 

 

คนกลุ่มหนึ่งจับกลุ่มซุบซิบนินทากันอย่างออกรส แต่ฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉีกลับไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่นโดยสิ้นเชิง พวกเขาต่างสบตากันอย่างไม่ยี่หระ และทุกครั้งที่สบตากันล้วนเต็มไปด้วยความหวานชื่นและความอาลัยอาวรณ์

 

 

ชุดราตรีบนร่างของเวินหลานฉีถูกออกแบบและสั่งตัดโดยดีไซเนอร์ชาวอิตาลีผู้โด่งดัง เกาะอกส่วนบนเข้าคู่กันกับสร้อยคอที่ฮั่วฉินเยี่ยนมอบให้อย่างพอดิบพอดี เรียกได้ว่าเข้ากันดีอย่างกับไข่มุกคู่หยกเลยทีเดียว ทั้งยังขับให้ผิวขาวดุจพระจันทร์เสี้ยวของเธอนั้นเกลี้ยงเกลาแวววาวดูโดดเด่นอีกด้วย

 

 

ชายกระโปรงยาวแผ่สยายประหนึ่งหางนกยูง ทั้งสวยหรูและงดงาม รูปร่างสูงเพรียว กอปรกับผมยาวสลวยสีดำขลับ ดัดลอนลวกๆ ปล่อยสยายกลางหลัง ราวกับพุ่มสาหร่ายทะเล

 

 

ตั้งแต่หัวจรดเท้าช่างเหมาะกับคำว่า ‘งามล่มเมือง’ เลยจริงๆ

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนกระซิบแผ่วเบาข้างหูเวินหลานฉีว่า “ที่รัก คุณสวยจริงๆ สวยจนผมอยากจะ…คุณที่นี่เลย”

 

 

ลมหายใจอุ่นร้อนของฮั่วฉินเยี่ยนเป่ารดใบหูของเวินหลานฉี จนหูของเธอขึ้นสีแดง น่ารักเสียจริง

 

 

“หยาบคาย!” เวินหลานฉีปรายตามองเขาอย่างขุ่นเคือง ฮั่วฉินเยี่ยนนี่นับวันยิ่งไม่มีสมบัติผู้ดีจริงๆ ! เขาพูดแบบนี้ออกมาท่ามกลางโอกาสสำคัญแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถ้าใครมาได้ยินเข้าจะทำอย่างไรล่ะ!

 

 

“ที่รัก เรามาหาที่ลับๆ กันเถอะ” ฮั่วฉินเยี่ยนจูงมือเวินหลานฉี ทำทีจะไปหาสถานที่เงียบๆ สักที่หนึ่ง แล้วใช้คำพูดนุ่มนวลปลอบโยนเธอสักหน่อย

 

 

ทว่าสถานะนายน้อยสกุลฮั่วอย่างเขานั้น ถูกลิขิตไว้แล้วว่าไม่สามารถอยู่อย่างสงบสุขได้ ยังไม่ทันเดินไปไหนไกล ก็มีคนเดินเข้ามาทักทายเขาเสียก่อน

 

 

“ประธานฮั่วนี่อายุน้อยแต่มากความสามารถจริงๆ นะ!” คนที่เดินเข้ามาคือรองประธานรื่อเย่ากรุ๊ป ดูๆ แล้วเขาคงอายุประมาณสี่สิบปีเห็นจะได้

 

 

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ!” ฮั่วฉินเยี่ยนยังต้องให้เกียรติรื่อเย่ากรุ๊ปอยู่หลายส่วน เพราะบริษัทของเขาและบริษัทของเวินหลานฉียังคงไปมาหาสู่กันด้านธุรกิจกับพวกเขาอยู่

 

 

“นึกไม่ถึงเลยนะ นึกไม่ถึงเลยว่าที่แท้คนคนนั้นของประธานฮั่วจะเป็นประธานเวินนี่เอง เหมาะสมกันจริงๆ เลยนะครับ ประธานเวินเองก็เป็นถึงยอดหญิง สตรีผู้ไม่ยอมเป็นรองบุรุษเลยนะเนี่ย” รองประธานท่านนี้พูดเยินยอเสียจนดึงดูดบรรดาประธาน และผู้จัดการของบริษัทอื่นๆ เข้ามารายล้อมเต็มไปหมด ฮั่วฉินเยี่ยนนั้นตั้งใจจะแนะนำเวินหลานฉีให้ผู้คนรู้จักอยู่แล้ว ดังนั้นจึงจำใจต้องทักทายปราศรัยกับคนกลุ่มนี้อย่างเสียไม่ได้ ส่วนเวินหลานฉีเองก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน เธอควบคุมตัวเองได้ดี และพูดคุยกับพวกเขาอย่างสุภาพเรียบร้อย จนได้รับคำชมเสียยกใหญ่

 

 

ทว่าสิ่งที่พวกเขานึกไม่ถึงคือ หลินฉิงก็มางานเลี้ยงนี้ด้วยเช่นกัน วันนี้เธอสืบข่าวมาโดยเฉพาะ ว่าฮั่วฉินเยี่ยนต้องมาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย ตนจึงตั้งใจแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยหรูเป็นพิเศษ ใบหน้าของเธอผ่านการแต่งแต้มมาอย่างสวยสดงดงาม ยิ่งเสริมให้สวยงามน่าหลงใหลมากกว่าเดิม

 

 

เธอตั้งใจสวมรองเท้าส้นแบนมาโดยเฉพาะ เพราะในท้องของเธอนั้นตั้งครรภ์หลานคนโตของสกุลฮั่วในอนาคตอยู่ไงล่ะ! ตัวเธอคิดว่าคงไม่มีใครรักฮั่วฉินเยี่ยนได้เท่าเธออีกแล้ว หนำซ้ำเธอยังเป็นบุคคลที่ได้รับเลือกที่ดีที่สุดจากสะใภ้สกุลฮั่วอีกต่างหาก เธอจะต้องเป็นคุณนายสกุลฮั่วให้ได้ และวันนี้เธอต้องทำให้ทุกคนได้รับรู้ ว่าผู้หญิงที่ฮั่วฉินเยี่ยนเก็บซ่อนเอาไว้คือเธอนั่นเอง เธอต้องทำให้ผู้หญิงทุกคนหันมาอิจฉาริษยาเธอให้ได้

 

 

ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้ดีแล้ว วันนี้เธอต้องสู้อย่างสง่างาม หลินฉิงมองตัวเองในกระจก สาวงามในกระจก ความงามนั้นแฝงไปด้วยความอ่อนแอ ที่แค่มองก็อยากจะปกป้องไว้ในอ้อมกอด หลินฉิงรู้สึกพอใจกับลุคตัวเองในวันนี้ยิ่งนัก เธอหันกลับไปมองแม่ของตัวเองอีกครั้ง “แม่คะ หนูสวยไหม”

 

 

“ลูกสาวของแม่จะไม่สวยได้ยังไงล่ะ ลูกรัก หนูสวยเหลือเกินลูก ฮั่วฉินเยี่ยนจะต้องหลงเสน่ห์ลูกแม่แน่นอน” คุณแม่หลินมองลูกสาวคนสวยของตัวเอง แล้วเอ่ยพูดอย่างภาคภูมิใจ

 

 

หลินฉิงเชิดคางขึ้นอย่างหยิ่งยโส เธอเป็นถึงคุณหญิงฮั่วในอนาคตเชียวนะ ท่าทีของเธอต้องดูสูงส่งเข้าไว้ จนคนอื่นไม่อาจแตะต้องได้

 

 

แต่ทันทีที่หลินฉิงปรากฏตัวในโถงงานเลี้ยง ทุกอย่างตรงหน้าก็ทำให้เธอโมโหด้วยความอิจฉาตาร้อน

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนที่ตนเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกค่ำเช้า ในตอนนี้กลับโอบหญิงสาวน่ารังเกียจคนนั้น หนำซ้ำยังยิ้มหน้าระรื่นอีกต่างหาก ส่วนหญิงสาวน่ารังเกียจคนนั้นก็คือเวินหลานฉีอีกแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะกล้ายึดครองผู้ชายของตนอยู่อีก

 

 

หากแต่หลินฉิงกลับยังมีสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง เธอรู้ว่าทุกวันนี้ฮั่วฉินเยี่ยนยังไม่ได้ยอมรับเธออย่างเปิดเผย เธอเป็นเพียงแค่หญิงสาวผู้เป็นที่รักและทะนุถนอม ซึ่งฮั่วฉินเยี่ยนเก็บซ่อนเอาไว้เบื้องหลังเท่านั้น และในวันนี้เธอมาเพื่อให้ฮั่วฉินเยี่ยนยอมรับการมีอยู่ของเธอ เธอจะต้องมีตัวตนอย่างสง่าผ่าเผย แต่ต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้เขายอมรับเธอได้ล่ะ

 

 

หลินฉิงลูบท้องของตัวเอง ก่อนจะคิดวิธีดีๆ วิธีหนึ่งออกจนได้

 

 

ความจริงเวินหลานฉีกับฮั่วฉินเยี่ยนไม่ได้สนใจงานเลี้ยงนี้มากนัก ทั้งตอนนี้ยังถูกคนเหล่านี้กวนใจอีก จนฮั่วฉินเยี่ยนเริ่มหงุดหงิดอยู่หน่อยๆ แล้ว เขาจึงเตรียมพาเวินหลานฉีออกไป แม้เขาค่อนข้างจะสนับสนุนธุรกิจของเวินหลานฉี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบท่าทางที่เธอพูดคุยกับผู้ชายคนอื่นอย่างถูกคอ เขามองเวินหลานฉียิ้มหวานกับผู้ชายคนอื่นแล้ว ในใจของเขารู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง นึกไม่ถึงเช่นกัน ว่าชายหนุ่มพวกนั้นจะกล้ามองภรรยาของเขาอย่างกะลิ้มกะเหลี่ยแบบนี้!

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนขยิบตาให้เวินหลานฉี และเวินหลานฉีเองก็เข้าใจได้ในทันที ว่าผู้ชายคนนี้หงุดหงิดเสียแล้ว เธอยกยิ้มส่งไปให้บรรดาคนทำงานตรงหน้าที่เข้ามาพูดคุยเพื่อจีบเธอ จากนั้นก็เตรียมจะออกจากงานเลี้ยงไปพร้อมกับฮั่วฉินเยี่ยน

 

 

ทันใดนั้นบนเวทีงานเลี้ยงกลับมีเงาหนึ่งอันคุ้นเคยปรากฏตัวขึ้น เวินหลานฉีมองแค่ปราดเดียวก็รู้ว่านั่นคือเงาของหลินฉิง เธอจึงไม่ค่อยสนใจมากนัก แต่ขณะที่กำลังจะเดินออกไปกับฮั่วฉินเยี่ยน กลับมีเสียงหนึ่งจากลำโพงทุกตัวในโถงงานเลี้ยงดังขึ้นมาพร้อมกัน

 

 

“ฮั่วฉินเยี่ยน คุณอย่าเพิ่งไป! ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะพูดกับคุณ!” หลินฉิงหันไปพูดกับฮั่วฉินเยี่ยน

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนไม่ได้อยากสนใจเธอเลยสักนิด จึงดึงเวินหลานฉีทำทีจะเดินจากไป หากแต่เวินหลานฉีกลับยื้อเขาไว้ “ดอกท้อนี้ของคุณยังไม่ทันบานเลยนะ!” เวินหลานฉีเอ่ยพูดอย่างหยอกล้อ

 

 

“หึ ผมบริสุทธิ์นะ!” ฮั่วฉินเยี่ยนรีบพูดรับประกันทันที

 

 

“ก็ไม่แน่หรอกนะ ไม่แน่หรอกน่า เธอเป็นถึงแม่ของลูกที่ยังไม่เกิดของคุณเลยนะ!” เวินหลานฉีเอ่ยอย่างหยอกล้อ เธอเชื่อใจความประพฤติของฮั่วฉินเยี่ยนมาก เธอรู้อยู่แล้วว่าฮั่วฉินเยี่ยนนั้นบริสุทธิ์ เวินหลานฉียังคงมั่นใจกับข้อนี้ยิ่งนัก

 

 

หลินฉิงผู้ยืนอยู่บนเวที จ้องมองฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉีผู้อยู่ด้านล่างเวทีที่ไม่สนใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับยังคงยืนจีบกันหน้าตาเฉยอีกต่างหาก เธอโมโหจนเกือบจะขาดสติเดี๋ยวนี้เลย

 

 

“ฉันคือหลินฉิง ลูกสาวของหลินเฉิงเยี่ยแห่งสกุลหลิน วันนี้ฉันได้รวบรวมความกล้าอย่างมหาศาล เพื่อมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ตรงนี้ ในใจของฉันเต็มไปด้วยความร้อนรน ฉันไม่รู้ว่าในอนาคตฉันต้องเจออะไรบ้าง และจะต้องพบเจอจุดจบแบบไหน แต่ฉันก็ยังคงอยากจะยืนอยู่ตรงนี้อย่างกล้าหาญ และพูดสิ่งที่อยู่ในใจของฉันออกมา!” แม้ภายนอกหลินฉิงจะดูอ่อนแอ แต่คำพูดที่พูดออกมา กลับทรงพลังอย่างกล้าหาญ ทำให้คนอยากยืนอยู่ฝั่งเธออย่างอดไม่ได้

 

 

“เรื่องที่ฉันอยากจะพูดในวันนี้คือ…” หลินฉิงจ้องฮั่วฉินเยี่ยนผู้ยืนอยู่กลางโถงงานเลี้ยง รูปร่างสูงใหญ่ของชายคนนั้นยืนหยัดอยู่ท่ามกลางฝูงชน แฝงด้วยบุคลิกอันโดดเดี่ยวเดียวดาย จนไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าใกล้เขาล้วนจืดจางไร้สีสันไปหมด ยิ่งไปกว่านั้นเขายังร่ำรวยมีทรัพย์สินเทียบเท่าระดับประเทศ ถ้าได้แต่งงานกับเขาละก็ คงจะมีเงินใช้ไม่มีวันหมดไปตลอดชีวิตนี้เลยล่ะ!

 

 

“ฮั่วฉินเยี่ยน…ฉันท้องลูกของเรา…” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ คำพูดต่อมาข้างหลังหลินฉิงก็สะอึกสะอื้นออกมาอย่างทนไม่ไหว เธอยืนอย่างอ่อนปวกเปียกอยู่บนเวที สายตาจับจ้องไปยังฮั่วฉินเยี่ยนอย่างอ่อนโยน ทว่าฮั่วฉินเยี่ยนกลับยังคงมองเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ดังเดิม จนเธอลนลานอยู่บ้างเล็กน้อย ทำไมเขาไม่ขึ้นมาปลอบโยนเธอสักหน่อยล่ะ ในท้องของเธอมีลูกของเขาอยู่นะ!

 

 

“ฮั่วฉินเยี่ยน ฉันจะพยายามคลอดลูกของเราออกมา!” หลินฉิงพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง จากนั้นก็หันกลับมามองเวินหลานฉีอีกครั้ง “คุณเวินคะ ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกคุณแล้ว ว่าฉันรักคุณฮั่วจริงๆ และความจริงคุณฮั่วเองก็รักฉันเหมือนกัน ไม่งั้นฉันจะตั้งท้องลูกของเขาได้ยังไงล่ะ!” เธอพูดไปพลาง ก็ยกมือขึ้นมากุมท้องน้อยอันแบนราบของเธอ ใบหน้าเจือแววความรักใคร่และเอ็นดูของคนเป็นแม่อย่างเหนือความคาดหมาย

 

 

เวินหลานฉีไม่ได้เชื่อคำพูดของหลินฉิง เธอยังคงเชื่อใจฮั่วฉินเยี่ยนดังเดิม เธอไว้วางใจเขาตั้งแต่ครั้งที่ฮั่วจวินลักพาตัวเธอไป เพื่อใช้อำนาจคุกคามฮั่วฉินเยี่ยน และเพื่อช่วยเธอครั้งนั้น ฮั่วฉินเยี่ยนถึงขั้นยอมทิ้งศักดิ์ศรีคุกเข่าลง เธอถึงได้เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้เห็นเธอสำคัญเท่าๆ เกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเอง แล้วเธอยังต้องสงสัยอะไรอีกล่ะ!

 

 

เธอรู้แจ้งแก่ใจดี ว่าฮั่วฉินเยี่ยนนั้นรักเธอ รักจนถึงขั้นยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองได้ แล้วคนแบบนี้เธอจะถือสิทธิ์อะไรไปสงสัยเขาอีกล่ะ! อีกอย่างไม่ง่ายเลยกว่าพวกเขาจะแก้ไขความเข้าใจผิดในอดีตได้อย่างในตอนนี้ หนำซ้ำนับวันความรู้สึกก็ยิ่งมั่นคงขึ้นทุกวัน เธอจึงไม่อยากให้เรื่องอะไรมารบกวนความรู้สึกของพวกเขาอีกแล้ว

 

 

“คุณหลินคะ ช่วยระวังคำพูดด้วยนะคะ ฉันคิดว่าผู้ชายของฉันไม่ได้เป็นคนแบบนี้…” ทางฝั่งเวินหลานฉียังไม่ทันพูดจบ หลินฉิงผู้อยู่บนเวทีก็กระวีกระวาดพูดขัดคำพูดของเธอขึ้นมา

 

 

“เวินหลานฉี จนถึงตอนนี้แล้วคุณยังมองไม่เห็นความจริงอีกเหรอ ความจริงคือฉันรักฮั่วฉินเยี่ยน และฮั่วฉินเยี่ยนเองก็รักฉันเหมือนกัน แถมลูกในท้องของฉันก็เป็นหลักฐานที่ดีที่สุด!”

 

 

“เด็กยังไม่คลอดเลย ยังพิสูจน์ไม่ได้หรอกว่าเด็กนั่นเป็นลูกของฮั่วฉินเยี่ยน!”

 

 

“จะไม่ใช่ได้ยังไง คุณเวินอย่าหลอกตัวเองและคนอื่นไปหน่อยเลย ฉันรู้ว่าคุณปวดใจ แต่คนที่รักฮั่วฉินเยี่ยนต่างก็เจ็บปวดกันทั้งนั้นแหละ เขาเปรียบดั่งดอกไม้บนยอดเขาสูง ที่ทำให้คนกล้าเชยชมอยู่เพียงไกลๆ แต่ไม่อาจเข้าใกล้ได้”

 

 

เวินหลานฉีหมดคำพูดจริงๆ ตกลงแล้วใครกันแน่ที่กำลังหลอกตัวเองอยู่น่ะ รู้สึกว่าคนบนเวทีคนนี้ไปแสดงละครของฉยงเหยา [2] ได้เลยนะเนี่ย ไหนจะดอกไม้บนยอดเขาสูงนั่นอีก ถือเป็นท่าทางทะเล้นเป็นกันเองของเธอที่พวกคุณไม่เคยเห็นมาก่อน

 

 

เมื่อหลินฉิงเห็นท่าทางไม่เชื่อของเวินหลานฉี จึงเดินลงมาจากเวทีโดยไม่สนฐานะของเธออีก โดยเอาแต่มุ่งตรงไปทางพวกเขา จากนั้นก็คุกเข่าลงตรงหน้าเวินหลานฉีดังตุบ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นประหนึ่งหยาดน้ำฝนบนดอกหลี [3] “พี่สาว ฉันรับรู้ความเจ็บปวดของพี่ แต่ฉันก็ยังหวัง หวังว่าพี่จะช่วยสนับสนุนความรักของฉันกับฮั่วฉินเยี่ยนให้สมหวัง ให้ลูกของฉันมีครอบครัวที่สมบูรณ์! ฉันขอร้องพี่ล่ะ!”

 

 

ผู้คนรอบตัวต่างเริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา

 

 

“ค่ำคืนนี้ไม่ได้มาเสียเที่ยวจริงๆ นะ มีละครน้ำเน่าน่าดูให้เสพขนาดนี้!”

 

 

“เธอว่าพวกเธอสองคนนั้น ใครจะชนะเหรอ”

 

 

“ฉันว่านะ คุณหนูหลินน่าจะเป็นฝ่ายชนะแหละ ถึงยังไงเธอก็ตั้งท้องเด็กคนหนึ่งเลยนะ!”

 

 

“ฉันกลับคิดว่าเวินหลานฉีคนนั้นน่าจะชนะนะ”

 

 

“ฉันยังคิดว่าคุณหนูหลินน่าจะชนะ ฉันว่านะ ผู้ชายคนนี้น่ะ สุดท้ายแล้วคงเข้าข้างสายเลือดของตัวเองมากกว่าละนะ!”

 

 

“นั่นก็ไม่แน่นะ เธอดูสิ คุณเวินเองก็หน้าตาสะสวยขนาดนี้ ดูไปดูมาคืนนี้ประธานฮั่วเองก็ดูจะหลงเธออยู่เหมือนกัน ไม่แน่หรอก ในท้องของเธออาจจะมีเด็กเหมือนกันก็ได้ เพียงแค่เธอไม่ได้ไร้ยางอายเหมือนคุณหนูหลินคนนี้เท่านั้นเอง!”

 

 

“นี่ พวกเธอว่าระหว่างสองคนนี้ใครเป็นภรรยาคนแรกเหรอ”

 

 

“ฉันว่าคุณเวิน เธอดูท่าทีนิ่งเฉยนั้นของคุณเวินสิ โคตรมีมาดของภรรยาท่านประธานเลย”

 

 

“ฉันว่านะ ความเป็นไปได้ของคุณหนูหลินมีมากกว่าหน่อย ตรงที่ตระกูลสูงศักดิ์อย่างตระกูลฮั่วน่ะ น่าจะให้ความสำคัญกับลูกคนแรกของตัวเองมากกว่า คงไม่ยอมให้ลูกคนแรกเป็นลูกเมียน้อยหรอก!”

 

 

“จะว่าไปก็จริงนะ”

 

 

 

 

——

 

 

[1] กลยุทธ์หลี่ตายแทนเถา หรือต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ (李代桃僵) เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก หมายถึง การใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เสียเปรียบ เพื่อพลิกตนให้เป็นฝ่ายได้เปรียบแทน หรือก็คือเสียสละส่วนน้อยเพื่อส่วนมาก

 

 

[2] ฉยงเหยา (琼瑶) เป็นนักแต่งนวนิยายหญิงชาวไต้หวัน ซึ่งผลงานส่วนใหญ่จะเป็นแนวรันทดชีวิต โดยหนึ่งในผลงานอันโด่งดังของฉยงเหยาก็คือ องค์หญิงกำมะลอ

 

 

[3] หยาดน้ำฝนบนดอกหลี (梨花带雨) หรือหยาดน้ำฝนบนดอกแพร์ เป็นการเปรียบเปรยถึง ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของหญิงงาม