“เฮ้อ ดูไม่ออกเลยนะ ว่าคุณหนูคนโตผู้สง่างามของสกุลหลินจะทำเรื่องไม่ดีไม่งามมีลับลมคมในพรรค์นี้ได้ แถมยังโกหกต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้หน้าตาเฉยอีก”
“นั่นสิ ตอนแรกฉันยังคิดว่าเธอน่าสงสารจับใจ แต่ตอนนี้คิดๆ ดูแล้วขยะแขยงเสียจริง”
“มีลูกสาวแบบนี้ ทำสกุลหลินขายหน้าไม่มีชิ้นดีจริงๆ เลย!”
…..
ตอนแรกเป็นเพียงแค่การแอบกระซิบกระซาบเท่านั้น แต่ภายหลังถ้อยคำเหน็บแนมและเสียงหัวเราะเยาะกลับยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายหลินฉิงก็ปิดหน้าวิ่งหนีออกไปอย่างรับไม่ได้ทันที
เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว เวินหลานฉีถึงกับถอนหายใจออกมา และพูดกับฮั่วฉินเยี่ยนว่า “ฉันเหนื่อยแล้ว เรากลับกันเถอะ”
“ได้” ฮั่วฉินเยี่ยนถอดเสื้อคลุมตัวนอกมาคลุมไหล่เวินหลานฉี จากนั้นก็โอบเธอเดินจากไป
ในวันนี้ฮั่วฉินเยี่ยนได้รับรายงานผลตรวจการเก็บตัวอย่างน้ำคร่ำเมื่อวานจากลูกน้อง ผลตรวจพิสูจน์ได้ว่าเด็กในท้องของหลินฉิงไม่ใช่ลูกของตนจริงๆ พอคุณพ่อหลินรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถึงขั้นเร่งให้หลินฉิงไปโรงพยาบาลเพื่อเอาเด็กออกในเดี๋ยวนั้น แต่หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรหลินฉิงก็ไม่เห็นด้วยเด็ดขาด คุณแม่หลินฉิงเองก็อ้อนวอนอย่างน่าเวทนา แต่คุณพ่อหลินยังคงยื่นคำขาดว่าจะให้หลินฉิงเอาเด็กออกให้ได้ จนกระทั่งเมื่อคืนทะเลาะกันจนหัวชนฝาว่าจะพาหลินฉิงไปโรงพยาบาล และบังคับให้ขับเด็กออก ทว่าหลังจากหลินฉิงที่ถูกยวยุรู้ว่าลูกของตัวเองถูกขับออกไปแล้ว เธอถึงกับเสียสติไปเลย หลังจากสิ้นฤทธิ์ยาชา เธอก็กลับมาคลุ้มคลั่งอีกครั้ง เอาแต่ร้องตะโกนเอะอะโวยวายว่าจะแต่งหน้า พูดทำนองว่าตัวเองจะเป็นคุณนายสกุลฮั่วบ้าง ต้องแต่งหน้าแต่งตัวไปพบคู่หมั้นบ้าง จนคุณแม่หลินต้องพยายามรั้งอย่างสุดชีวิต และตอนนี้ก็ยังก่อความวุ่นวายอยู่ที่โรงพยาบาลนั่นแหละ
ขณะที่ลูกน้องรายงาน เวินหลานฉีเองก็อยู่ข้างกายฮั่วฉินเยี่ยนเช่นกัน เมื่อได้ยินเรื่องนี้เธอถึงกับเงียบไปพักหนึ่ง
ฮั่วฉินเยี่ยนกอดเธอพร้อมพูดว่า “คุณคิดว่าผมทำลงไปอย่างเลือดเย็นเกินไปหรือเปล่า”
“ไม่นี่” เวินหลานฉีเลิกคิ้วมองเขา “คุณก็เลือดเย็นแบบนี้มาตลอดไม่ใช่หรือไง”
“ผมเลือดเย็นแค่กับคนที่ผมไม่รักเท่านั้นแหละ” ฮั่วฉินเยี่ยนเขยิบเข้าไปใกล้ เพื่อจะจูบปากเธอ แต่เธอกลับหลบไปอีกทางเสียก่อน
“อย่างฉันเมื่อก่อนน่ะเหรอ” เวินหลานฉีเลิกคิ้วมองฮั่วฉินเยี่ยน
ฮั่วฉินเยี่ยนถึงกับหน้าถอดสี รีบกระชับแขนของเขาให้แน่นขึ้นกว่าเดิม “ผมก็ขอโทษไปแล้วไง คุณอย่าแค้นผมอีกเลยนะ!”
ความจริงเวินหลานฉีไม่ได้แค้นใจฮั่วฉินเยี่ยนนานแล้ว เธอพูดแบบนี้แค่อยากล้อฮั่วฉินเยี่ยนเล่นเท่านั้นเอง ในใจเธอเข้าใจความรู้สึกของฮั่วฉินเยี่ยนดี เพียงแค่เรื่องเมื่อก่อนนั้นยังคงฝังใจเธออยู่บ้าง ถึงอย่างไรเมื่อก่อนเธอก็รักเขาเสียขนาดนั้น แต่เขากลับทำร้ายจิตใจของเธอ ถึงแม้ทุกวันนี้พวกเขาจะเคลียร์เรื่องราวทุกอย่างชัดเจนแล้ว และพวกเขาก็รักกันอย่างดูดดื่ม ทว่าความเจ็บปวดเหล่านั้นก็เกิดขึ้นแล้ว ไม่มีทางจะเอากลับคืนได้อีก
“เราไปพักผ่อนกันเถอะ” อยู่ๆ ฮั่วฉินเยี่ยนก็โพล่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ทำไมอยู่ๆ ถึงมีความคิดแบบนี้ขึ้นมาล่ะ” เวินหลานฉีเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าช่วงนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นตั้งเยอะ จนไม่มีเวลาอยู่กับคุณอย่างเต็มที่เลย” ฮั่วฉินเยี่ยนเอ่ยพูด พลางมองตาเวินหลานฉีอย่างจริงจัง ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายจริงๆ นั่นแหละ มิหนำซ้ำเขายังติดค้างเธออยู่อีกด้วย ฮั่วฉินเยี่ยนอยากจะอาศัยการพักผ่อนครั้งนี้ชดเชยให้กับเธอ และถือโอกาสเติมเต็มความรู้สึกกับเวินหลานฉีให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
“ได้ งั้นเราไปพักผ่อนกัน แค่เราสองคนนะ” เวินหลานฉีรับปาก
“แล้วหลังกลับจากพักผ่อน เรามาจัดงานแต่งงานกันใหม่นะ ครั้งนี้คุณไม่ต้องเป็นตัวแทนพี่สาวของคุณอีกแล้ว คุณก็คือเวินหลานฉี เป็นคนที่ผมฮั่วฉินเยี่ยนจะรักเพียงคนเดียวชั่วชีวิต!” ฮั่วฉินเยี่ยนเอ่ยพูด
ครั้งนี้เวินหลานฉีไม่ได้พูดอะไรอีก เธอรู้ว่าฮั่วฉินเยี่ยนอยากจะชดเชยให้เธอ และเธอก็จะให้โอกาสครั้งนี้กับเขา ไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นเสี้ยนหนามไปตลอดชีวิตพวกเขาเลยก็ว่าได้
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ว่าความสามารถในการกระทำของฮั่วฉินเยี่ยนนั้นดูถูกไม่ได้ง่ายๆ ขณะที่เวินหลานฉีถูกลากขึ้นเครื่องบิน เธอยังคงเมาขี้ตาอยู่เลย เมื่อเห็นท่าทางอ่อนเพลียของเธอ ฮั่วฉินเยี่ยนก็รีบเอนหัวเธอมาซบไหล่ของเขาแทน พร้อมทั้งพูดว่า “ถ้าง่วงก็นอนต่ออีกสักหน่อยเถอะ”
เวินหลานฉีเองก็ไม่คัดค้าน เธอหรี่ตาบ่นงึมงำใส่ประโยคหนึ่ง “ฉันยังไม่ทันจัดการงานในบริษัทให้เรียบร้อยเลยนะ…” เธอบ่นพึมพำยังไม่ทันจบดี และไม่รอให้ฮั่วฉินเยี่ยนได้ตอบกลับมา ก็ชิงเข้าสู่ภวังค์ไปอีกรอบเสียแล้ว
“วางใจเถอะ ผมจัดการให้คุณเรียบร้อยแล้ว” ฮั่วฉินเยี่ยนจุมพิตหน้าผากเกลี้ยงเกลาเบาๆ
เครื่องบินบินผ่านท้องฟ้าสีคราม
ก่อนเครื่องบินจะลงจอดเวินหลานฉีก็ตื่นขึ้น ชีวิตที่ยุ่งอยู่แต่กับงานมาเป็นเวลานาน ทำให้เธอหลับลึกในตอนกลางวันอย่างยากจะเลี่ยงได้ ทันทีที่เห็นเธอลืมตาพลางขมวดคิ้วแน่น ฮั่วฉินเยี่ยนก็ยิ่งตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ว่าจะพาเธอไปผ่อนคลายอย่างเต็มที่สักหน่อย ฉายาหญิงแกร่งนั้นฟังดูดีอยู่หรอก แต่การทุ่มเทความพยายามของเธอในเวลาส่วนตัว กลับทำให้เขาเห็นกับตาแล้วเจ็บปวดไปถึงขั้วหัวใจ
พอลงจากเครื่องบิน บุคคลที่เขาเตรียมไว้ก็มารออยู่ที่นั่นนานแล้ว ฮั่วฉินเยี่ยนรับกุญแจรถจากลูกน้อง แล้วโบกมือให้เขากลับไปได้ ส่วนตนก็เข้านั่งประจำที่คนขับ และขับรถพาเวินหลานฉีไปยังที่หมาย
จุดหมายปลายทาง คือบ้านพักตากอากาศท่ามกลางขุนเขาในนามของสกุลฮั่ว ที่นี่เพิ่งสร้างเสร็จพอดี ยังไม่มีใครเข้าใช้อย่างเป็นทางการเลยด้วยซ้ำ จึงค่อนข้างเงียบสงบ หนำซ้ำยังไม่ได้ใช้ในเชิงพาณิชย์มากนัก
ทางฝั่งผู้ดูแล เมื่อได้ยินว่าท่านประธานจะพาภรรยาในอนาคตของท่านประธานมาสำรวจ ก็รีบเก๊กหน้าขรึมในทันที
เดิมทีหลังจากเขตบ้านพักตากอากาศสร้างเสร็จสมบูรณ์ในทุกๆ ด้านแล้ว ทางเบื้องบนจะให้วันหยุดหลายวันกับบรรดาพนักงาน ซ้ำยังจ่ายเงินเดือนให้เหมือนเดิมอีกต่างหาก แต่ใครจะไปคิดว่าบอสใหญ่จะพาภรรยามาอย่างฉุกละหุกแบบนี้ หนำซ้ำตอนนี้ทั้งเขตบ้านพักตากอากาศ ก็เหลือคนอยู่เพียงไม่ถึงสิบคนเท่านั้น จะให้ต้อนรับท่านประธานกับภรรยาในสภาพเช่นนี้น่ะเหรอ คาดว่าคนดูแลอย่างเขาคงต้องได้ลาพักงานเสียแล้ว จริงๆ พอเขาได้รับข่าว เขาก็ส่งข่าวเรียกพนักงานให้กลับมาอย่างเร่งด่วนทันที ทว่าเครื่องบินส่วนตัวของท่านประธานนั้นมาถึงเร็วเกินไป ด้วยความเร็วระดับนี้ไม่ใช่แบบที่พนักงานทั่วไปอย่างพวกเขาจะเทียบชั้นได้เลย
เฉิงหมิงหัวหน้าผู้ควบคุมดูแลการก่อสร้างเขตบ้านพักตากอากาศ นำทีมเลขานุการ ฝ่ายบัญชี หน่วยรักษาความปลอดภัย รวมถึงพนักงานรักษาสะอาดครบจำนวน มาจัดแถวยืนอยู่บริเวณหน้าทางเข้าเขตบ้านพักตากอากาศด้วยน้ำตาอาบหน้า
เมื่อทั้งท่านประธานและภรรยาลงมาจากรถ แล้วเห็นสภาพเย็นยะเยือกเช่นนี้ ทางด้านฮั่วฉินเยี่ยนนั้นไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับอะไรเลย หากแต่เวินหลานฉีถึงกับชะงัก อย่างไรเสียเขาก็คุ้นชินกับการเลี้ยงดูแบบชนชั้นสูงมาตั้งแต่เล็กจนโตอยู่แล้ว ไม่ว่าจะไปไหนล้วนมีแต่คนล้อมหน้าล้อมหลัง
ทันทีที่เห็นทั้งคู่ลงจากรถ เฉิงหมิงก็รีบก้าวเท้าออกมาทักทาย ด้วยการผงกหัวและโค้งคำนับให้ทันที ฮั่วฉินเยี่ยนไม่ได้สนใจเขานัก กลับจ้องมองแต่เวินหลานฉี เมื่อเห็นว่าสีหน้าท่าทางของเธอตื่นตะลึงอยู่บ้าง จึงเอ่ยพูด “ผมเคยถามล่วงหน้าแล้ว พนักงานที่นี่ส่วนใหญ่ลาพักร้อนอยู่ คงไม่มีคนไม่มีตำแหน่งหน้าที่อะไรมารบกวนมากนัก ผมเลยพาคุณมาที่นี่ไง ทำไมเหรอ ไม่พอใจที่ขบวนแถวต้อนรับภรรยาท่านประธานหรูหราไม่พองั้นเหรอ”
ทางด้านเฉิงหมิงเมื่อได้ยินประโยคนี้ เหงื่อเย็นๆ ก็แทบหยดลงมาเสียให้ได้
สุดยอดไปเลย ที่แท้ภรรยาของท่านประธานก็ไม่ใช่คนฟุ้งเฟ้อขนาดนั้น
“เปล่า แค่หลายปีมานี้เห็นความหรูหราที่สิ้นเปลืองทรัพยากรและกำลังคนพวกนั้นจนชินชาแล้วน่ะ อยู่ๆ พอมาเห็นอะไรเรียบง่ายแบบนี้ ก็เลยรู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่หน่อยๆ” เวินหลานฉีฉีกยิ้มส่งให้ฮั่วฉินเยี่ยน “แต่ฉันชอบนะ”
“คุณชอบก็ดีแล้ว” ฮั่วฉินเยี่ยนฉวยโอกาสนี้แอบหอมแก้มเวินหลานฉี เมื่อเห็นว่าพวงแก้มของเธอขึ้นริ้วสีแดง เขาก็อารมณ์ดีขึ้นมา จึงโบกมือพลางพูดว่า “ไม่ต้องเครียด ผมแค่พาภรรยาของผมมาพักผ่อนเท่านั้น ไม่ได้มาตรวจสอบการทำงานอะไร แยกย้ายกันเถอะ จะไปทำอะไรกันก็ไปทำได้”
เวินหลานฉีถูกคำว่า ‘ภรรยา’ ของเขาที่พูดออกมาอย่างโจ่งแจ้งนั้น ทำให้เขินอายจนหน้าแดงฉาน จึงถลึงตาจ้องเขาอย่างโหดเ**้ยม จากนั้นก็ลากกระเป๋าออกไป โดยทิ้งท้ายกับเฉิงหมิงว่า ‘นำทางไปหน่อย’ แล้วเธอก็เดินนำไปก่อน
เฉิงหมิงรีบตามไปติดๆ ทันที พร้อมทั้งถือโอกาสรับกระเป๋าเดินทางมาถือไว้
ฮั่วฉินเยี่ยนทิ้งกุญแจรถไว้ให้รปภ. ส่วนตนก็เดินตามเวินหลานฉีออกไป
เขตบ้านพักตากอากาศนี้เลือกทำเลได้ไม่เลวเลยทีเดียว บริเวณโดยรอบเป็นแนวเทือกเขาสูงต่ำสลับกันไป ส่วนทางด้านนี้ก็นำไปทางบริเวณน้ำพุร้อน วิวที่นี่ดีเหลือเกิน หนำซ้ำเวลานี้ตรงกับฤดูร้อนพอดี ที่นี่จึงมีฝนตกบ่อยครั้ง ยามทอดสายตามองไปไกลๆ สีเขียวสบายตานั้นทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ
“ว่ากันตามจริงที่นี่กำลังจะถูกรัฐบาลเปิดเป็นเขตท่องเที่ยวเร็วๆ นี้แหละ” ฮั่วฉินเยี่ยนที่เพิ่งกำชับเฉิงหมิง ว่าหากไม่มีธุระก็ไม่ต้องมารบกวนพวกเขาเสร็จ กลับเข้ามาเห็นเวินหลานฉียืนเหม่อมองแนวทิวเขาเขียวขจีที่อยู่ไม่ไกล อยู่ข้างหน้าหน้าต่างบานใหญ่ตรงห้องนั่งเล่น ก็พลอยเอ่ยพูดขึ้นลอยๆ
“นี่ประธานฮั่วกำลังโอ้อวดวิสัยทัศน์ กับวิธีการลงทุนของคุณกับฉันอยู่เหรอคะ” เวินหลานฉีปรายตามองเขาแวบหนึ่ง
ฮั่วฉินเยี่ยนถูกอากัปกิริยาและสายตานั้นยั่วยวนจนในใจรู้สึกคันยุบยิบ จึงรีบสาวเท้าเข้าไปสวมกอดเธอจากด้านหลัง พร้อมพูดว่า “เพราะผมเลอะเทอะไปเองแหละ พูดไว้เสียดิบดีว่าจะมาพักผ่อน แต่สุดท้ายดันลากเรื่องงานเข้ามาจนได้ ควรโดนลงโทษ!”
“ลงโทษยังไง”
“แล้วแต่คุณเลย” ฮั่วฉินเยี่ยนอยากจูบเธอ แต่กลับถูกเธอกันไว้ “ตอนมาถึงเมื่อกี้ฉันเห็นด้านหลังมีสระว่ายน้ำอยู่ด้วย ไปว่ายน้ำเป็นเพื่อนฉันสักหน่อยสิ”
“นี่ถือเป็นการลงโทษอะไรกัน ได้เห็นเป็นบุญตางั้นเหรอ” สายตาของฮั่วฉินเยี่ยนนั้นลึกล้ำอยู่บ้าง
เวินหลานฉีผละออกมาจากอ้อมกอดเขา และขยิบตาส่งให้เขา ด้วยท่าทางซุกซนอย่างหาได้ยาก “แน่นอนว่าลงโทษคุณไง อนุญาตให้มองอย่างเดียว ห้ามกินนะ!”
หลังจากเวินหลานฉีเปลี่ยนไปสวมบิกินี่เรียบร้อยและเดินมาถึงริมสระว่ายน้ำ เห็นฮั่วฉินเยี่ยนว่ายอยู่ในน้ำไปมาสักสามสี่รอบได้แล้ว พอฮั่วฉินเยี่ยนเห็นเธอเดินมา ก็ว่ายน้ำมาเกาะขอบสระ และยื่นแขนสองข้างส่งมาให้เธอ “มาสิ”
เวินหลานฉีค้อมตัวลง ทัศนียภาพแถวทรวงอกถูกผมยาวสยายตกลงมาบดบังเอาไว้ เอวบางสะโพกผาย ผิวพรรณเนียนละเอียดเกลี้ยงเกลาดั่งไขเทียน [1] จนฮั่วฉินเยี่ยนที่มองอยู่ถึงกับตกตะลึง ส่วนเวินหลานฉีเพียงแค่ส่งยิ้มมาให้เขาโดยไม่ทันคาดคิด จากนั้นเธอก็เดินไปอีกฝั่งหนึ่งของสระน้ำ และกระโดดลงน้ำไปทันที เมื่อคิดไปถึงประโยคก่อนหน้า ซึ่งอนุญาตให้มองเพียงอย่างเดียวแต่ห้ามกินนั้น ฮั่วฉินเยี่ยนก็กลัดกลุ้มจนอยากจะกดเธอลงบนพื้นสระเสียให้ได้เลยจริงๆ …โอ๊ย พอๆ เลิกคิดได้แล้ว รีบหยุดความคิดเดี๋ยวนี้!
ฮั่วฉินเยี่ยนหันหัวไปมองหญิงสาวผู้จุดประกายไฟให้เขาคนนั้น เธอกลับว่ายน้ำเล่นอย่างอิสรเสรี และเพราะสวมบิกินี่ รูปร่างผิวพรรณขาวเนียนดุจหิมะของเธอจึงโผล่พ้นบิกินี่ออกมา กอปรกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมานั้น ราวกับปลาตัวหนึ่งทอแสงเป็นประกายดำผุดดำว่ายไปมาได้สมดังปรารถนา
ฮั่วฉินเยี่ยนเริ่มทนไม่ไหวบ้างแล้วจริงๆ เขาจึงดำน้ำลงไป
เมื่อเวินหลานฉีหันกลับมา แล้วพบว่าฮั่วฉินเยี่ยนหายไปอย่างกะทันหัน เธอจึงรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ไปไหนเสียแล้วล่ะ เมื่อกี้ยังทำท่าทางหื่นอยู่เลยนี่!
ใครจะไปรู้ว่าอยู่ๆ เธอจะรู้สึกเหมือนมีใครกระตุกเท้าเธอจากใต้น้ำ เธอจึงลนลานเล็กน้อย นึกอยากจะดิ้นรน ทว่าไม่นึกว่าคนใต้น้ำคนนั้นจะลอยตัวขึ้นมาตามแนวขาของเธอและโอบเอวเธอไว้ ทำให้อาการตื่นตระหนกในชั่วขณะนั้นสงบลงอย่างรวดเร็ว นอกจากพนักงานแล้ว ที่นี่ก็เหลือเพียงแค่เธอกับฮั่วฉินเยี่ยนเท่านั้น หนำซ้ำพนักงานยังไม่สามารถมาปรากฏตัวที่นี่อีกต่างหาก ถ้าอย่างนั้นก็มีเพียงฮั่วฉินเยี่ยนเท่านั้นแหละ ฮั่วฉินเยี่ยนโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำอย่างฉับพลัน จากนั้นก็โอบกอดเวินหลานฉีไว้แล้วประทับจูบลงไป
เขาค่อนข้างกระหายจะครอบครองเธอเหลือเกิน รสชาติของเธอไม่ว่าจะละเลียดชิมรสเท่าไรก็ไม่เพียงพอสักที เขาค่อยๆ รุกล้ำจูบหนักขึ้นทีละนิด ทั้งสองคนจูบกันตั้งแต่ใต้น้ำยันโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา จากนั้นเวินหลานฉีก็ถูกฮั่วฉินเยี่ยนกดลงบนขอบสระ แล้วระดมจูบอย่างต่อเนื่อง
——
[1] 肤如凝脂 หมายถึง ผิวพรรณดั่งไขมันที่แข็งตัว อุปมาว่า ผิวพรรณขาวใสเนียนละเอียด เกลี้ยงเกลา ในที่นี้จึงขอแปลว่า ‘ผิวพรรณเนียนละเอียดเกลี้ยงเกลาดั่งไขเทียน’