“อืม…” จูบของฮั่วฉินเยี่ยนแฝงด้วยความร้อนแรงและแสดงความเป็นเจ้าของ จูบของเขายิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนเวินหลานฉีหลุดเสียงครางออกมาอย่างทนไม่ไหว
ฮั่วฉินเยี่ยนปล่อยเธอออก จากนั้นก็หยัดลำตัวขึ้นตรงมองลงมาที่หญิงสาวตัวเล็กในอ้อมกอด เวินหลานฉีในยามนี้ถูกเขาจูบจนหน้าแดงแจ๋อย่างกับลูกพีช สวยจับใจเสียจนเขารู้สึกว่ามีกระแสความอุ่นร้อนพวยพุ่งออกมาจากบริเวณท้องน้อยของเขา
เขาก้มหน้าลงงับติ่งหูนิ่มของเวินหลานฉี ดูดเม้มเล็กน้อย แล้วก็เป็นไปตามคาด ร่างกายของเวินหลานฉีอ่อนยวบลงทันที นั่นถือเป็นจุดอ่อนไหวของเธอเลยล่ะ แล้วเขาก็พรมจูบไล้ไปตามลำคอบางสวย ทิ้งรอยจ้ำสีแดงประปรายไว้บนผิวขาวดุจหิมะของเธอ
“ฮั่วฉินเยี่ยน…ที่นี่…อืม…ไม่ได้…” เวินหลานฉีถูกจูบจนคำพูดของเธอขาดๆ หายๆ แต่ฮั่วฉินเยี่ยนดันรู้จุดอ่อนไหวทั่วทั้งร่างกายของเธอดี ยิ่งเธอต่อต้านเขาเท่าไร เขากลับยิ่งเน้นย้ำจุดอ่อนไหวของเธอโดยเฉพาะ
“ที่นี่ไม่มีคนหรอก ไม่ต้องกลัว!” น้ำเสียงแหบพร่าน่าหลงใหลของฮั่วฉินเยี่ยนดังอยู่ข้างหูของเวินหลานฉี เพื่อปลอบโยนอารมณ์ความรู้สึกของเธอ
ขณะที่ทั้งสองหมกมุ่นอยู่กับจูบนั้น เฉิงหมิงซึ่งเป็นผู้ดูแลก็พรวดพราดเข้ามา
“ท่านประธาน ท่านประธาน…” ทันทีที่เฉิงหมิงพรวดพราดเข้าไป ก็ต้องปิดตาในทันที พระเจ้า ท่านประธานกับภรรยากำลังทำธุระกันอยู่ แล้วตัวเองดันทะเล่อทะล่าเข้ามาขนาดนี้ ดูท่าตนคงต้องลาพักงานแล้วจริงๆ !
“ผมๆๆ …ผมไม่เห็นอะไรเลย…พวกคุณ…เชิญพวกคุณต่อ…ผมเป็นคนตาบอด!” เฉิงหมิงปิดตาเดินออกไปโดยไม่มองทาง จึงชนเข้ากับผนัง เจ็บจนน้ำตาเล็ด
เขารีบตะเกียกตะกายขึ้นมา และปิดตาวิ่งออกไป คุณนายผมไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ นะ คุณนายดูผอมๆ อย่างนี้ ที่แท้เซ็กซี่เหมือนกันนะเนี่ย! มิน่าล่ะท่านประธานถึงรักคุณได้น่ะ!
ด้านเวินหลานฉีหน้าแดงจนทนจ้องตาไม่ไหว เธอมุดหน้าลงแนบอกของฮั่วฉินเยี่ยน ไม่ว่าฮั่วฉินเยี่ยนจะหยอกล้อเธออย่างไร เธอก็ไม่เงยหน้าขึ้นมาอีกเลย เธอไม่มีหน้าจะไปพบใครอีกแล้ว ทำไมเธอถึงปล่อยตัวตามสบายได้ขนาดนี้กันนะ แค่ถูกฮั่วฉินเยี่ยนเล้าโลมเข้าหน่อย ก็คล้อยตามไปอย่างง่ายดาย เธอขายหน้าแทบตายเลยจริงๆ
“โอเคๆ ผมไม่แตะต้องคุณแล้ว เฉิงหมิงคงไม่เอาไปพูดซี้ซั้วหรอก ไม่ต้องเขินหรอกน่า” ฮั่วฉินเยี่ยนหอมหัวเธอแล้วหอมหัวอีก ทั้งยังกักเธอไว้ในอ้อมกอด พลางหัวเราะครืนอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล เขาในยามนี้ไร้มาดอันน่าเกรงขาม ยามอยู่ต่อหน้าลูกน้องในวันปกติธรรมดาโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เขาเป็นแค่ชายหนุ่มผู้หลงใหลคลั่งไคล้ภรรยาของตัวเองเท่านั้น
หลังจากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้ทำอะไรอีก แค่ว่ายน้ำในสระต่ออีกสักพัก แล้วฮั่วฉินเยี่ยนก็ใช้ผ้าเช็ดตัวห่อเวินหลานฉี กอดเอาไว้พาเดินกลับห้องพัก ทั้งสองคนสวีทกันอยู่ในห้องอีกสักพัก จนกระทั่งเฉิงหมิงมาเรียก ทั้งสองถึงได้พากันออกมาจากห้อง
“บอสกับคุณนายคงจะหิวกันแล้ว ทางห้องอาหารได้เตรียมอาหารไว้ให้เรียบร้อยแล้ว” เฉิงหมิงพูดอย่างเอาอกเอาใจ แล้วนำฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉีเดินไปยังห้องอาหาร
มื้อค่ำถูกจัดเตรียมไว้จนเต็มโต๊ะ ฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉีกินอาหารกันอย่างมีความสุข พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องน่าสนใจมากมาย ฮั่วฉินเยี่ยนยามอยู่ต่อหน้าเวินหลานฉีนั้นไร้มาดอย่างตอนอยู่กับคนนอกอย่างสิ้นเชิง เขาตลกขบขัน เข้าหาง่ายสุดๆ นอกจากนี้ยังมีเฉิงหมิงคอยเล่นมุกตบมุกอยู่ข้างๆ อีกต่างหาก เวินหลานฉีหัวเราะขำจนไหล่สั่น ระหว่างพวกเขาเป็นบรรยากาศผ่อนคลายอย่างไม่เคยมีมาก่อน
“เฉิงหมิง ภูเขาที่นี่ปีนได้ไหม” เวินหลานฉีมองแนวทิวเขาสูงต่ำทอดยาวสลับกันนอกหน้าต่าง พลางคิดว่าในเมื่อมาถึงที่นี่ทั้งที งั้นก็มาปลดปล่อยให้เต็มที่ไปเลยดีกว่า เพราะถ้ากลับไปแล้ว เธอกับฮั่วฉินเยี่ยนคงต่างฝ่ายต่างเริ่มวุ่นวายกับงานของตัวเองเป็นแน่ คงไม่มีเวลาพักผ่อนอย่างในตอนนี้มากนักหรอก
“ภูเขาที่นี่ยังไม่ได้บุกเบิกเลยครับ ยังเป็นธรรมชาติดั้งเดิมอยู่เลย น่าจะยังไม่เคยมีคนไปปีนเขามาก่อนละมั้ง!” เฉิงหมิงมองเวินหลานฉี พลางตอบคำถาม
“อาเยี่ยน พรุ่งนี้เราไปปีนเขากันเถอะ” เวินหลานฉีหันไปพูดกับฮั่วฉินเยี่ยนอย่างร่าเริง
“เขตภูเขาที่ยังไม่เคยบุกเบิกเส้นทางคงอันตรายแน่ๆ คุณไม่กลัวเหรอ” ฮั่วฉินเยี่ยนถาม
“กลัวสิ แต่มีคุณอยู่ไม่ใช่หรือไง!” เวินหลานฉียิ้มออดอ้อนฉอเลาะส่งให้เขา คำพูดนี้ของเธอช่างเอาอกเอาใจฮั่วฉินเยี่ยนอย่างลึกซึ้ง เขาถูกรอยยิ้มนั้นของเวินหลานฉีจู่โจมจนหัวใจคันยุบยิบ จึงส่งสายตาไปให้เฉิงหมิง ด้านเฉิงหมิงเมื่อเห็นสายตาของท่านประธาน ก็เป็นงานยิ่งนัก เขาจึงทำทีล้อเล่นแล้วเดินจากไป
ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไร เขาคงไม่เข้าไปรบกวนเวลาพักผ่อนของท่านประธานอีกแล้ว ต่อให้ฟ้าจะถล่มทลายลงมา เขาเชื่อว่าบนตัวของคุณนายต้องโดนท่านประธานทำรอยไว้แน่!
“ฮั่วฉินเยี่ยน คุณ…คุณปล่อยฉันก่อน” กำปั้นน้อยๆ ของเวินหลานฉีชกเข้าบนตัวของฮั่วฉินเยี่ยน ราวกับเวินหลานฉีกำลังออดอ้อนตัวเขาอยู่ กำปั้นน้อยๆ ของเธอนั้นไม่ได้ทำให้เขาเจ็บหรือคันเลยแม้แต่น้อย อย่างกับแมวน้อยข่วนเสียมากกว่า
“คุณนายอย่ากลัวไปเลย สามีแค่รู้สึกว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมันแสนสั้น เราควรหาความสุขเสียตอนนี้” ฮั่วฉินเยี่ยนตบบั้นท้ายเวินหลานฉีไปที ทำเธออายหน้าแดงก่ำในทันที ตาคนนี้นี่ออกมาพักผ่อนที อย่างกับตอนกินยาปลุกเซ็กส์อย่างนั้นแหละ ทำอะไรก็เกิดอารมณ์!
“ตอนนี้เฉิงหมิงคงไม่มารบกวนเราอีกแล้ว เพราะผมกำชับเขาไว้เรียบร้อย คืนนี้ทั้งคืนเป็นของเราแล้วนะ”
คืนนี้เป็นอีกคืนที่ตกอยู่ในห้วงรักอันอ่อนโยน ร่วมรักแลกเปลี่ยนความสุขกัน ในที่สุดเวินหลานฉีก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวก่อน ปากของเธอได้แต่พร่ำร้องขอให้ยกโทษให้ จนหายใจไม่ทันแล้วสลบเหมือดไปในที่สุด เพราะแบบนี้ฮั่วฉินเยี่ยนถึงได้ปล่อยเธอเสียที เขาตระกองกอดเธอเดินไปยังห้องน้ำ ตั้งหน้าตั้งตาชำระคราบไคลให้เธอจนสะอาด แน่นอนว่าระหว่างนั้นคงไม่ต้องพูดละเอียดหรอกว่าหาเศษหาเลยอะไรไปบ้าง กว่าจะได้กอดเธอไว้ในอ้อมกอดแล้วหลับไป
เวินหลานฉีตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดมาก็เป็นเวลาสิบโมงแล้ว เธอจ้องฮั่วฉินเยี่ยนที่นอนตะแคงกอดเธออย่างสงบนิ่ง เขายามหลับใหลไม่ได้มีท่าทางเคร่งขรึมเย็นชาอย่างในตอนกลางวันสักนิด ออกจะดูละมุนละไม แถมยังดูอย่างกับเด็กน้อยเสียด้วยซ้ำ เวินหลานฉีจ้องมองสีหน้ายามหลับของฮั่วฉินเยี่ยนอย่างกับคนบ้า เขาคือชายหนุ่มที่เธอรัก เขาทั้งรูปหล่อและเก่งกาจ ถือเป็นการมีอยู่หนึ่งเดียวบนโลกใบนี้เลยทีเดียว แค่ได้เป็นคู่ชีวิตกับเขา เธอก็รู้สึกมีความสุขสุดๆ แล้ว
ความจริงฮั่วฉินเยี่ยนตื่นนานแล้ว ตอนนี้เขาแค่แกล้งทำเป็นหลับอยู่เท่านั้น เขาสัมผัสได้ว่าสายตาของเวินหลานฉีหยุดนิ่งอยู่บนใบหน้าของเขา จนเขารู้สึกมีความสุขยิ่งนัก ถ้าเขาได้ใช้ชีวิตร่วมกับเวินหลานฉีแบบนี้ไปตลอดชีวิตได้ คงถือเป็นแต้มบุญของเขาเลยทีเดียว
เวินหลานฉีเข้าใกล้ฮั่วฉินเยี่ยนอย่างระมัดระวัง เธอจุ๊บฮั่วฉินเยี่ยนอย่างอายๆ ขณะนี้ฮั่วฉินเยี่ยนหลับลึกอยู่ ดังนั้นถ้าเธอแอบจุ๊บเขาเร็วๆ เขาคงไม่รู้หรอก
เธอค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ริมฝีปากของฮั่วฉินเยี่ยน จนริมฝีปากบางเซ็กซี่ของเขาอยู่ตรงหน้าของเธอ ขณะที่เตรียมจะประกบจูบลงไป อยู่ๆ ฮั่วฉินเยี่ยนก็ลืมตาพรวดขึ้นมา เวินหลานฉีถึงกับเบิกตาโพลงจ้องเขา เขาพลิกกายขึ้นคร่อมเธออย่างไม่เกรงใจ และประกบจูบลงมาจนกว่าจะพอใจ
“คุณภรรยาตื่นมาก็คึกจริงๆ เลยน้า เป็นฝ่ายรุกเองแบบนี้ สามีจะจัดการยังไงกับนิสัยของคุณภรรยาดีน้า!” ฮั่วฉินเยี่ยนเอ่ยพูดอย่างมีความสุข
“เปล่าสักหน่อย!” เวินหลานฉีซุกอยู่ในกองผ้าห่มไม่ยอมโผล่ออกมา ฮั่วฉินเยี่ยนละเกลียดจริงๆ เรื่องแบบนี้แค่รู้แก่ใจดีก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องพูดแบบนี้ออกมาด้วย! ทำให้คนอื่นขายหน้า เกลียดจริงเลย!
ทว่าในใจเวินหลานฉีกลับเต็มไปด้วยความสุขอันชื่นมื่น ได้จูบกับคนที่รักสุดหัวใจแต่เช้าแบบนี้ ถือเป็นเรื่องมีความสุขยิ่งนัก
“เอาเถอะ ลุกขึ้นมาเร็ว วันนี้คุณจะไปปีนเขาไม่ใช่เหรอ” ฮั่วฉินเยี่ยนตบๆ เวินหลานฉีผู้ซุกอยู่ในก้อนผ้าห่ม
“บอสๆ ตื่นยังครับ” เสียงพูดบีบจมูกอู้อี้ของเฉิงหมิงดังมาจากหน้าประตู เขาบีบจมูกพูดเสียงอ่อนเสียงเบาเลียนแบบเสียงขันทีในสมัยโบราณ
เวินหลานฉีพูดติดตลกว่า “เฉิงหมิงคนนี้นี่ คุณไปหามาจากไหนเหรอ ทำไมถึงได้ตลกขนาดนี้”
“เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องสมัยม.ปลายผมเอง คุณอย่าเห็นท่าทางเขาเป็นแบบนี้ แต่เขาเป็นคนเก่งมากเลยนะ ทั่วเขตบ้านพักตากอากาศนี้เขาเป็นคนจัดการดูแลหมดเลย แล้วก็ไม่เคยมีข้อผิดพลาดอะไรเลยแม้แต่น้อย แค่เขาเป็นคนดูไม่ค่อยจริงจังไปหน่อยเท่านั้นเอง” ฮั่วฉินเยี่ยนเอ่ยพูด
“พูดอย่างนี้ แสดงว่าเฉิงหมิงคนนี้ก็ถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถอย่างหาตัวได้ยากเลยสินะ”
ฮั่วฉินเยี่ยนพยักหน้า แล้วดึงมือเวินหลานฉีลุกขึ้น “รีบลุกขึ้นเถอะ ลุกมาแต่งตัว กินข้าวกินปลา เตรียมของสักหน่อย แล้วเราค่อยออกไปปีนเขากัน เราเอาเต็นท์ไปตั้งแคมป์กันด้วยเถอะ ค่ำๆ จะได้เห็นดาวเต็มท้องฟ้า ถือโอกาสเอาพื้นดินเป็นเตียงนอน เอาท้องฟ้าเป็นผ้าห่ม…”
“ฮั่วฉินเยี่ยน คุณหุบปากไปเลยนะ!” เวินหลานฉีพูดอย่างเคืองๆ
“ผมพูดอะไรเหรอ คุณถึงดูตื่นเต้นขนาดนี้ ในหัวคุณภรรยาคงคิดอะไรอยู่แน่เลยใช่หรือเปล่า!” ฮั่วฉินเยี่ยนพูดล้อ
“เกลียด! ฉันไม่สนใจคุณแล้ว!”
เวินหลานฉีตะเกียกตะกายขึ้นมาอย่างฮึดฮัด แล้วเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน ส่วนฮั่วฉินเยี่ยนทำเพียงหัวเราะ โดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็ตามเธอเข้าไปในห้องน้ำติดๆ
“คุณเข้ามาทำไม” เวินหลานฉีคาบแปรงสีฟันอยู่ในปาก พลางหันกลับไปถลึงตาใส่บอสใหญ่ฮั่วผู้ไม่มีทั้งภาพลักษณ์ แถมยังไร้ยางอายข้างหลังอย่างเคืองๆ
ประธานฮั่วของเราเดินมาจากด้านหลังเธอนิ่งๆ จนกระทั่งเดินมาหยุดอยู่หน้าชักโครก และมองเวินหลานฉี “คุณนายยังอยากจะจ้องสามีอยู่ไหม ถ้ามองแล้วแข็ง…”
“คุณนี่หยาบคายน่าเกลียด ไปให้พ้นเลยนะ!” ครั้นแล้วประธานฮั่วของเราก็โดนไล่ออกไปนอกประตู ยืนเป็นเพื่อนเฉิงหมิงอยู่หน้าประตู
“บอส คุณโดนคุณนายไล่ออกมาเหรอ!” เฉิงหมิงชอบใจที่ได้เห็นเจ้านายของตนโดนไล่ออกมา ด้วยน้ำเสียงแฝงด้วยแววมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
“ฉันโดนไล่ออกมาที่ไหนกัน ฉันถูกเชิญออกมาต่างหาก” ประธานฮั่วพูดอย่างฮึดฮัด
“ครับๆๆ แล้วทำไมประธานฮั่วถึงโดนไล่ออกมาล่ะ เอ่อ หมายถึงโดนเชิญออกมาน่ะ เสื้อก็ไม่ได้ดูภูมิฐาน แถมยังใส่รองเท้าแตะอะไรนี่อีก”
“ต้องให้แกสนใจด้วยเหรอ!” ประธานฮั่วพูดอย่างตีเบลอ “เหอะ แกอยากโดนเชิญออกมา หรือไม่มีโอกาสล่ะ!”
หลังจากไล่จอมกวนอย่างฮั่วฉินเยี่ยนออกไปแล้ว ในที่สุดเวินหลานฉีก็ได้จัดการตัวเองอย่างเต็มที่ หลังจากล้างหน้าล้างตา เวินหลานฉีก็เข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้า และสวมเสื้อผ้าแต่งตัว ประธานสาวนั้นต้องวุ่นวายมากกว่าผู้ชาย คุณดูอย่างฮั่วฉินเยี่ยนสิ สวมชุดเดินเขา เซ็ตผมเสร็จแล้วก็ไปนั่งพูดคุยกับเฉิงหมิงอยู่ที่สวนหย่อมนู่นแล้ว หันกลับมามองเวินหลานฉีกลับต้องมานั่งเลือกระหว่างเสื้อผ้าที่เฉิงหมิงเตรียมมาให้ กับเสื้อผ้าที่ตนเตรียมมาเอง เลือกแล้วเลือกอีก ไหนจะต้องมาพิจารณาอีกว่าหมวกรองเท้าเข้าคู่กันไหม ไหนจะต้องเติมเครื่องสำอางอีก จะบ่นว่าเธอไม่มีเหตุผลเกินไปไม่ได้หรอกนะ เธอต้องใส่ใจภาพลักษณ์ของตัวเองตลอดเวลา และกลายเป็นความเคยชินหลังจากที่เธอได้เป็นประธานในหลายปีมานี้ แต่โชคดีที่เธอเองก็ไม่ใช่คนวุ่นวายในเรื่องแบบนี้ ช่วงเวลาขณะที่ฮั่วฉินเยี่ยนดื่มกาแฟหมดไปสองแก้ว เธอก็เดินลงมา
อาหารเช้าเตรียมพร้อมไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว เฉิงหมิงก็เดินออกไปอย่างรู้เวลา
ทันทีที่เวินหลานฉีนั่งลงก็สังเกตเห็นแก้วกาแฟข้างมือของฮั่วฉินเยี่ยน หัวคิ้วจึงขมวดฉับทันที “ฉันบอกคุณกี่ครั้งแล้ว ว่าตื่นเช้ามาอย่ากินกาแฟตอนท้องว่าง” ฮั่วฉินเยี่ยนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกใจหวิวๆ ‘ฮั่วฉินเยี่ยน ฉันขอบอกคุณอีกครั้งนะ ถ้ายังไม่ได้กินมื้อเช้า อย่ากินกาแฟ! ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้อีก ไม่ช้าเร็วถ้ากระเพาะพังขึ้นมา คอยดูสิ ถึงตอนนั้นใครจะเลี้ยงคุณ!’
หญิงสาวเอามือเท้าสะเอวด้วยน้ำเสียงสูงอย่างกับผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นในตอนนั้น ค่อยๆ ซ้อนทับเงาอันคุ้นเคยแสนสวยของคนตรงหน้านี้อย่างช้าๆ คนที่ไม่เคยเปลี่ยนคือเธอ ซึ่งเป็นห่วงเขาจนคิ้วขมวดเป็นปม
ดีจริง เธอกลับมาอยู่เคียงข้างเขาแล้ว เมื่อนึกถึงตรงนี้ ฮั่วฉินเยี่ยนก็หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“คุณยังจะหัวเราะอีกเหรอ ถ้าคุณเป็นแบบนี้อีก ไม่ช้าเร็วกระเพาะต้องพังแน่ คอยดูเลยถึงตอนนั้น…” คำพูดกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อถูกริมฝีปากของชายหนุ่มประกบปากลงมาช่วงชิงโดยไม่ได้รุกล้ำแต่อย่างใด เพียงแค่จูบเบาๆ เท่านั้น หลังจากนั้นก็ปล่อยเธอออก พลางพูดยิ้มๆ “อืม ถ้ากระเพาะผมพังแล้ว คุณก็เลี้ยงดูผมไง”
“คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย อย่ามาพูดซี้ซั้วนะ!”