123 ภูตรับใช้

ปล้นสวรรค์

SPH:บทที่ 123 ภูตรับใช้

 

“อาเข่อ ปิดถ่ายทอดสดซะ แล้วไปกันกันเถอะ!”

 

เย่หยูมองไปที่โดรนที่อยู่เหนือเขาแล้วพูดกับอาเข่อ

 

“อืม!”

 

อาเข่อพยักหน้า จากนั้นเธอก็คุมโดรนให้บินจอดบนพื้นและปิดถ่ายอดสดลง ในห้องถ่ายทอดสด ภาพที่ปรากฏต่อหน้าผู้ชมนับล้านก็กลายเป็นสีดําทันที

 

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีใครออกจากห้องถ่ายทอดสดแม้อาเข่อจะปิดไลฟ์ไปแล้ว แต่พวกเขากลับคุยกันต่อว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยสีหน้าที่ร้อนรน

 

เย่หยูกับอาเข่อกําลังออกมาจากในคฤหาสน์

 

สายตาเย่หยูกวาดมองรอบนอกพื้นที่อยู่ตรงข้ามแล้วพบว่าที่ที่ผีชุดขาวหายไปค่อยๆส่องแสงสีแดงมาให้เห็น

 

นี้มันอะไรกัน?

 

เย่หยูเดินไปข้างหน้า เพื่อตรวจสอบแล้วเขาก็พบกับลูกปัดแก้วทรงกลมไร้ที่ติ

 

ลูกปัดแก้วเป็นทรงกลมและมีเส้นผ่ายศูนย์กลางประมาณหนึ่งเซนติเมตร มันไม่ได้เป็นลูกแก้วใสแต่มันเต็มไปด้วยควันสีแดงแปลกๆ

 

“นี่มันลูกแก้วดูดกลืนโลหิตที่ผีชุดขาวนั้นพูดถึงรึเปล่า?”

 

เย่หยูคิดไตร่ตรองอยู่ในใจขณะถือลูกแก้วเล่นสักพัก แต่ก็ไม่ได้เจออะไรพิเศษ

 

“ติ๊ด!”

 

” ขอแสดงความยินดีกับโฮสที่ได้ฆ่าผีชุดขาว รางวัลที่ได้รับคือสามารถจับล็อตเตอร์รี่ได้หนึ่งครั้ง!”

 

เสียงของระบบดังขึ้นในหัวเย่หยูและทําให้เขารู้สึกสบายใจ

 

หลังจากที่เก็บลูกแก้วขึ้นมา เย่หยูกับอาเข่อก็หันหลังออกจากคฤหาสน์

 

ย่านชนชั้นสูงในตัวเมืองหมิงโจว

 

มีร่างดําที่สวมเสื้อคลุมยาวยนซ่อนอยู่ในเงามืด สายตาอันเยือกเย็นกําลังจ้องไปยังคฤหาสน์หรูหราที่อยู่ตรงหน้าเขา

 

“ฉันต้องการเพียงแค่อีกคนนึงและปีศาจแดงของฉันก็จะกลับมาอีกครั้ง!”

 

ร่างๆนั้นเงยหน้าจนเผยให้เห็นใบหน้าซีดเซียวภายใต้แสงไฟสลัวๆ

 

เงานั้นมองไปยังคฤหาสน์อันหรูหราตรงหน้าและยิ้มอย่างเยือกเย็น

 

“ฮิฮิ หวังต่ง เราเอาชีวิตของแกไปตั้งแต่หยินและจันทรากําเนิด หากอยากจะตําหนิอะไร ก็จงตําหนิโชคชะตาที่เลวร้ายของแกเถอะ!”

 

ขณะที่เขาขยับ เขาก็มีท่าที่เปลี่ยนไปทันที่ราวกับเผชิญหน้ากับบางอย่างที่น่าตกใจสุดขีด

 

” เกิดอะไรขึ้น?!”

 

“ขาดการติดต่อกับผีชุดขาว สัญญาณมันพังลง!”

 

ใบหน้าของร่างนั้นมืดมัว แววตาฉายแววประกาย เขาพึมพำ

 

“ฉันส่งผีชุดขาวไปไว้ในคฤหาสน์กลางป่าหนิ แล้วทําไมถึงระงับการติดต่อกับมุกกระหายโลหิตทันที่หละ? บ้าเอ้ย! ไม่ใช่ว่ามันถูกฆ่าด้วยคนฝีมือดีหรอกนะ?”

 

“แกกล้ามากที่ทําลายผีของฉัน อย่าให้รู้นะว่าแกเป็นใคร! ไม่อย่างนั้นฉันจะทําให้ชีวิตย่อยยับมากกว่าตายซะอีก!” 

 

อี้ฉวนมองไปที่คฤหาสน์ตรงหน้า สายตาของเขาฉายแววสังหาร แล้วค่อยๆแสดงท่าที่เย็นชา

 

“เราต้องย้ายไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทําได้! ตราบใดที่ปีศาจแดงของฉันเขมือบเจ้าหวังต่งเข้าไป โลกใบนี้คงไม่ปล่อยเสี่ยวเหยามีชีวิตอยู่!”

 

เวลานี้ เย่หยูได้กลับมาบ้านเรียบร้อยแล้ว

 

เย่หยูนอนลงบนเตียงเขาเล่นลูกแก้วที่อยู่ในมือซึ่งเหมือนเป็นมุกกระหายโลหิต แล้วค่อยๆตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

 

“เอ่อ? นายเจอผีหรอ?”

 

เสียงแหบห้าวบวกกับมีเสน่ห์ค่อยๆดังมาจากในห้องเย่หยู

 

เย่หยู่ลุกขึ้นนั้นจากเตียงทันที เขาหรี่ตาเล็กน้อยมองไปรอบๆแล้วพูดเสียงเข้มว่า

 

“นี่ใคร?! ออกมาเดี๋ยวนี้”

 

สายตาเย่หยูมองกลับไปแล้วในที่สุดก็พบกับภาพวาดผู้หญิงคนนึงที่ติดบนกําแพง

 

บนกระดาษซวนจือสีขาวบริสุทธิ์ ลายเส้นสีดําที่วาดเป็นเป็นสาวงามที่สวมชุดจากในวัง มุมปาก

 

ของเธอยกขึ้นจนปรากฏให้เห็นรอยยิ้มจางๆ และสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือดวงตาโตคู่นั้นที่ราวกับมนุษย์!

 

เย่หยูจ้องภาพนั้นตาไม่กระพริบ ประโยคที่พูดมาก่อนหน้านี้มันมาจากตรงนี้หนิ

 

เฟี้ยว!

 

เย่หยูขนลุกทั่วทั้งร่างทันที เขาพบว่าสาวรับใช้ในภาพว่านั้นกระพริบตาของเธอจริงๆ

 

“นี่ เธอเป็นใคร?! รีบๆออกไปเลย! ไม่อย่างนั้น ฉันจะเผ่ารูปนี้ซะ!”

 

เย่หยูมองไปที่ภาพวาดและตะโกนใส่เธอ

 

นี่มันน่ากลัวเกินไปรึเปล่า? ใครจะไปคิดว่าที่นี่จะมีคนหรือผีที่ซ่อนอยู่ในรูปข้างเตียงกันหละ?

 

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงก่อนหน้านั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

 

“อัยหยา! ฉันถูกเจอโดยนายนะ!”

 

ฟิ้ว!

 

มีแสงสีฟ้าประกายออกมาและมีร่องรอยของไอเย็นเกิดขึ้นในห้อง

 

หญิงสาวโบราณที่อยู่ในชุดขาวก็ปรากฏขึ้นในห้องเย่หยูทันที

 

” เธอเป็นใคร? เป็นคนหรือเป็นผี?”

 

เย่หยมองที่ไปหญิงสาวโบราณที่ยิ้มหวานอยู่ตรงหน้าและถามด้วยน้ำเสียงทุ่ม

 

หญิงสาวยิ้มทรงเสน่ห์ให้กับเย่หยูแล้วพูดว่า

 

“ฉันคือเนียเสี่ยวเฉียน ก็อย่างที่คุณชายเห็นนั้นแหละ ฉันเป็นผี!”

 

”เนียเสี่ยวเฉียน”

 

เย่หยูขมวดคิ้วขณะตะโกนอยู่ในใจ

 

“ระบบ เกิดอะไรขึ้น? ทําไมมีผีผู้หญิงมาซ่อนอยู่ในรูป?”

 

“ติด! รูปภาพนี้ถูกวาดด้วยขี้เถาของเนียเสี่ยวเฉียนและผสมกับหมึกที่ที่เนี่ยเสี่ยวเฉียนเคยอยู่”

 

งั้น แล้วมันยังไงหละ!

 

ในที่สุดเย่หยูก็เข้าใจว่านี่คือเนีย เสี่ยว เฉียน ติดอยู่ในภาพวาดแต่ถูกขโมยมาโดยเย่หยู เธอติดมากับรูปภาพและมายังโลกของเย่หยู

 

” ระบบ!” เย่หยูแอบเรียกระบบในใจ

 

“มนุษย์ : เย่หยู ลัทธิเต๋า เลเวล 1)”

 

“รูปร่าง: ร่างกายแห่งจิตวิญญาณดาบ”

 

“การขโมย : 0”

 

“คะแนนเตชั้นสูง: 860/1000”

 

“ความสามารถ: ทักษะการแสดง การคิดคณิตศาสตร์ขั้นสูง 13 เข็มของสํานักปีศาจ หน้ากากนักร้อง ออร่าการป้องกัน รัศมีคําสาป ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร เทคนิคการต่อสู้ด้วยปืน เคลื่อนย้ายเงา ขับขี่เครื่องกล ปรมาจารย์ด้านวรรณกรรม ความโศกเศร้าของผีสาว ”

 

“วิถีทางทักษะ: 736 กระบวนท่าออกกําลังกาย ”

 

“ไอเท็ม: น้ำยาสัตย์จริง แว่นของโคนัน ประตูมังกรหยก แกะสลัก ประคําเพลิง ประคําราตรี”

 

“จับล็อตเตอร์รี่: 1”

 

เมื่อมองไปยังหน้าระบบ ตาเย่หยูก็เบิกตาขึ้น เขาพบว่านั้นคือชื่อเนียเสี่ยวเฉียนปรากฏอยู่ในชื่อของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา

 

ตั้งแต่ที่ระบบอธิบายไปว่าเนียเสี่ยวเฉียนเป็นสาวรับใช้เธอไม่มีทางทําร้ายเขา

 

เมื่อเขาระวังน้อยลง เย่หยูก็มองเนียเสี่ยวฉียนด้วยแววตาที่อ่อนโยนและถามเธอ

 

”เนียเสี่ยวเฉียน ฉันจะเชื่อใจเธอได้ไหม?”

 

เนียเสี่ยวเฉียนยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ

 

“ตั้งแต่ที่ตามคุณชายมา จากนั้นคุณชายก็กลายเป็นผู้ชายในชีวิตของข้า แม้ข้าจะ

ตาย ข้าก็จะเป็นผีของคุณชาย !”

 

เย่หยมองเนียเสี่ยวเฉียนแล้วถาม

 

” แต่เธอเพิ่งพูดไปว่าฉันเจอผีมาก่อน? รู้ได้ยังไง?”

 

เนียเสี่ยวเฉียนชี้ไปยังลูกปัดแก้วในมือของเย่หยูแล้วพูด 

 

“ไอเท็มที่คุณชายเอามาถูกปกคลุมไปด้วยร่องรอยออร่าของผี ข้าเกรงว่ามันมาจากร่างของผีใช่ไหม?”

 

เย่หยูพยักหน้าแล้วพูดต่อ

 

“ใช่ ฉันเพิ่งฆ่าผีไปแล้วเก็บมันไว้ภายใต้มุกนี้ เธอรู้จักมันหรอ?”

 

“คุณชายช่างทรงพลังนัก!”

 

เนียเสี่ยวเฉียนยิ้มหวานพริ้มราวกับชื่นชมเย่หยู จากนั้นก็พูดต่อ

 

“ถึงแม้ว่า ข้าจะไม่รู้จักมุกลูกนี้ แต่ข้ารู้ว่าจะใช้งานมันยังไง”

 

“โอ้? แล้วมันใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง?”

 

เนียเสี่ยวเฉียนชี้ไปที่มุกแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“มุกลูกนี้สามารถทําให้เพิ่มพลังผีและทําให้กลายเป็นผีที่ทรงพลังได้”

 

เย่หยูพูดอย่างประหลาดใจ

 

“นั้นไม่ได้หมายถึงว่ามุกนี่ไม่ได้มีค่ามากสําหรับผีอย่างคุณหรอ?”

 

เนียเสี่ยวเฉียนส่ายหน้า

 

“ฮิฮิ นี้มันเป็นของที่ข้าไม่ได้สนใจนัก ถึงแม้ว่าไข่มุกนี้จะสามารถเพิ่มพลังผีได้ แต่มันจะสูญเสีย

 

โอกาสที่จะเลื่อนขั้น จิตใต้สํานึกของมันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นกระหายเลือดและใช้ความรุนแรง

 

และสุดท้ายจะกลายเป็นวิญญาณที่ไร้สติไปเลย ”

 

หลังจากที่ไตร่ตรองสักพัก เนียเสียวเฉียนก็พูดต่อ

 

“คุณชาย มุกลูกนี้มีเจ้าของแล้ว!”

 

“ฉันรู้ แต่ผีตัวนั้นฉันฆ่าเองนะ”

 

เนียเสี่ยวเฉียนส่ายหน้าและพูดกับเย่หยู

 

“คุณชายเข้าใจผิด สิ่งที่ข้าหมายถึงคือ ไข่มุกลูกนี้ได้รับการขัดเกลาจากใครบางคน!”

 

สายตาของเย่หยูฉายแววด้วยความอยากรู้

 

“งั้น ที่เธอพูด มีคนจงใจสร้างผีตนนี้ขึ้นมา?”

 

เนียเสียวเฉียนพยักหน้า

 

“มุกลูกนี้ถูกขัดเกลาโดยบางคน ตั้งแต่ที่คุณชายขโมยมุกลูกนี้มา เขาคนนั้นจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไว้แน่!”

 

หลังจากที่ความเงียบเข้ามาแทรกสักพัก ตาของเย่หยูก็เปล่งประกายแล้วถือไข่มุกไว้แน่น พูดอย่างเย็นชาว่า

 

“เธอตามหาที่ตั้งของเจ้าของมุกลูกนี้ได้ไหม?”

 

เนียเสี่ยวเฉียนยิ้มอย่างสุภาพ

 

“ไม่มีปัญหา!”

 

เนียเสี่ยวเฉียนเหยียดนิ้วอันเรียวยาวออกไปจับไข่มุก ร่องรอยออร่าสีเขียวที่ปรากฏอยู่บนไข่มุกและถูกห่อหุ้มด้วยปลายนิ้วของเธอ

 

หลังจากที่ปิดตาสักพัก เนียเสี่ยวเฉียนลืมตาแล้วพูดกับเย่หยู

 

“คุณชาย เราเจอที่อยู่ของเขาแล้ว!”

 

เย่หมูลุกขึ้น ยกรูปภาพนั้นออกมาม้วนแล้วพูดว่า

 

“ไปกันเถอะ! ไปตามหาเขากัน!”