บทที่ 291 กำลังตามจีบอดีตภรรยา

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ผิวที่ละเอียดอ่อนนั้นได้อยู่ในอ้อมกอด ทำให้เทาเท่แทบจะลืมหายใจ

อายุเขาปาเข้าปูนนี้แล้ว และก็ไม่ใช่คนที่เพิ่งจะเคยมีผู้หญิง ทำไมตอนนี้ได้รับโอกาสแต่ดันกลับตื่นเต้นขนาดนี้

ตอนที่หลินจือได้ก้มตัวลงจูบ เขาก็ให้รู้สึกสั่นไปทั่วทั้งร่าง

ดีที่เขายังมีสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง เขาจับเอวที่บอบบางของหลินจือ พูดด้วยเสียงที่แหบว่า “บนร่างกายของคุณยังมีแผล…”

เดิมทีหลินจือแค่คิดอยากจะทรมานเขาเล่นๆ แต่ผลสุดท้ายตัวเธอก็ข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่

หรืออาจจะเป็นเพราะได้ประสบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แม้ว่าปากเธอจะไม่พูดว่าอะไร แต่ความรู้สึกที่มีในใจต่อเทาเท่นั้นก็ผ่อนลงไปมาก

เธอต้องยอมรับว่าใจของผู้หญิงนั้นบอบบางมากจริงๆ และก็ถูกทำให้หวั่นไหวได้ง่ายๆเลยล่ะ

เทาเท่ช่วยเธอให้พ้นความทุกข์ร้อน ทำไมในใจของเธอถึงยังคงไม่รู้สึกสะทกสะท้าน?

ในเวลานี้เธอได้ยินเทาเท่ยังกำลังพะว้าพะวังเกี่ยวกับบาดแผลของเธอ เธอเลยช้อนใบหน้าของเขาขึ้นมาจูบ บนร่างนั้นมีบาดแผลก็ไม่เป็นไร เธอเชื่อว่าเขาคงไม่ทำให้เธอเจ็บ และความเร่าร้อนจู่โจมของเธอในครั้งนี้ก็ทำให้เทาเท่รับมือไม่ไหว คนทั้งสองเลยกลมเกลียวอยู่ด้วยกันอย่างนั้น

เรื่องหลังจากนั้นก็คือ…ไรผมของหลินจือก็ม้วนกันเป็นเกลียว

เทาเท่หยิบผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเข้ามา แล้วเช็ดทำความสะอาดทีละนิดให้กับเธอ

หลินจืออยู่ในระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น พูดประท้วงขึ้นว่า “เทาเท่ เรื่องแบบนี้พวกเราต้องกำหนดเวลาสักหน่อยจริงๆ”

เทาเท่บอกว่าเป็นห่วงที่บนร่างของเธอมีบาดแผล เขาก็ได้ควบคุมอารมณ์ไว้แล้ว

หลินจือกลับไม่รู้สึกถึงความควบคุมอารมณ์ของเขาแม้สักนิด เธอยังคงเหมือนร่างจะพัง เหนื่อยจนลุกไม่ขึ้น

เทาเท่เอาเธอมาไว้ในอ้อมกอดหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ “ก็เป็นคุณไม่ใช่หรอที่เมินไม่สนใจผมมาตั้งนาน?”

เขาข่มเอาไว้แทบตาย ยากที่จะมีโอกาสได้รับจูบที่เร่าร้อนอย่างนี้ จะให้ควบคุมอารมณ์อีกก็คงหยุดไม่ไหว

หลินจือคร้านที่จะสนใจเขา พลิกตัวนอนหลับไป

เทาเท่ไปอาบน้ำในห้องน้ำ และกลับมานอนกอดคนที่ตัวนุ่มนิ่มนอนหลับไปด้วยกัน

ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องของไกอากับวีนา เทาเท่เลยไม่ได้เปิดเผยมาให้เห็นหน้า แต่ว่าวันถัดมาเขามีประชุมธุรกิจที่สำคัญที่จะต้องเข้าร่วม ดังนั้นหาได้ยากที่จะปรากฏหน้าแก่สาธารณชน

เจตนาร้ายของสังคมภายนอกที่มีต่อเทาเท่ก็เบาบางลงไปมาก ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องของไกอากับวีนาที่ลงมือทำ หลายปีมานี้ความประพฤติส่วนบุคคลของเทาเท่ก็ยังคงเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณะชน

อย่างอื่นไม่ต้องพูดเลย หลายปีมานี้เทาเท่ได้ขะมักเขม้นพัฒนามูลนิธิการกุศลที่อยู่ภายใต้ฟอเรนากรุ๊ป เด็กมากมายที่ได้เรียนหนังสือ ได้มีเงินรักษาโรค ได้ใช้ชีวิตที่สดใสก็เพราะเงินช่วยเหลือของมูลนิธิเมตตาของฟอเรนากรุ๊ป

มูลนิธินี้คุณท่านโอธนินได้สร้างขึ้นในปีเดียวกัน แต่เมื่อมาอยู่ในมือของเทาเท่เขาถือเอาเป็นเรื่องจริงจัง มีเด็กหลายคนที่เคยได้รับเงินช่วยเหลือ หลังจากที่จบการศึกษาแล้วก็เลือกมาที่ฟอเรนากรุ๊ป เพื่อมีส่วนช่วยพัฒนาฟอเรนากรุ๊ป ก็ถือเป็นการตอบแทนทางอ้อมอย่างนึง

อีกทั้งได้ยินมาว่าฟอเรนาก็สูญเสียโปรเจคใหญ่ไปหลายตัวเหมือนกัน และเพราะหุ้นของฟอเรนากรุ๊ปสวิงแรงมาก เทาเท่ถึงเสียตำแหน่งที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆของเมืองเจสเวิร์ด ดังนั้นผู้คนก็ไม่ได้กีดกันเทาเท่ถึงขนาดนั้น

ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนสนใจที่สุดคือความสัมพันธ์ของเขาและอดีตภรรยา ดังนั้นนักข่าวเลยคว้าตัวเทาเท่และถามให้กระจ่างว่า “ท่านประธานเทาเท่ครับ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณหลินจือคืออะไรครับ?”

“คุณบอกว่าหวังว่าจะให้เธอเปลี่ยนใจ คุณกำลังตามจีบคุณหลินจือใหม่อยู่ใช่มั้ยครับ?”

ปกติเทาเท่ไม่ชอบตอบคำถามสื่อ นอกเสียจากว่าเป็นคำถามในด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังเขาจะให้ความร่วมมือในการตอบ และโดยทั่วไปถ้าพูดถึงหัวข้อที่เอาไว้เม้าหรือหัวข้อที่ไวต่อความรู้สึก ส่วนใหญ่เขาจะเดินออกไปอย่างหน้านิ่ง

และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมแต่ก่อนตอนที่เขามีข่าวลือกับซูซีกลับไม่มีใครกล้าถามต่อหน้าเขาถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น

คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้เท่าเท่จะยืนนิ่งอยู่กับที่และฟังคำถามของพวกเขาจนจบอย่างอดทน อีกทั้งยังตอบคำถามนี้อย่างเอาจริงเอาจังด้วยว่า “ผมกำลังตามจีบเธออยู่จริงๆ จนถึงขั้นแต่งงาน ถ้าไม่ได้แต่งผมไม่เลิกรา”

พวกนักข่าวคิดไม่ถึงว่าเทาเท่จะให้ความร่วมมืออย่างนี้ อีกทั้งตอบอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาอีกด้วย จนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อดี

มีนักข่าวคนนึงได้สติขึ้นมาเลยให้รีบถามว่า “พูดอย่างนี้แล้ว ตอนนี้คุณหลินจือไม่อยากที่จะคืนดีกับคุณใช่มั้ยครับ?”

เขาพูดจบ เทาเท่ก็กวาดตามองด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น นักข่าวคนนั้นให้คอหด แล้วพูดต่อว่า “เอ่อ…ถ้าคุณไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรครับ”

ไม่คุ้มที่จะใช้สายตาน่ากลัวนั้นมาทำให้คนอื่นกลัวอย่างนี้

จริงๆฟังจากน้ำเสียงของเขาก็รู้ได้แล้วว่าอดีตภรรยาของเขานั้นไม่อยากคืนดี ไม่งั้นเขาคงไม่พูดว่าไม่ถึงขั้นแต่งงานเขาไม่เลิกรา

เทาเท่ไม่ได้ตอบจริงๆ ทำเสียงไม่พอใจแล้วเดินจากไป

นักข่าวคนนั้นถามคำถามบ้าอะไร ถ้าเธอยอมคืนดีกับเขา เขายังต้องพูดประโยคพวกนั้นมั้ย?

โงเง่าจริงๆ

เทาเท่โค้งตัวเข้าไปนั่งในรถ พอประตูรถปิดลงสีหน้าก็กลับมาอ่อนโยนเหมือนเดิมทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นเพื่อโทรหาหลินจือ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ผมทำงานทางนี้เสร็จแล้ว ตอนเที่ยงอยากกินอะไร?”

“คุณกินเองเถอะ อย่ามาหาฉัน” หลินจือที่อยู่ในสายโกรธไม่หยุด

เดิมทีเธอเตรียมอาหารกลางวันไว้ที่บ้าน เธอคิดว่าเทาเท่ก็ทำอาหารมาหลายวันแล้ว เธอก็ควรที่จะทำบ้าง

ตอนที่เธอกำลังเตรียมนั้นก็เปิดโทรทัศน์ดูการสัมภาษณ์สด ใครเคยคิดว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเทาเท่

หลินจือโมโหหนัก เขาไม่ได้บีบบังคับเธอว่าต้องยอมรับฐานะของเขา แต่ตัวเขาเองกลับป่าวประกาศให้ทุกคนรับรู้

เขาพูดว่าถ้าไม่ถึงขั้นแต่งงานก็จะไม่เลิกรา เมืองเจสเวิร์ดก็คงไม่มีใครกล้าแข่งกับเขาแล้วหรือเปล่า?

นี่ไม่เท่ากับว่าได้บีบคนที่มาจีบเธอไปหมดหรอกหรอ?

เขานี่มัน…..

แม้ว่าเธอจะไม่ได้อยากคบหามีความสัมพันธ์กับชายอื่นเหมือนกัน แต่เธอก็โมโหในความร้ายกาจของเขา

เดิมทีอยากที่จะทำอาหารที่เทาเท่ชอบกิน ตอนนี้คร้านที่จะสนใจเขาแล้วก็เลยกดวางสายทิ้ง

เทาเท่ที่ถูกโดนวางสายใส่ก็กลับเฉย เขารู้แล้วว่าตัวเองจะต้องโดนอย่างนี้

จอนห์ที่ขับรถอยู่ด้านหน้าอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “บอสครับ แผนการเล็กๆของบอส ไม่ใช่ว่าคุณหลินจือจะดูไม่ออกนะครับ”

นัยน์ตาดำขลับของเทาเท่มองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วพูดเสียงเรียบว่า “ฉันก็อยากให้คนที่มันคิดไม่ซื่อนั้นได้รู้ว่าเธอเป็นของฉัน หลังจากนี้จะได้ไม่มาหาเรื่องเธออีก”

อย่างเช่นซาโต้ เพียงแต่แต่ก่อนเขาได้เคยย้ำว่าถึงความสำคัญของหลินจือที่มีต่อเขา ซาโต้ก็จะไม่ไปข้องเกี่ยวกับซูซีอีก แล้วก็จะไม่ต้องถูกซูซีให้ร้ายจนเกือบทำให้หลินจือได้รับบาดเจ็บ

“เอ้อ” จอนห์เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้เลยรายงานกับเทาเท่ว่า “ครั้งที่แล้วที่คุณไปทำชิปโปรเจคนั่นที่นิวซีแลนด์ถูกคนแย่งไปแล้วนะครับ”

เทาเท่เงยหน้ามองแล้วถามว่า “เขาเป็นใครมาจากไหน?”

ตอนนี้เป็นยุคแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับสูง ชิปโปรเจคที่แฝงไว้ด้วยเทคนิคทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับสูงเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลายบริษัทต่างพากันแย่งชิงแข่งขัน เทาเท่พอจะเข้าใจได้ว่าฝ่ายตรงอยากที่จะแข่งกับเขา แต่คิดไม่ถึงว่าเขาใกล้จะได้คุยกันสำเร็จอยู่แล้ว ฝ่ายตรงข้ามยังเข้ามาขัดขาได้ นี่มันเจตนาฉวยเอาไปชัดๆ

จอนห์รายงานว่า “เป็นบริษัทนอก บอสมีชื่อว่าไกรภพชื่อภาษาอังกฤษคือ Eric”

จอนห์พูดอีกว่า “เขายังมีอีกฐานะนึงคือเป็นแฟนเก่าของซูซีตอนที่อยู่ต่างประเทศ”

เทาเท่กระดกคิ้วหัวเราะด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “อ่อ นี่เขากำลังอยากที่จะแก้แค้นให้ซูซีหรอ?”