ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเซ็งแซ่ แต่เวินหลานฉีในฐานะผู้อยู่ในเหตุการณ์กลับไม่ได้เอาเรื่องนี้มาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำเธอยังมองหลินฉิงคุกเข่าต่อหน้าตนเองอย่างขบขันเสียด้วยซ้ำ เธอหมดคำพูดจริงๆ
เธอคร้านจะสวมหน้ากากเสียจริง สีหน้าของเธอฉายแววเยาะเย้ยถากถาง คิดจริงเหรอว่าเธอไม่สนใจหลินฉิงน่ะ คิดว่าเธอจะยอมโดนรังแกง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ
มือที่สามสมัยนี้ไร้ยางอายขนาดนี้แล้วหรือไง เพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นคนเสียบเท้าเข้ามาจนอับอายขายขี้หน้าสำหรับคนอื่น กลับถือครั้งนี้เป็นเกียรติ แล้วร่ำร้องตะโกนถึงรักแท้ยืนยง ช่างน่าขันเสียจริง
ถ้าฮั่วฉินเยี่ยนรักหลินฉิงจริง เธอก็ไม่มีอะไรจะพูด และเธอคงได้แต่เหยียดหยามสายตาตัวเองที่แย่ได้ขนาดนี้เงียบๆ เท่านั้นเอง
แต่ยังดีที่สายตาตัวเองไม่ได้แย่ขนาดนั้น!
และในเวลานี้เองในที่สุดฮั่วฉินเยี่ยนก็เอ่ยพูดขึ้น ฮั่วฉินเยี่ยนหันมองทุกคนในที่นี้ไปรอบๆ อย่างช้าๆ สุดท้ายก็เบนสายตามองไปยังหลินฉิงซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
“หลินฉิง ลุกขึ้นเถอะ ถ้าคุณคุกเข่าแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมา คงไม่คุ้มเท่าไรหรอกนะ!” เสียงของเขาทุ้มต่ำรื่นหู จนยากจะคัดค้าน
“ไม่ ถ้าคุณเวินไม่ช่วยให้พวกเราสมหวัง ฉันก็จะคุกเข่าอย่างนี้ไปเรื่อยๆ และจะรอจนกว่าเธอจะเห็นด้วย!”
ฮั่วฉินเยี่ยนคงกำลังเป็นห่วงฉันแน่ ไม่อย่างนั้นเขาจะให้ฉันลุกขึ้นทำไมล่ะ เขากลัวว่าการคุกเข่าจะส่งผลกระทบไม่ดีต่อท้องของเธอใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นฉันยอมคุกเข่าอย่างนี้ต่อไปดีกว่า เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ถึงจะทำให้ทุกคนเชื่อฉันได้ยังไงล่ะ!
เพราะคิดเช่นนี้ หลินฉิงถึงยังไม่ลุกขึ้นมา กลับกันยิ่งร้องห่มร้องไห้ต่อไปทั้งที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้น จนทุกคนที่เห็นต่างเห็นอกเห็นใจอย่างเสียไม่ได้
“คุณหลิน โปรดรักนวลสงวนตัวด้วย” ฮั่วฉินเยี่ยนเอ่ยพูดอย่างเกรงใจ จากนั้นเขาก็หันไปพูดอย่างจริงใจต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง “ทุกท่านโปรดอย่าเชื่อคำพูดเหล่านั้นของคุณหลินเลยครับ ผมฮั่วฉินเยี่ยนขอพูดด้วยสัตย์จริงอย่างไม่ละอาย ว่าชีวิตนี้เวินหลานฉีคือผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ผมรัก และภรรยาของผมก็คือคุณเวินหลานฉีข้างกายผมคนนี้” หลังจากหยุดพักไปครู่หนึ่ง ฮั่วฉินเยี่ยนก็พูดต่อ “ส่วนเรื่องที่หลินฉิงบอกว่าท้องลูกของผมนั้น ยิ่งปั้นน้ำเป็นตัวเข้าไปใหญ่ ผมไม่เคยสนิทสนมกับหลินฉิงเป็นการส่วนตัวมาก่อน และยิ่งไม่สามารถ…ยอมให้เธอตั้งท้องลูกของผมได้”
คำพูดเหล่านั้นของฮั่วฉินเยี่ยนเด็ดขาด และไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อย จนผู้คนในงานต่างส่งเสียงฮือฮากันทันที!
“เหอะๆๆ นึกไม่ถึงเลยนะ ที่แท้ลูกสาวตระกูลหลินก็เป็นคนแบบนี้นี่เอง!”
“นั่นสินะ ดูท่าทางอ่อนแอๆ แบบนั้น ที่แท้จิตใจกลับชั่วร้ายขนาดนี้เลยนะ!”
“เธออยากเป็นคุณนายตระกูลฮั่วจนบ้าไปแล้วจริงๆ สินะ แม้แต่ศักดิ์ศรีขั้นพื้นฐานก็ไม่เอาแล้วสิ!”
“เธอขโมยสามีของคนอื่นไม่พอ ยังจะอ้างเหตุผลให้คนอื่นเขายกสามีให้แบบนี้อีก!”
“เฮ้อ พวกเธอว่าเด็กคนนั้นของเธอ สุดท้ายแล้วจะเป็นลูกใครกันเหรอ”
“ใครจะไปรู้ว่าเป็นลูกใคร ต่อไปนี้เราอยู่ห่างๆ จากเธอหน่อยดีกว่า ถ้าเธอติดโรคสกปรกๆ มาด้วย จะทำยังไง!”
“จะว่าไปก็ถูก ต่อไปนี้เราอย่าสนใจเธออีกเลยดีกว่า”
คำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนเซ็งแซ่ จนหลินฉิงผู้คุกเข่าอยู่บนพื้นขายหน้า เธอคาดไม่ถึงเลยว่าฮั่วฉินเยี่ยนจะพูดแบบนี้ออกมา ทั้งๆ ที่ในป่าข้างสระน้ำคืนนั้นเขาไม่ใช่แบบนี้นี่ ทำไมฮั่วฉินเยี่ยนถึงเป็นคนพลิกหน้าแบบนี้ล่ะ ทั้งๆ ที่คืนนั้นก็คือเขานี่นา ถ้าไม่ใช่เขา แล้วเธอจะมอบครั้งแรกอันเลอค่าให้ได้อย่างไรกันล่ะ!
“ฮั่วฉินเยี่ยนทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ล่ะ ทั้งๆ ที่ในป่าคืนนั้นก็คือคุณนะ คุณยังปิดตาฉันไว้อีกด้วย และเพราะนั่นคือคุณ ฉันถึงยอมมอบครั้งแรกให้!” หลินฉิงยืนขึ้น เธอร้อนอกร้อนใจ ทั้งตกใจทั้งโมโหจนหน้าซีดเผือด อยู่ๆ ในใจเธอก็รู้สึกกระสับกระส่าย เรื่องไม่ได้เป็นไปอย่างที่เธอจินตนาการเอาไว้เลย กลับกันยังทำให้เธอรับมือไม่ไหวอยู่บ้าง เธอได้แต่แก้ต่างอย่างอ่อนแรง
“งั้นขอถามคุณหลินหน่อย ว่าคืนนั้นที่คุณพูดน่ะ ตกลงหมายถึงคืนไหน” ฮั่วฉินเยี่ยนถามด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“ก็หมายถึงวันนี้ของหนึ่งเดือนก่อนไง!” หลินฉิงจดจำคืนนั้นได้อย่างแม่นมั่น หลายวันมานี้เธอก็อาศัยความลุ่มหลงแทบขาดใจในคืนนั้น มาสานฝันว่าเธอได้กลายเป็นคุณนายฮั่วแล้ว แต่ในตอนนี้ฝันนั้นกลับต้องแตกสลายลง เธอรับไม่ได้จริงๆ!
“วันนี้ของเดือนก่อนเหรอ…ขอผมคิดแป๊บนะ อืม…ผมกำลังทำอะไรอยู่นะ…” ฮั่วฉินเยี่ยนแสร้งทำทีกำลังตั้งใจคิด “อ้อ ผมนึกออกละ คืนนั้นผมเหมือนจะทำโอทีอยู่ที่บริษัท แล้วผมก็ตรงกลับบ้านเลย ภรรยาผมเป็นพยานได้นะ คืนนั้นทั้งคืนผมไม่ได้ผละจากเธอไปไหนเลย”
“เป็นไปไม่ได้ ทั้งๆ ที่คุณเป็นคนนัดฉันเองแท้ๆ ในมือถือฉันยังมีข้อความของคุณอยู่เลย!”
พูดไปเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดฟอร์เวิร์ดข้อความหนึ่งให้ ในข้อความนั้นนัดหมายให้หลินฉิงออกมาเจอกันจริง หากแต่ฮั่วฉินเยี่ยนกลับพูดว่า “นี่ไม่ใช่เบอร์ของผม นอกจากคนในครอบครัวแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เบอร์ส่วนตัวของผมเลย”
หลินฉิงแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เธอไม่นึกเลยว่าจู่ๆ เรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ถ้าผู้ชายในคืนนั้นไม่ใช่ฮั่วฉินเยี่ยน แล้วจะเป็นใครล่ะ! ใครกันที่น่าเกลียดได้ขนาดนี้!
ฮั่วฉินเยี่ยนมองหลินฉิง ด้วยนัยน์ตาที่มีเพียงแววเย็นชา ใครใช้ให้เธอมาหาเรื่องให้เวินหลานฉีไม่มีความสุขล่ะ เรื่องทุกอย่างนี้หลินฉิงหาเรื่องใส่ตัวเธอเองทั้งนั้น ส่วนเขาก็แค่ใช้กลอุบายเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง
“แต่ถ้าคุณหลินฉิงยังไม่เชื่อผมอีก ผู้ช่วยของผมเพิ่งส่งคลิปจากกล้องวงจรปิดในสถานที่เกิดเหตุคืนนั้นที่คุณหลินพูดมาให้เหมือนกัน ผมอยากจะลองดูอันนี้หน่อย คงจะช่วยคืนความบริสุทธิ์ให้ผมได้บ้าง”
ผู้ช่วยของฮั่วฉินเยี่ยนเอาคอมพิวเตอร์มาเสียบ USB กดเปิดไฟล์หนึ่งใน USB ขึ้น แล้วคลิปนั้นก็เริ่มเล่นทันที
เริ่มแรกมีเพียงหลินฉิงยืนรออยู่ที่นั่นเพียงคนเดียว และเหมือนจะรออยู่นานมากแล้ว แม้ภาพจะไม่ค่อยชัดมากนัก แต่ก็ดูออกว่านั่นคือหลินฉิง!
จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาทางหลินฉิง เขาไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าหลินฉิง กลับโอบกอดเธอจากด้านหลัง ซึ่งไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้าง แต่เห็นเพียงแค่หลินฉิงถูกปิดตาเอาไว้ หนำซ้ำยังกอดจูบกับผู้ชายคนนั้นอีกต่างหาก ดูๆ ไปแล้วเหมือนว่าจะเป็นฝ่ายรุกเองเสียด้วยซ้ำ แม้จะเห็นหน้าค่าตาผู้ชายคนนั้นไม่ชัด และแม้รูปร่างจะคล้ายฮั่วฉินเยี่ยนมากเพียงใด แต่คนที่คุ้นเคยกับฮั่วฉินเยี่ยนต่างดูออกทั้งนั้น ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ฮั่วฉินเยี่ยน คลิปวิดีโอยังคงเล่นต่อไป จนกระทั่งชายหญิงในวิดีโอนัวเนียกัน
หลินฉิงตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว เธอไม่นึกเลยว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ตลอดหนึ่งเดือนนี้เธอยอมรับไปแล้ว ว่าตัวเองคือคุณนายสกุลฮั่ว ทว่าราวกับโดนความจริงตบหน้าเธอมาฉาดหนึ่งก็มิปาน
แล้วเธอต้องทำอย่างไรล่ะ! ความหวาดกลัวในใจเธอเพิ่มมากขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด
“ปิดวิดีโอนั่นเดี๋ยวนี้ รีบปิดเดี๋ยวนี้!” เธอกรีดร้องเสียงแหลมราวกับเสียสติไปแล้ว จนเวินหลานฉีไม่อาจฝืนทนได้อีก เธอจึงสาวเท้าไปกดปิดวิดีโอนั้น แล้วเดินกลับมาหาหลินฉิง หลินฉิงในตอนนี้ล้มพับกองอยู่บนพื้น ผู้คนในโถงงานเลี้ยงทุกคนได้เห็นคลิปช่วงนั้นที่ถูกเปิดฉายกันหมดแล้ว เธอขายหน้าสุดๆ จากนี้ไปเธอจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน!
“ลุกขึ้นเถอะ อย่านั่งอยู่ที่พื้นเลย” สุดท้ายแล้วเวินหลานฉีก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป แม้ผู้หญิงคนนี้จะรักฮั่วฉินเยี่ยนเหมือนกัน แต่ไม่นึกเลยว่าจะถูกใครก็ไม่รู้ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ หลอกเอาความบริสุทธิ์ของเธอไป นับว่าน่าสงสารนัก เวินหลานฉียื่นมือไปหมายจะพยุงหลินฉิงขึ้นมา ทว่ากลับไม่นึกว่าหลินฉิงจะปัดมือเธอออก พร้อมทั้งโวยวาย “ทั้งหมดนี้เป็นแผนของแก นังผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้เป็นคนวางแผนทุกอย่าง แก…” ด้วยเพราะร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำให้เมคอัพสวยๆ บนใบหน้าของหลินฉิงหลุดออกไปแทบหมด สภาพดูจนตรอกยิ่งนัก เธอพุ่งเข้าไปหาฮั่วฉินเยี่ยน และคว้ามือของฮั่วฉินเยี่ยนมาวางทาบลงบนท้องของเธอ หากแต่ฮั่วฉินเยี่ยนกลับสะบัดมือเธอทิ้ง และเพราะแรงสะบัดกะทันหันนั่นเอง ทำให้หลินฉิงลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นอีกครั้ง
“คุณหลินฉิง คุณเอาแต่พูดว่าเด็กในท้องคนนั้นเป็นลูกของผม แต่มันก็เป็นเพียงคำพูดลอยๆ เชื่อถืออะไรไม่ได้ งั้นเรามาตรวจกันหน่อยไหมล่ะ จะได้รู้กันไปเลย”
“ตรวจยังไง”
“เราไปโรงพยาบาลกัน แม้เด็กคนนั้นยังไม่คลอดออกมา แต่สามารถตรวจ DNA ผ่านวิธีการเก็บตัวอย่างจากน้ำคร่ำได้”
ฮั่วฉินเยี่ยนเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว นับแต่หลินฉิงเริ่มเข้าใกล้เขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งวางแผนจะเข้ามาแทนที่เวินหลานฉี ฮั่วฉินเยี่ยนก็ได้วางแผนไว้อย่างดีหมดทุกอย่างแล้ว เขาแสร้งมีข่าวลือด้านความรักกับหลินฉิง จากนั้นเขาก็ใช้เบอร์แปลกหน้าเบอร์หนึ่งส่งข้อความไปหาหลินฉิงเพื่อนัดเธอออกมาพบ และแน่นอนว่าคนคนนั้นที่ไปตามนัดไม่ใช่เขาหรอก แต่คนที่เขาหามาแทนที่ตัวเองนั้น เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งผู้ต้องการเงิน และขณะเดียวกันก็มีหนี้แค้นกับหลินฉิงด้วยเช่นกัน เดิมทีเพื่อจะทำให้เธอขายหน้าเป็นอย่างมาก จึงเลือกสถานที่เป็นทุ่งกว้าง ทว่ากลับนึกไม่ถึงว่านอกจากผู้หญิงคนนี้จะไม่ดิ้นรนปฏิเสธแล้ว ยังเห็นด้วยอีกต่างหาก
จากเรื่องนี้ถึงได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้อยากแต่งเข้าตระกูลฮั่วของพวกเขาเพื่อจะเป็นคุณนายสกุลฮั่วมากแค่ไหน หากแต่เธอก็ต้องพิจารณาด้วย ว่าตัวเองมีความสามารถมากพอจะเป็นคุณนายสกุลฮั่วหรือไม่!