บทที่ 292 เมื่อคืนผมใช้แรงเยอะ

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ถ้าไม่ใช่การแก้แค้น ทำไมตอนที่เขาจัดการซูซีและเบลซ ถึงมาแย่งโปรเจคที่เขาให้ความสนใจไปล่ะ?

เทาเท่กลับคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงอย่างซูซีนั้น ยังมีคนที่มาช่วยเธอและไม่เสียใจที่จะมาเป็นคู่อริกันกับเขา

จอนห์พูดต่ออีกว่า “ผมสืบประวัติส่วนตัวของไกรภพคนนี้มาแล้วครับ เขาเป็นเชื้อสายจีน เติบโตที่ต่างประเทศ ฐานะทางครอบครัวใช้ได้ ความสามารถส่วนตัวก็ดีมากอีกด้วย บริษัทตอนนี้เขาก่อตั้งด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เรียกได้ว่าหล่อและยังมีเงินครับ”

“อืม” เทาเท่ตอบรับเสียงเรียบและไม่ได้พูดอะไรต่อ

จอนห์นึกว่าเทาเท่จะโกรธที่ชิปโปรเจคถูกแย่งไปหรือไม่ก็คิดหาวิธีจัดการกับไกรภพนั่น แต่ว่าสายตาของเทาเท่สงบนิ่งมาก จนทำให้จอนห์คิดไม่ตกว่าตกลงเขากำลังคิดอะไรอยู่แน่

ดังนั้นเขาจึงลองถามว่า “แล้วเรื่องชิปโปรเจค….”

เทาเท่พูดอย่างสุขุม “ถ้าเขาอยากแย่งก็แย่งไปเถอะ ฉันแพลนจะลงทุนเปิดโรงงานเอง”

โรงงานนั่นในประเทศนิวซีแลนด์มีเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่แข็งแรง เดิมทีเทาเท่อยากที่จะเทคโอเวอร์มาเพื่อลงทุนการผลิต คิดไม่ถึงว่าจะถูกไกรภพนั่นฉวยเอาไป

จอนห์ประหลาดใจเล็กน้อย “พวกเราลงทุนเองหรอครับ? งั้นแนวรบก็ต้องยืดออกไปอีกน่ะสิครับ”

อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงแล้ว แค่เลือกทำเลโรงงานช่วงแรกก็สูญเสียเวลาไปมาก อย่าพูดถึงว่าจะต้องสร้างโรงงานจัดตั้งกลุ่มการผลิตเลย

“ใจร้อนอยากสำเร็จโดยทันทีโดยไม่ดูความเป็นไปได้” เทาเท่พูดด้วยสีหน้าขึงขัง “ครั้งที่แล้วหลังจากกลับมาจากนิวซีแลนด์ ฉันก็พิจารณาถึงเรื่องนี้ ตนย่อมเป็นที่พึงแห่งตน แทนที่พวกเราจะฝากความหวังไว้กับคนอื่น สู้เอาอำนาจในการควบคุมมาไว้ในมือของตนจะดีกว่า”

“สร้างเองและสนองความต้องการเอง หลังจากนี้ก็ไม่ต้องไปสนใจใคร”

จอนห์พยักหน้าแสดงความเข้าใจ “งั้นพรุ่งนี้ผมจะเริ่มลงมือเลือกทำเลนะครับ”

“อื้ม” เทาเท่วางใจความสามารถในการทำงานของจอนห์มาก หลากหลายเรื่องเขาไม่จำเป็นต้องพูดเยอะจอนห์ก็เข้าใจ นี่เป็นความสามารถที่หาตัวจับยาก

จอนห์ขับรถมาส่งเทาเท่ทีบ้านแล้วจึงขับออกไป เป็นไปตามที่คาดไว้เทาเท่ถูกหลินจือทิ้งให้อยู่ข้างนอก

เทาเท่พูดอย่างจนปัญญาอยู่ด้านนอกประตูว่า “ผมผิดไปแล้ว หลังจากนี้ถ้าไม่ผ่านความเห็นด้วยของคุณ ผมรับรองว่าจะไม่พูดซี้ซั่วให้คนนอกรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา”

หลินจือไม่อยากที่จะสนใจเขาแม้สักนิด ตอนนี้ทุกคนรู้กันทั่วหมดแล้ว ต่อให้หลังจากนี้เขาจะไม่พูดอะไรอีก จะยังมีประโยชน์อะไร?

เทาเท่จึงทำได้แค่ร้องขึ้นอีกว่า “ผมประชุมตลอดช่วงเช้าเลย หิวจริงๆ คุณเปิดประตูผมถึงจะเข้าไปทำอาหารได้”

เทาเท่คิดไม่ถึงจริงๆเลยว่าจะมีสักวันที่ตัวเองนั้นจะก้มหัวให้กับผู้หญิงคนนึงและไม่กล้าที่จะมีอารมณ์เสียแม้สักนิดเดียว

หลินจือพูดปะทะเขาขึ้นจากในห้อง “บ้านคุณก็มีห้องครัวไม่ใช่หรอ? ถ้าหิวก็กลับบ้านไปทำสิ หรือไม่ก็เรียกgrabก็ได้”

เทาเท่หายใจเข้าลึกๆและพูดต่อว่า “คุณไม่หิวหรอ? ผมยังต้องทำให้คุณกินอีกไม่ใช่หรอ?”

หลินจือรู้สึกว่าคำพูดของเทาเท่น่าขำ “เทาเท่ คุณเพิ่งจะได้เป็นพ่อครัวมือใหม่ ยังกล้ามาพูดแบบนี้กับฉันหรอ?”

เธอเคยเป็นแม่บ้านมาสามปี ทำอะไรก็อร่อย เขาพูดอย่างกับถ้าเธอไม่มีเขาก็คงจะหิวตาย นี่เขาอยากให้เธอขำตายใช่มั้ยเนี่ย?

เพื่อโจมตีเขา หลินจือก็จงใจพูดอีกว่า “ขอโทษนะ ฉันกินเรียบร้อยแล้ว กินเกี๊ยวน้ำยัดไส้ไป อร่อยสุดๆ”

เทาเท่ “….”

นั่นเป็นอาหารที่เขาชอบมากที่สุด ในวันที่อากาศหนาวๆได้กินเกี๊ยวน้ำร้อนๆ คงอร่อยน่าดูเลย

เทาเท่คิดเข้าข้างตัวเองว่าหลินจือคงต้องตั้งใจทำให้เขาแน่ เพราะเธอรู้ว่าเขาชอบมันมากแค่ไหน

คิดได้อย่างนี้แล้ว คนที่ถูกทิ้งให้รอข้างนอกก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดใจขนาดนั้น

และทันใดนั้นเองเขาก็มีความคิดอื่นเข้ามา เขาเลยพูดอย่างรามือว่า “เอาเถอะ ในเมื่อคุณแล้งน้ำใจอย่างนี้ ผมก็คงต้องกลับไป”

เขาพูดจบก็หันตัวกลับไปที่บ้านของเขาเอง ขณะที่หลินจือยังคงอึดอัดใจว่าทำไมเขาถึงว่าง่ายขนาดนี้นั้นก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องนอนชั้นสอง

หลินจือไหวตัวทันทีแล้วรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน

แต่ทว่าช้าเกินไปแล้ว พอเธอถลันเข้ามาที่ห้องนอน เทาเท่ก็ได้เปิดหน้าต่างกระโดดเข้ามาในลานระเบียงของเธอ

หลินจือโกรธจนตัวสั่น ยกนิ้วชี้ขึ้นจะด่าเขา “เทาเท่!”

ช่วงนี้เขาเข้าออกตามประตูมาตลอด หลินจือลืมวิธีการเข้าห้องของเขาอย่างนี้ไปเสียถนัด

เทาเท่เข้ามาประกบจูบที่ริมฝีปากของเธอ แล้วพูดทีข้างหูของเธอว่า “อย่าตะคอก เดี๋ยวเสียงแหบอีก”

หลินจือหน้าแดงขึ้นมาทันใด เพราะเมื่อคืนถูกเขาทรมานอยู่นาน เธอร้องโอดอวนแทบจะตลอดทั้งคืน วันนี้พอตื่นขึ้นมาเสียงก็แหบ

ตอนนี้เขาพูดอย่างนี้จงใจเยาะเย้ยเธอทำให้เธออาย

แต่ในเวลานี้เทาเท่เดินลงไปชั้นล่างอย่างชิวๆ แล้วหาเกี๊ยวน้ำที่หลินจือเพิ่งทำไว้ในห้องครัวเจอได้อย่างเหมาะเจาะ แล้วจัดแจงวางไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย

จริงๆแล้วหลินจือยังไม่ได้กิน เมื่อกี้ไม่อยากให้เขาเข้ามาก็เลยพูดระบายออกไปเพื่อคิดบัญชีกับเขาเท่านั้นเอง

แต่ครั้งนี้หลินจือโมโหสุดขีดจริงๆ ตลอดการกินอาหารเธอไม่สนใจเทาเท่เลย

หลินจือทำเกี๊ยวน้ำไว้เยอะมาก ตัวเธอเองกินชามเล็กก็อิ่มแล้ว ส่วนที่เหลือก็ถูกเทาเท่กินจนหมดแล้ว

หลินจือเห็นใบหน้าที่หล่อเหลากินจนเหงื่อเต็มหน้าผาก ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “เทาเท่ นี่ทำไมคุณถึงกินได้ขนาดนี้?”

เดิมทีเธออยากที่จะเหลือไว้ให้นานิเก็บไว้ในตู้เย็น นานิก็ชอบกินเกี๊ยวน้ำฝีมือเธอเหมือนกัน สรุปก็เห็นว่าเทาเท่เหมือนกินไม่อิ่ม เธอก็เลยเอาส่วนที่เหลือไว้ให้นานิไปอุ่นให้เขา เขาก็กินหมดอีก จนหลินจือต้องพูดแขวะเขา

เทาเท่พูดด้วยใบหน้าเจ็บปวด “แต่ก่อนผมก็กินเยอะอย่างนี้ไม่ใช่หรอ? ทุกครั้งที่คุณทำเกี๊ยวน้ำ คุณเองก็กินชามเล็ก ส่วนที่เหลือก็เป็นของผม”

“ครั้งนั้นก็ไม่เห็นว่าคุณรังเกียจอะไรผมเลย ตอนนี้กลับรังเกียจผมแล้วหรอ?”

“ในใจไม่มีผมแล้วจริงๆ ขนาดผมกินข้าวก็ยังไม่ชอบเลย”

หลินจือถูกคำพูดต่อว่าของเขาจนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก

เธอก็แค่แขวะเขาว่ากินเยอะเท่านั้นเอง เขาจำเป็นที่จะต้องบ่นอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างนี้มั้ย?

สุดท้ายเธอก็ทำได้แค่หาข้อแก้ต่างให้ตัวเอง “เดิมทีฉันเหลือไว้ให้นานิชุดนึง ใครจะรู้ว่าคุณจะกินจนหมด”

เทาเท่พูดอย่างไม่พอใจว่า “ถ้าเขาอยากกินก็ทำเองสิ มีสิทธิ์อะไรมากินฝีมือของคุณด้วย?”

หลินจือพูดอย่างโมโหว่า “แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมากินล่ะ?”

นานิไม่รู้เรื่องอะไรในห้องครัวหรอก เทาเท่บอกว่าให้เขานั้นทำเอง นานิคงได้ทำห้องครัวไหม้ซะก่อน

เทาเท่ยิ้มมุกปากอย่างมีเลศนัย แล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อคืนผมใช้แรงเยอะน่ะสิ”

หลินจือ “……”

เธออยากที่จะเอาชามที่อยู่ตรงหน้ามาเคาะที่หัวเขา ทำไมเขาหน้าไม่อายอย่างนี้?

หลังจากที่หย่ากันไปแล้วได้มาคบกับเทาเท่ใหม่ หลินจือรู้สึกว่าแต่ก่อนนั้นตัวเองได้รู้จักกับเทาเท่ตัวปลอม

เธอโมโหจนเดินออกไป เทาเท่เก็บกวาดบนโต๊ะอย่างหนักเอาเบาสู้ เอาชามช้อนวางเข้าไปในเครื่องล้างจานเพื่อทำความสะอาด

ตอนนี้เทาเท่ทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างคล่องมือมากยิ่งขึ้น อยู่มาจะสามสิบเก้าปีแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยทำเรื่องแบบนี้ซะที่ไหน แต่ว่าตอนนี้เขารู้สึกว่ามันเรียบง่ายก็ดีไม่น้อยเลย

ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายอย่างมีความสุขก็เป็นความสำเร็จอีกอย่างนึง