พวกโซเมนและคนอื่นๆก็ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหลินจือ พวกเขาจึงทยอยส่งความห่วงใยและคำอวยพรมาให้หลินจือ

พอหลินจือออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน เทาเท่ก็เชิญโซเมนและไวท์มากินข้าวที่บ้าน

โซเมนมองอาหารบนโต๊ะแล้วซาบซึ้งจนน้ำตาไหล

อาหารเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของเทาเท่ แม้ว่าฝีมือการทำอาหารของเขายังไม่ถึงขั้นประณีตและอร่อย แต่ก็สามารถรับแขกได้

โซเมนพูดกับหลินจืออย่างเกินจริงว่า “ต้องขอบคุณมากจริงๆ คิดไม่ถึงว่าชาตินี้พวกเราจะได้กินอาหารฝีมือเท่สักครั้งในชีวิต”

หลินจือตอบกลับเขาเบาๆ “บอกตามตรง ฉันก็ไม่เคยคิดว่าชีวิตฉันจะมีวันนี้”

โซเมนหัวเราะออกมาเสียงดังกับมุขแห้งๆของเธอ เทาเท่เหลือบมองหลินจืออย่างเย็นชา เขารู้ว่าเธอไม่คงพูดอะไรได้ที่เขาชอบฟังแน่

หลินจือทำหน้าไม่รู้เรื่อง เขาจ้องเธอทำไมกัน เธอพูดในสิ่งที่เธอรู้สึกจริงๆ

งานเลี้ยงครั้งนี้มีเพียงโซเมนและไวท์ ควีนทำโอ นานิก็ยุ่งกับการถ่ายละครจึงไม่มีเวลามา

พูดถึงอาการบาดเจ็บของหลินจือ เจเทาวน์ก็โทรหาเธอเช่นกัน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเธอ แต่เพราะภาระหน้าที่กองถ่ายค่อนข้างหนัก เขาจึงไม่ได้ไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล

หลินจือได้ยินนานิบอกว่า เพราะสภาพร่างกายแม่ของเจเทาวน์ไม่ดีนัก ดังนั้นหลายวันมานี้กองถ่ายจึงต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อถ่ายทำ เผื่อว่าถ้าหากอีกไม่กี่วันเจเทาวน์ต้องรีบกลับบ้านไปจัดการเรื่องของแม่ ความเร็วในการถ่ายทำของกองถ่ายจะไม่ล่าช้า

หลังจากโซเมนนั่งลงแล้วเขาก็พูดกับหลินจือว่า “หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้มา คุณควรจะให้สถานะแก่เท่ของพวกเราจริงไหม?”

หลินจือที่เพิ่งซดน้ำซุป ได้ยินดังนั้นสำลักออกมา

ทาเท่จ้องโซเมน “นายรีบหุบปากเถอะ”

ประเด็นไหนไม่ควรยกขึ้นมาพูดก็พูดอันนั้นจริงๆ

โซเมนแบมือจุกจนพูดไม่ออก นี่เขาหวังดีคิดที่จะบีบบังคับหลินจือ คิดว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาและไวท์ หลินจือจะไว้หน้าเทาเท่ แล้วยอมรับเทาเท่ในสถานะแฟนหนุ่มได้

ใครจะคิดว่าหลินจือจะไม่สะทกสะท้านเลย เธอหยิบทิชชูมาเช็ดที่มุมปากเบาๆแล้วพูดด้วยคำพูดที่น้อยแต่ต่อยหนักว่า “ฉันว่าพวกเราตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว อีกอย่างประธานเทาเท่ก็ไม่ใช่คนที่แคร์เรื่องสถานะอยู่แล้ว”

หลินจือพูดจบก็หันไปมองเทาเท่ที่อยู่ข้างๆ ถามด้วยรอยยิ้มบางๆว่า “ใช่ไหมคะประธานเทาเท่?”

ใบหน้าของเทาเท่ดูบาดเจ็บอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับไม่ได้พูดค้านอะไรสักคำ

โซเมนมองท่าทีกล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดอะไรของเทาเท่ก็โกรธมากจนไม่อยากจะช่วยเขาช่วงชิงอะไรอีก

เขามองออกว่าเทาเท่กล้าบ่นเรื่องที่หลินจือไม่ให้สถานะต่อหน้าพวกเขา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินจือเขาไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว หลินจือพูดอะไรเขาก็ฟัง

ถุ้ยๆ!

ประธานเทาเท่ผู้สูงศักดิ์ของพวกเขากลายเป็นคนต่ำต้อยและไร้ความโกรธเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

โซเมนจึงเปลี่ยนเรื่องคุยกับเทาเท่ “ฉันได้ยินมาว่านายตัดโครงการของซาโต้โครงการหนึ่ง เขาจึงต้องทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม?”

“อืม” เทาเท่ตอบรับเรียบๆ

การตัดโครงการของซาโต้เพียงโครงการเดียวเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะวันนี้ซาโต้โทรมางอแงร้องไห้เพื่อขอความเมตตา ไม่แน่ว่าเขาอาจถอนรากถอนโคนตระกูลโสราจินไปด้วยกัน

แต่การที่เขาเก็บซาโต้ไว้ยังมีประโยชน์อื่นๆอยู่ ซูซีไม่ใช่ว่าอยากให้หลินจือถูกซาโต้ทำอะไรไม่ใช่เหรอ งั้นเขาจะพุ่งเป้าหมายไปที่ซูซีบ้าง ดังนั้นเขาจึงให้เงื่อนไขกับซาโต้หนึ่งอย่างคือ อย่าให้ซูซีมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย

สำหรับคนอย่างซูซี เขาไม่อยากจัดการด้วยตัวเองอีกต่อไป

ไวท์พูด “เขานี่ก็โชคร้ายจริงๆที่ถูกซูซีวางแผนร้ายใส่”

โซเมนแบมือ “ดังนั้นถึงบอกว่าหลงสาวจนเสียคน ถ้าเขาไม่เห็นแก่ได้สาวสวยอย่างซูซี ก็คงไม่สูญเสียเยอะขนาดนี้”

เมื่อพูดถึงเรื่องผู้หญิง โซเมนมีความชัดเจนอยู่เสมอ

ไม่มีผู้หญิงไหนที่จะสามารถทำให้เขาเสียผลประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อยได้ ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวหรือส่วนรวม

หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จโซเมนและไวท์ก็ขอตัวกลับ หลินจือไปอาบน้ำง่ายๆที่ห้องน้ำ

ที่แผ่นหลังเธอมีบาดแผล ไม่สามารถอาบน้ำได้ ทำได้เพียงเช็ดตัว

ทันทีที่เธอออกจากห้องน้ำ เทาเท่ก็ขวางเธอไว้ เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนแล้วจูบเธออย่างดุเดือด

หลินจือทนรับจูบที่มาอย่างกะทันหันนี้ รวมทั้งมักรู้สึกว่าเทาเท่ดูเหมือนกำลังจะลงโทษอะไรเธออยู่ เพราะเขากัดริมฝีปากเธอจนเจ็บ…

พอรู้สึกว่าเอวของตนกำลังจะถูกเขาคลึงจนขาด เทาเท่ก็ปล่อยเธอไปในที่สุด

หลินจือกุมริมฝีปากที่ร้อนของตัวเอง กล่าวโทษเขาอย่างไม่พอใจ “คุณเป็นบ้าอะไร?”

เทาเท่แนบชิดเธอกระซิบพูดว่า “ผมพูดว่าผมไม่สนใจสถานะเมื่อไหร่กัน?”

หลินจือรู้ดีว่าเขาเคืองกับคำพูดนี้ของเธอ

เธอถามอย่างไม่เข้าใจ “แล้วทำไมคุณไม่ค้านฉันล่ะ?”

เทาเท่พ่นลมหายใจ “ผมก็แค่อยากไว้หน้าคุณไม่ใช่รึไง? หรือว่าคุณอยากให้ผมทะเลาะกับคุณต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน?”

หลินจือ “…”

หลินจือยกมือขึ้นจิ้มหน้าอกล่ำของเขา หลินจือเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “พูดแบบนี้หมายความว่าคุณไม่เห็นด้วยกับที่ฉันพูดเหรอ? คุณแคร์เรื่องสถานะมาก?”

เทาเท่หรี่ตามองเธอ “คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ผมอยากทำอะไรมากที่สุด?”

หลินจืองง “อะไร?”

เทาเท่กัดฟันพูดออกมาทีละคำทีละประโยคว่า “มัดคุณไปที่อำเภอเพื่อแต่งงานใหม่!”

เขาจะไม่แคร์เรื่องสถานะได้อย่างไร?

เขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้สถานะที่สมเหตุสมผล!

หลินจือผลักเขาให้ออกไปอย่างโกรธมาก เทาเท่ยกมือขึ้นดึงเธอกลับเข้ามาในอ้อมแขนแล้วเกลี้ยกล่อม “ผมก็แค่คิดในใจเองนี่? ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

“พวกเรามาคุยกันเถอะ” เทาเท่พูดอย่างใจเย็น “ถ้าคุณยอมรับเปิดเผยว่าผมเป็นแฟนคุณ ผมจะเลิกคิดเรื่องแต่งงานใหม่ไว้เท่านี้”

“เพียงแค่คุณยอมรับว่าคบกับผม ผมสัญญาว่าจะเป็นแฟนที่ดีของคุณ จะไม่คิดเป็นอย่างอื่นเลยแม้แต่น้อย”

หลินจือโกรธกับคำพูดของเขาจนหัวเราะ เขาช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ

บอกว่าเพียงแค่เธอยอมรับว่าเขาเป็นแฟนเธอก็จะไม่บังคับให้เธอแต่งงานใหม่อะไรนั่น แต่เห็นได้ชัดว่าเธอแค่ต้องการรักษาความสัมพันธ์ทางกายกับเขา

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอยังฉลาดอยู่บ้างก็คงติดกับเขาแล้ว!

หลินจือผลักเขาออกด้วยความโกรธ ยกมือขึ้นชี้ไปทางห้องพักแขก “เทาเท่ คุณไปที่ห้องพักแขกเองเลย!”

เทาเท่รีบประนีประนอม “อย่าเลย ผมต้องช่วยคุณทายาตรงหลังอยู่นะ”

หลินจือสะบัดมือเขา “ฉันทำเองได้”

ช่วยเธอทายาอะไรกัน เห็นได้ชัดว่าเขาอยากจะกินเธอ เธอสามารถทายาได้เองอย่างง่ายดาย

เทาเท่จะยอมปล่อยเธอไปง่ายๆได้ยังไง เขาตามติดเธอไม่ห่างเข้าไปในห้องนอน ใช้ไม้อ่อนหว่านล้อมช่วยหลินจือทายาไม่หยุด

หลินจือโกรธเขามากจนต้องหาวิธีมาลงโทษเขา

ดังนั้นพอเขาช่วยเธอทายาเสร็จกำลังจะลุกขึ้นจากไป หลินจือหันกลับมาผลักเขาลงบนเตียง

เดิมทีเสื้อของเธอถอดไปครึ่งหนึ่งเนื่องจากต้องทายา แต่ตอนนี้เธอยกมือถอดออกหมด เทาเท่ไม่สามารถหายใจได้อย่างปกติทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เธอโน้มตัวเข้ามาจูบ

ตั้งแต่ที่เขากับหลินจือสร้างความสัมพันธ์ทางกายมา เขากับเธอมีความสัมพันธ์กันเพียงครั้งเดียว

วันต่อมาเธอมีประจำเดือน กว่าที่ประจำเดือนจะหมดได้ เธอก็ได้รับบาดเจ็บอีก เพราะห่วงแผลของเธอ เขาจึงไม่กล้าแตะต้องเธอจนถึงตอนนี้

ดังนั้นแค่คิดก็รู้แล้วว่าที่หลินจือจุดไฟของเทาเท่ในครั้งนี้จะทำให้เขาทรมานเพียงใด